สวัสดีครับเพื่อนๆ #โมบายโฟโตกราฟเฟอร์ ทุกคน ทุกคนไม่ได้มาผิดเพจนะ ยังเจอกับแอดมินแก้วคนเดิม แต่วันนี้ แอดมินจะพาไปนั่งรถหรูถ่ายรูปสวยๆ กับ #AudiA7 ที่อาจจะเป็นรถในฝันของใครหลายๆ คน ไปชมกันเลยครับ
Dimension ขนาดมิติตัวถัง
ยาว 4,969 มิลลิเมตร
กว้าง 1,908 มิลลิเมตร
สูง 1,422 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ wheelbase 2,926 มิลลิเมตร
ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย : 535 – 1,390 ลิตร ต้องพับเบาะด้วยนะครับ
เป็นรถที่ให้ Look เหมือนผู้บริหาร ด้วยความหรูหราภายนอก และขนาดที่ยาวเกือบๆ 5 เมตรเลยนะ
รุ่น 55 TFSI quattro
เครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.0 ลิตร 2,995 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ
กำลังสูงสุด 340 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,400 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,370 – 4,500 รอบ/นาที
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ S-Tronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ
พร้อม (BAS) 48V (Mild Hybrid : MHEV) และ แบตเตอรี่ Lithium-ion เพื่อช่วยในการออกตัว
กระจังหน้าแบบ Audi ยุคใหม่ที่เสริมความดุดันให้กับรถยนต์ขึ้นไปอีก ด้วย Grill ที่มีเส้นสายในแต่ละเส้นที่ใหญ่ขึ้น เปลี่ยนจาก Chrome ที่เน้นความวิบวันสะท้อนแสง เป็นสีดำเงา ที่ดู ดุดันมากขึ้น
Logo Audi ขนาดใหญ่บริเวณกระจังหน้า พร้อม Badge คำว่า Quattro หรือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของทาง Audi นั่นเอง เดี๋ยวเราจะไปลองกันด้วย ว่ามันเจ๋งขนาดไหน
ไฟหน้า HD Matrix พร้อม Animation Light Effect Staging พร้อมระบบการเปิดปิดอัตโนมัติ หล่ออลังการมาก เรียกได้ว่าหล่อตั้งแต่ตอนปลดล็อกรถ ด้วย Remote แล้ว เพราะมี Animation ของไฟที่เท่มากๆ
Headlight Spec | ระบบไฟหน้า
ไฟหน้า HD Matrix พร้อม Animation Light Effect Staging
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
ไฟ Daytime Running Light แบบ LED
ไฟท้าย LED พร้อม Animation Light Effect Staging
ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า แบบอัตโนมัติ
และไฟท้ายทรงยาว ตีโอบส่วนท้ายรถที่ค่อนข้างกว้าง พร้อม Lighting Animation เหมือนเดิม แถมฝาท้ายสามารถ ยากขึ้นเป็น Wing Spoiler เพื่อสร้างแรงกดให้กับรถเมื่อวิ่งในความเร็วสูงนะครับ
รถคันนี้เป็นรุ่น S-line จึงจะมีชุดตกแต่งภายนอกที่ตรงรุ่นออกมาจากโรงงานเลย พร้อมช่วงหน้าแบบ Sport ส่วนล้อก็มาในลายที่ดูหรูหราเป็นสีอ่อน จริงๆ แอดมินคิดว่า ถ้าตรงนี้ได้เป็นล้อสีดำ หรือ ทูโทนแบบรุ่นเมืองนอก จะหล่อกว่านี้อีก
ตัวกระจกมองข้าง ปรับและพับและพับด้วยไฟฟ้า และมีการตัดแสงแบบอัตโนมัติ อีกทั้งยังสามารถบันทึกตำแหน่งการปรับไว้ใน Memory ได้เช่นเดียวกับ เบาะที่นั่ง ตำแหน่งพวงมาลัยภายในรถยนต์
มาดู Interior ภายในของ Audi A7 กันบ้างนะครับ
แผง Console ตรงกลาง เป็น Dual Screen บนล่างนะครับ ปุ่มแบบ Analog หมุนๆ กดๆ แทบจะไม่มีละ เปลี่ยนมาใช้เป็นจอหมดเลย จอด้านบนจะเป็น Infotainment ต่างๆ ส่วนด้านล่างจะเป็น Passenger status setting ทั้งเรื่อง อุณหภูมิ ของแอร์ และเรื่องอื่นๆ
พวงมาลัยแบบ D-Cut หลบช่วงขา ทำให้ดู Sport มากขึ้นและ ลุกเข้าออกที่นั่งได้สะดวกกว่าเดิม
หลังพวงมาลัยมี Paddle Shift และก้าน Cruise Control จะอยู่ด้านล่างซ้ายครับ ไฟเลี้ยวอยู่ซ้าย
พวงมาลัยทรง S-Line นี่มันหล่อจริงๆ วัสดุหนังที่หุ้ม Touching ดี
อีกทั้งเวลาอยู่ในที่แสงน้อย ตัว Ambient Lighting จะเปิดขึ้นมาเอง โดยที่จะมีบริเวณ Console กลาง แผงประตูด้านข้าง และบริเวณที่วางเท้า ซึ่งมีไปยันเบาะหลังเลยนะครับส่วนนี้ สวยงามมากทีเดียว
เบาะนั่งขนาดใหญ่ เป็นตัว S-Line เป็นทรงกึ่ง Sport ที่นั่งสบายม๊ากกกก นุ่มมากส่วนหนังที่หุ้มเบาะก็คือความพิเศษของรุ่นนี้เลยครับ เพราะหุ้มด้วย หนัง Valcona มี Touching ดีสุดๆ รู้สึกได้ถึงความ Premium
อย่างที่บอกไปครับ พวก Gauge วัดค่าต่างๆ ที่เป็น Analog หายไปหมดแล้ว ตัวนี้เป็นหน้าจอทั้งคัน แถม Animation ลื่นไหลดีมาก
Cockpit Specification
หลังคา Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงอัตโนมัติ
เบาะนั่งคู่หน้า ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง Memory Seat ผู้ขับขี่
พวงมาลัยหุ้มหนัง Perforated พร้อมสัญลักษณ์ S-Line
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ควบคุมอุณหภูมิอิสระ 4 Zone
ระบบกุญแจ Comfort Key
ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
ระบบเปิด-ปิดฝาท้าย ด้วยระบบไฟฟ้า
ฝาท้ายเปิด-ปิด โดยไม่ต้องใช้มือ Hand-Free Tailgate
ชุดมาตรวัดดิจิตอล Virtual Cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว
หน้าจอควบคุมระบบตัวรถ ระบบสัมผัส Haptic Feedback ขนาด 8.6 นิ้ว
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ Head-up Display
เวลามานั่งก็จะให้ Feeling ที่สบายมากๆ เบาะตัวใหญ่ แต่ปีกเบาะยัง โอบกระชับได้ดี เวลาวิ่งที่ความเร็วๆ แล้วเขาโค้ง อาจจะมีโยนบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายนัก
Panoramic Sunroof บานใหญ่ รอบม่านกันแดด กว้างขวางเต็มตามากๆ แต่ตอนเปิดดันไม่สุดซะงั้น
แผงประตูตัวที่ดึงเปิด เก็บเนียนเข้ากับประตูไปดี พร้อมปุ่มปลดล็อกประตู ถ้าเป็นฝั่งคนขับก็จะมี Preset ของพวงมาลัย ของเบาะ มาให้ทั้งหมด 2 Preset ที่เราสามารถตั้งเอาไว้ได้
มาดู Performance ที่หลายคนอาจจะสงสัยกันดีกว่าครับ 0-100 ของ Audi A7 ที่เราทำได้อยู่ที่เท่าไหร่ ?
0-100 Acceleration Test
เกียร์ D : 0 - 100 เวลาที่ได้ 5.8 วินาที
เกียร์ S : 0-100 เวลาที่ได้ 5.2 วินาที
Launch Control Mode : 0-100 เวลาที่ได้ 5 วินาที ถ้วน ! พ่อคู๊น จะแรงไปไหน
เรื่อง Performance คงจะไร้ข้อกังขากันไปแล้ว มาต่อกันที่ Quattro หรือขับสี่กันดูบ้างนะครับ ว่าเวลามาอยู่ในมือของแอดมินแล้ว จะเอาแก้วอยู่ไหม 55 5
ถนนเละๆ โคลนๆ แบบนี้ เรา ตัวรถก็ไม่ได้แสดงอาการออกมาแต่อย่างใด ทั้งช่วงล่างที่ดี และน้ำหนักตัวรถ และระบบช่วยเก็บอาการของรถยนต์ที่ช่วยสร้างเสถียรภาพในการขับขี่ที่ไร้ที่ติ มากๆ
ลุยกันมาจน มอมแมมไปทั้งตัว ไปล้างซะหน่อย ก่อนจะไปเก็บภาพช่วงกลางคืนกันต่อ
ฝนก็ยังตกลงมาไม่หยุด แต่เราก็ไม่หยุดถ่ายครับ มันให้ Feeling ดีจริงๆ ไฟ DRL นี่ขนาดเวลากลางคืนยังสว่างมากๆ ยังกับไฟหน้ากันเลย
ไฟท้ายยาวที่กลางวันว่าสวยมากแล้ว พอมากลางคืน สวยขึ้นไปอีกขั้นเลย ดูดีมากๆ
ไฟภายในห้องโดยสารรถยนต์สว่างมากใช้งานได้สบาย นี่ขนาดมาจอดมืดตึ๊บขนาดนี้ ยังสว่างมากๆ
ราคาของเจ้า Audi A7 Sportback 55 TFSI quattro S-Line : 5,399,000 บาท เปิดให้จองแล้วในประเทศไทย
สำหรับแก้วแล้ว แก้วมองว่า Audi A7 เป็น Sedan หรูคันใหญ่ ที่หลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นรถผู้บริหาร คู่แข่งกับ Mercedes benz หรือ Series 7 จาก BMW แต่จริงๆ แล้ว Audi A7 มีความดุดัน ความแรงแบบผู้ดี ที่แบบว่า เราขับบนท้องถนนปกติ ชิวๆ หล่อๆ ในวันพักผ่อน พาครอบครัวนั่งกันไปได้ทั้งคันแบบสบายๆ
.
แต่ถ้ามีรถคันไหนสักคัน มาเร่งเครื่องดันท้าย Audi A7 ก็พร้อมจะวาปหายไป ให้รถคันที่ตามหลังดมฝุ่น จากพื้นถนนไประหว่างที่กำลังอึ้ง (ถ้าคันนั้นแรงม้าต่ำกว่า 250 แรงม้า ละก็นะ)
[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ]
IG : kaew.ravie