รีวิว vivo X200 FE l จิ๋วจี๊ดที่รอคอย น้องเล็กที่เก่งไม่แพ้ใคร กล้อง ZEISS โทนสีฟิล์ม
- แอดมินแก้ว
- 15 ก.ค.
- ยาว 7 นาที
สวัสดี Mobile Photographer และแฟนๆ ของ vivo ทุกคนด้วยนะครับ วันนี้ ตื่นเต้นมาก ๆ ที่จะได้รีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นนี้สักที ตัวแก้วเองเนี่ย เฝ้ารอให้ vivo ออกสมาร์ทโฟนเรือธงในไซต์ Compact พกพาง่าย น้ำหนักเบา แต่มีกล้องที่ดี Performance ที่แรงเพียงพอ ใช้ได้ครอบคลุม มากนานมาก ๆ แล้ว ตอนที่ไปงานเปิดตัว vivo X200 Series ที่ปักกิ่ง แอบเล็ง X200 Pro Mini ไว้ก็จริง แต่พอไม่มี Global Model แก้วก็เลยใช้ X200 Pro ไปก่อนพลาง ๆ ก่อนนะครับ เพราะว่าส่วนตัวแล้ว ถ้าเป็นเครื่องหลัก ก็อยากจะใช้เครื่องไทย เพราะอะไรหลาย ๆ อย่าง

แต่วันนี้ สิ่งที่รอก็มาอยู่ในมือแก้วแล้วครับ กับ vivo X200 FE น้องเล็กสุดใน vivo X200 Series แก้วใช้งานมาแล้วเป็นเครื่องหลัก ประมาณ 3 สัปดาห์ มีบางอย่างที่อาจจะไม่ได้ถูกใจสายเน้นสุดทุกด้าน แต่ถ้าเกิดใครเป็นสายรักสมาร์ทโฟนเครื่องเล็กเหมือนกับแก้ว รุ่นนี้ลงตัวกว่าที่คิด และหลาย ๆ อย่างให้ได้มากกว่าที่คาดไว้เหมือนกัน น่าใช้แค่ไหน รีวิวให้ดูครับ
SPECIFICATION | vivo X200 FE
Chipset : Mediatek Dimensity 9300+
RAM 12GB LPDDR5X | Storage 512GB UFS 3.1
Display : 6.31-inch AMOLED 1B | 120Hz | 1.5K | HDR Image Support
Screen to body ratio 90% | 460 ppi
Very Good quality Stereo speaker | IP68/IP69
5G | Bluetooth 5.4 | USB Type-C 2.0 | Wifi7
6500mAh BlueVolt | 90W wired vivoFlashCharge support PD Adapter

DESIGN : การออกแบบ
เรามาเริ่มกันที่ Design ตัวเครื่องของ vivo X200 FE เครื่องนี้กันเลยนะครับ หลาย ๆ คนอาจจะเคยมาบ้างแล้วว่า Design และ Spec โดยรวมของ vivo X200 FE จะดูต่างไปจาก vivo X200 Series ตัวอื่น ๆ แบบชัดเจนเลย โดย vivo X200 FE จะเน้นไปที่ความสดใส มีสีตัวเครื่องที่น่ารัก ๆ ให้เลือกเพียบเลย

อย่างสีที่แก้วนำมารีวิวให้ดูก็จะเป็น สีชมพู Pink vibe และสีฟ้า Blue Breeze แล้วก็จะมีอีก 2 สีก็คือ สีเหลือง Yellow Glow และ สีดำ Black Luxe สีที่พิเศษที่สุด คือ สีฟ้า เครื่องนี้ เพราะสีของ Frame จะเป็นสีเดียวกับฝาหลัง ในขณะที่สีอื่น ๆ จะได้ Frame ที่เป็นสีดำ นะครับ

วัสดุตัวเครื่อง ต้องบอกว่าให้ความ Premium ทั้งการมองด้วยสายแต่ และผิวสัมผัสในการจับถือที่ ไม่ได้ด้อยไปกว่า vivo X200 Series รุ่นอื่น ๆ เลยครับ Build Quality ดีได้ IP Rating IP68/69 ฝาหลังเป็นกระจกแบบด้าน กันรอยนิ้วมือได้ดี Frame ตัวเครื่องเป็น อลูมิเนียม เกรดอากาศยาน มีเสาสัญญาณกระจายอยู่รอบตัว และเป็น Frame แบบ Flat ด้วยนะครับ ซึ่งนั่นก็หมายความว่ารุ่นนี้ จะเป็นจอแบนนั่นเอง


การจับถือเนี่ย น่าจะเป็นเรื่องที่แก้วชอบที่สุด และทำให้ตัดสินใจใช้เครื่องนี้ได้ในทันที เพราะว่า มันจับได้เข้ามือดีมาก ๆ ครับ เครื่องบาง 7.99mm น้ำหนัก 186 กรัม และ Design Module กล้อง ที่ขนาดเล็ก และบางลง และมีการย้ายตำแหน่งมาไว้ด้านข้าง ไม่ได้เป็น Module กล้องกลม ๆ ตรงกลาง ทุกคนลองดู ทำให้เวลาที่เราถือแนวตั้ง นิ้วก็จะไม่เผลอไปจับกระจกหน้าเลนส์ จนเลอะ แล้วต้องคอยเช็ดอยู่บ่อย ๆ

บริเวณด้านล่างก็จะเป็นที่อยู่ของ Port USB type C เวอร์ชั่น 2.0 มีถาดซิมแบบ Dual Sim รองรับ E sim มีไมโครโฟนหนึ่งตัว ลำโพงหนึ่งตัว ส่วนด้านบน ก็จะมี Microphone และ ลำโพงอีกหนึ่งตัวนะครับ

ลองฟังเสียงลำโพง ในหมู่ vivo X200 Series เครื่องไทย ที่แก้วได้จับมาทุกตัว แก้วชอบเสียงลำโพงของ vivo X200 5G มากที่สุด รองลงมาคือตัวนี้ครับ vivo X200 FE ส่วนตัว Pro เนี่ยชอบน้อยสุด คือ Character เสียงลำโพงของ 3 รุ่นนี้ก็คือ คล้าย ๆ กันนั่นแหละ เน้นเสียงกลาง เน้นความดัง มิติเสียงกว้าง ๆ แต่สิ่งที่ลำโพงของรุ่นนี้ดีกว่าตัว Pro คือ รายละเอียดเสียงในย่านแหลม และ Bass ที่ต่อให้เปิดเสียงดังสุดไม่มี Peak และ Detail ไม่หาย แต่ Disclaimer เอาไว้นิดหนึ่งนะครับ ที่แก้วบอกว่าลำโพงมันดีกว่าตัว Pro เนี่ย ใช่ว่าจะดีกว่าลำโพงเรือธงรุ่นอื่นนะครับ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกัน ใช้งานได้ปกติ แต่ไม่ได้ประทับใจอะไรกับมันมากครับ
DISPLAY : หน้าจอ
ทีนี้มาที่เรื่องของหน้าจอกันบ้างครับ เรื่องนี้แก้วคิดว่าหลาย ๆ คนน่าจะถูกใจกันแน่นอน เพราะ vivo X200 FE ได้หน้าจอมาเป็นแบบ จอแบนแล้ว ทุกคนดูขอบจอ บางมาก บางสู้กับเรือธงระดับ 3 หมื่นได้เลย ขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.31 นิ้ว Resolution อยู่ที่ 1.5K Panel หน้าจอเป็น AMOLED ขอบเขตสีอยู่ที่ 1B รองรับการแสดงผล Content ที่เป็น HDR และใช้ร่วมกับ ฟีเจอร์ Visual Enhancement ได้


และมี Pixel Density อยู่ที่ 460ppi สำหรับสมาร์ทโฟนจอเล็กแบบนี้ ให้มาแน่นมากทีเดียว แก้วลองเอาไปดู Streaming Content จาก Platform ต่าง ๆ ก็รองรับ ที่เป็น HDR ทุก Platform เลย การแสดงผลสีสันได้สวย และมีความแม่นยำสูง จะใช้เพื่อ Entertainment หรือ ทำงานก็ไว้ใจได้ครับ

ส่วนตอนที่เอาไปใช้งาน Social Media ก็สามารถที่จะเลื่อนหน้า Feed ได้แบบเนียน ๆ ที่ 120Hz ทั้ง Facebook | IG

ส่วนตัว Fingerprint Scanner จะเป็นในรูปแบบ Optical Fingerprint อยู่ใต้หน้าจอ ตำแหน่งจะต่ำหน่อย แต่พอสมาร์ทโฟนมันเครื่องเล็ก เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องเอื้อมนิ้วอะไรเลย ใช้งานได้ดี ปลดล็อกได้รวดเร็วดี

ปิดท้ายด้วยเรื่องความสว่างหน้าจอสูงสุด เวลาที่เราใช้งานนอกบ้านนะครับ Peak Brightness สูงสุดอยู่ที่ 5000nits แก้วไม่มีตัวเลข High Brightness ที่ชัดเจน ที่ลองเทียบกับ HBM ของ vivo X200 Pro แล้ว สว่าง ๆ พอ ๆ กันครับ เพียงพอต่อการใช้งานในทุก ๆ สภาพแสง แล้วก็สำหรับใครที่ชอบเล่น มือถือในห้องตอนปิดไฟ จะมีฟีเจอร์ Extra Dim ลดแสงหน้าจอให้ต่ำลงมาให้เพิ่มเติมได้ ค่า PWM Dimming อยู่ที่ 2160Hz สามารถเลือก เปิด/ปิด ได้ด้วยนะครับ

CAMERA : กล้องถ่ายภาพ

ชุดกล้องหลังของ vivo X200 FE จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 ตัวนะครับ กล้องหลักความละเอียด 50MP ใช้ Sensor IMX921 Focal Length อยู่ที่ 23mm รูรับแสงกว้าง f/1.88 มาพร้อมกันสั่น OIS และ auto Focus แบบ PDAF
กล้องตัวต่อไปก็คือ กล้อง Telephoto 3x ความละเอียด 50MP ใช้ Sensor IMX882 ตัวเดียวกับ vivo X200 รุ่นกลาง รูรับแสงกว้าง f/2.65 แต่จะเป็น Periscope ที่ทาง vivo Design โครงสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อลดน้ำหนัก และขนาดของ Module กล้องลง จะเสียความสามารถในการถ่าย Tele-Macro ไป มีระยะโฟกัสใกล้สุดที่ ประมาณ 2 ฟุต สามารถถ่ายในระยะกลาง ไปจนถึงไกลได้ดี มาพร้อมกันสั่น OIS และ Auto Focus แบบ PDAF
กล้องตัวสุดท้ายในชุดกล้องหลังก็คือ กล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 8MP ใช้ Sensor ของทาง Omnivision ในองศาในการรับภาพ 16mm รูรับแสงกว้าง f/2.2 และเป็นแบบ Fix Focus นะครับ
ส่วนตัวกล้องหน้าจะมีความละเอียด 50MP ใช้ Sensor ISOCELL JN1 องศาในการรับภาพกว้าง 20mm มี Autofocus มาให้ และกันสั่นเป็นรูปแบบ EIS นะครับ
ไฟ Aura Light Portrait
MAIN CAMERA 50MP IMX921 OIS PDAF
เรามาเริ่มดูภาพจากหลักของ vivo X200 Fe ตัวนี้กันเลยนะครับ ลักษณะในการ Process ไฟล์ภาพของ vivo X200 FE เครื่องนี้ ค่อนข้างที่จะแตกต่างจาก vivo X200 Series ตัวอื่น ๆ อยู่พอสมควร โดยเขาจะเน้นความง่ายในการถ่าย มีการ Process ช่วยเหลือเยอะ ๆ แบบ vivo V Series


ทั้งในเรื่อง Sharpness และ Software Auto HDR ที่ขุดเก่งมาก ๆ แบบ แต่ปรับให้ธรรมชาติมากขึ้น บน Hardware กล้องที่คุณภาพสูงขึ้น เหมือนมาอยู่ตรงกลางระหว่างความเป็น V Series และ X Series ได้ลงตัวมาก ๆ แก้วคิดว่าคนที่ชอบ Snap เร็ว ๆ ไม่ได้มีความรู้ในการถ่ายภาพมาก ก็น่าจะได้ภาพสวยจากรุ่นนี้ได้ไม่ยากเลย


ระบบวัดแสง และ White Balance ทำได้แม่นยำดีครับแม้จะเจอสภาพแสงที่มีความยาก อย่างที่แสงน้อย หรือ ตอนถ่ายกลางคืนที่ Ambience Light เยอะ ๆ ก็ยังเก็บสีให้ตรงได้อยู่เหมือนเดิม

ส่วนในเรื่องของ Depth of field หรือการถ่ายภาพละลายฉากหลังนั้น ทำได้ดีพอ ๆ กับ vivo X200 ตัวรุ่นกลาง เข้าใกล้วัตถุได้มาก ใช้การ Crop Zoom 2x เข้ามาช่วยได้ ให้ได้ Bokeh ที่ใหญ่ขึ้น สวยขึ้น ถ่ายอาหารก็ออกมาดูดีทีเดียว


FOOD PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพอาหาร
สำหรับการถ่ายภาพอาหาร เลนส์ที่แก้วแนะนำก็คงจะเป็นเลนส์หลักนี่แหละ ที่ใช้การ Crop on sensor เข้าไป 2x เพื่อให้ได้ทั้งสัดส่วนภาพที่ตรง และมี Depth of field ที่กำลังสวย ส่วนตัวสีสันของภาพที่ออกมา ถ้าให้ใช้ Profile สีภาพแบบ Vivid ก็คือ สีสวยแล้วนะ

แต่ถ้าใครรู้สึกว่า มันยังสดไม่พอ หรืออยากได้การเบลอฉากหลังเพิ่ม การเลือกใช้ Portrait ในการถ่ายอาหาร ก็ถือว่าโอเค สีสันจะสดขึ้นเล็กน้อย แต่พอมีการเบลอเข้ามาช่วย ตัวอาหารก็จะดู Pop ฉากหลังมามากขึ้น

PORTRAIT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพบุคคล
เรามาต่อกันที่เรื่องของ การถ่ายภาพ Portrait กันบ้างนะครับ เรื่องนี้เนี่ย ใครที่คิดว่าต้องการถ่ายภาพ Portrait ให้ได้สวย ๆ เทพ ๆ ต้องไปถึงตัว Pro เท่านั้น แก้วจะบอกว่ามันไม่จริงเสมอไปละครับ เพราะ vivo X200 FE เครื่องนี้ ให้ Software ในการถ่ายภาพ Portrait มาพอ ๆ กับ vivo X200 Pro เลย


ไม่ว่าจะเป็น ระยะในการถ่ายถึง 5 ระยะ ก็จะมี 23mm | 35mm | 50mm | 85mm และ 100mm


และทุกระยะ ใช้งานได้จริง ZEISS Bokeh ที่ให้มาแบบครบถ้วน เหมือนกับรุ่นพี่ทุกตัว และ Software ในการตัดขอบละลายฉากหลัง การเก็บปลายผมเล็ก ๆ ไปจนถึง การถ่ายย้อนแสง โดยเราเปิด Auto HDR ก็สามารถช่วย Balance แสงในฉากหลัง และใบหน้าได้ดี


นอกจากนั้น โทนสีแบบกล้องฟิล์ม ทั้ง 3 แบบที่แก้วได้พูดไปก่อนหน้านี้ เราก็สามารถนำมาใช้กับการถ่ายภาพ Portrait ได้ด้วยนะครับ ยิ่งถ้าได้สถานการณ์แสงที่ มีช่วงความต่างของส่วนเงาเยอะ ๆ Contrast จัด ๆ หยิบโทนสีแบบฟิล์มมาใช้คือ ดีเลย

แล้วก็ด้วยความที่มีไฟ Aura Light Portrait มาให้เราใช้งานด้วย ในหลาย ๆ สถานการณ์ vivo X200 FE เครื่องนี้ อาจจะถือไพ่เหลือกว่ารุ่นพี่ ๆ ได้เหมือนกัน เจอไฟ Ambience Light สีแปลก ๆ เวลาไปห้าง เวลาไปเที่ยวตอนกลางคืน กลัวว่าสีผิวจะเพี้ยน ก็เอาไฟ Aura Light Portrait มาช่วยได้ นี่นับ ๆ ดูแล้ว vivo X200 FE เป็นรุ่นที่มี Software การถ่ายภาพ Portrait ที่เยอะที่สุดแล้วใน vivo X Series ทุกตัว โบเก้ ZEISS ก็มี โทนฟิล์มก็มี รอบนี้มีไฟ Aura Light ไปอี๊ก

ตัวแก้วเองมีโอกาสได้คุยกับทีม Product ของ vivo ในช่วงก่อนจะรับเครื่องมา ว่า Software กล้องที่อยู่ใน vivo X200 FE นั้น เป็นตัวใหม่ ที่มีพื้นฐานมาจาก Software กล้องของที่อยู่ใน Origin OS คิดว่าอนาคต คงจะทยอย Implement ให้กับรุ่นพี่ ๆ ที่ออกไปก่อนหน้านี้ หรือเราจะอาจจะได้เห็น AI 4 ฤดูในรอมไทยหรือเปล่าน้าาา มารอดูกันนะครับ


3x PERISCOPE TELEPHOTO 50MP IMX882
เรามาต่อกันที่กล้อง Telephoto 3x ที่ใช้ Sensor IMX882 ตัวนี้กันเลยนะครับ ต้องยอมรับว่า ตัวแก้วเองก็เสียดายที่ ไม่สามารถจะถ่าย Tele-Macro ในระยะใกล้ ๆ ได้เหมือนกับรุ่นอื่น ๆ ใน Series เดียวกัน


แต่ถ้าพูดถึงเรื่องคุณภาพไฟล์ Dynamic Range การเก็บรายละเอียดสีสันต่าง ๆ ในภาพ แก้วบอกเลยว่า เก่งแทบจะไม่ต่างไปจาก vivo X200 เลย เอามาถ่ายภาพ Portrait ก็ดี ทุกคนน่าจะได้เห็นกันไปแล้ว


ช่วงก่อนหน้านี้แก้วพก vivo X200 FE ไปสอน นศ. จัดไฟถ่ายรูปในคลาสมา พอน้อง ๆ ได้เห็นคุณภาพของภาพที่ได้ ก็มาขอไฟล์ภาพไปลง IG กันเพียบเลย


ทีนี้หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่า พอลดขนาด Module กล้องลงมา ใช้ Prism สะท้อนแสงในรูปแบบใหม่ คุณภาพไฟล์เวลาเราซูมไกล ๆ นั้นจะลดทอนลงไปไหม ซึ่งแก้วบอกเลยว่า ไม่เลยครับ เผลอ ๆ พอมาทำงานกับ Software กล้อง Gen ใหม่ แล้วจะเก่งขึ้นด้วย Lossless Zoom ที่ทำได้แบบคุณภาพไฟล์ยังดีอยู่ แก้วให้ไปได้ถึง 10x | 20x ได้เลย

ซึ่งนั่นก็เพียงพอต่อการจะเอามาถ่ายภาพ Landscape สถาปัตยกรรม หรือ จะเอาไป Zoom Concert ก็ได้ เพราะว่า vivo X200 FE เครื่องนี้มี Stage Mode มาให้ด้วย Shutter อาจจะไม่ไวเท่าตัว Pro แต่เพียงพอที่เราจะ Snap ภาพสวย ๆ เก็บไว้ทันแน่นอนครับ รวมไปถึง Stage Mode วีดีโอซูมได้ไกลสุด 20x ด้วยนะ



ULTRA WIDE ANGLE 8MP 16mm FF
เรามาต่อกันที่กล้องตัวสุดท้ายในชุดกล้องหลัง ก็คือกล้อง Ultra Wide Angle ตัวนี้กันเลยนะครับ ทั้งคุณภาพไฟล์ และองศาในการรับภาพ อยู่ในระดับกลาง ๆ ถึงสีสันจะจูนมาได้ดี เก็บ Noise ในสภาพแสงยาก ๆ ได้เก่ง


ซึ่งส่วนใหญ่มันก็มาจาก Software กล้องทั้งนั้น แก้วคิดว่า Spec Hardware ที่มันลดลงมา มันแอบจะมากเกินไปหน่อย คือเราเข้าใจได้นะว่า อยากทำให้มันบางลง แต่อย่างน้อย Ultra Wide Angle ให้มาสัก 12MP ก็ได้ เพราะถึงแม้แก้วเอง จะไม่ใช่คนที่ใช้ Ultra Wide Angle บ่อย

แต่หลาย ๆ คนที่เขามีความต้องการจะใช้ มันแอบเป็น Deal Breaker ให้เขาได้เหมือนกัน แต่ถ้าใครที่ใช้ทั่ว ๆ ไป ตัวนี้ก็ยังพอไหวครับ


LOW LIGHT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพในที่แสงน้อย
เรามาต่อกันที่ Low Light Photography หรือการถ่ายภาพในที่แสงน้อยกันเลยนะครับ vivo X200 FE นั้น เราสามารถใช้งาน Night Mode ได้ในกล้องทุกตัวเลย มีพวก Filter สีสันต่าง ๆ ไปจนถึง Mode การถ่ายพระจันทร์ ถ่ายดาวมาให้เราใช้กันด้วย


แต่รุ่นนี้ไม่มี Long Exposure มาให้นะครับ แอบน่าเสียดายไปหน่อย ถ้าเป็นไปได้ vivo ช่วยอัพเข้ามาเพิ่มใน Software ขายจริงให้ทีนะครับ

ลักษณะในการ Process ไฟล์ภาพใน Night Mode vivo X200 FE นั้น ค่อนข้างจะเหมือนกับ vivo X200 Pro ก็คือ ไม่ได้มีการเร่งความสว่างของภาพขึ้นมามากนัก ไปเน้นจัดการ จุดรบกวนในภาพ และสีสันให้มีความสวยงามซะมากกว่า


Clarity กับ Sharpness ก็เติมมาในระดับที่แก้วว่ากำลังโอเค ดูไม่แข็งจนเกินไป ส่วนคุณภาพไฟล์ กล้องหลัก กับ กล้อง Periscope Telephoto 3x ถือว่าดีเลย รายละเอียดกับสีสัน ทำออกมาได้แทบจะเหมือนกัน 100% ระยะเวลาในการลากชัตเตอร์ก็ไม่นาน



ส่วนกล้อง Ultra Wide Angle นั้น คือ เอาจริง ๆ ถ้าไม่ซูมดูใกล้ ๆ มันก็พอได้อยู่แหละ แต่ถ้าเอาไปเปิดบนหน้าจอใหญ่ ๆ Texture หรือรายละเอียดพื้นผิว มันค่อนข้างจะเละไปแล้วครับ


RAW FILE PERFORMANCE : ประสิทธิภาพของ RAW FILE
ทีนี้มาต่อกันที่ RAW File Performance ของ vivo X200 FE เครื่องนี้กันเลยนะครับ เราสามารถใช้งาน RAW File ในรูปแบบ Sensor RAW ได้ในกล้องหลังทุกตัว แต่ถ้าเอาแบบที่ใช้งานได้จริง คาดหวังผลได้ แก้วแนะนำให้ใช้แค่ 2 กล้องเท่านั้น


ก็คือ กล้องหลัก กับกล้อง Telephoto 3x นะครับ Dynamic Range พอ ๆ กับ vivo X200 และสามารถนำมา Process ต่อได้ดี มีความยืดหยุ่นของไฟล์ที่ใช้ได้เลยครับ


FRONT CAMERA 50MP : กล้องหน้า 50MP | ISOCELL JN1
ดูภาพนิ่งในกล้องหลังกันครบแล้ว เรามาดูภาพนิ่งในกล้องหน้ากันบ้างดีกว่านะครับ สำหรับกล้องหน้าตัวนี้ เอาจริง ๆ ดูเกินหน้า เกินตารุ่นพี่พอสมควรเลยนะ เพราะได้ Sensor เป็น ISOCELL JN1 และมุมกว้างแบบ Ultra Wide


เหมือนกับ vivo V50 เลย มี Autofocus มาใช้ด้วย Bokeh แบบ ZEISS และ Filter สีต่าง ๆ ในกล้องหน้ามีให้ใช้เพียบ

แต่ที่เป็น Highlight เลยก็คือ vivo เอา ไฟ Dual Aura Light มาให้เราใช้ Selfie ในที่แสงน้อยด้วย ได้ภาพสว่าง และ Balance ตรงขึ้น กลายเป็น vivo X200 Series Global Model ที่กล้องหน้าดีที่สุดไปเรียบร้อยแล้ว



VIDEOGRAPHY : การถ่ายวีดีโอ
ดูภาพนิ่งกันไปครบแล้ว เรามาดูการถ่าย video ใน vivo X200 FE ตัวนี้กันต่อเลยนะครับ สำหรับ Resolution สูงสุดที่ถ่ายได้จะอยู่ที่ 4K 60fps ในกล้องหลัก และ กล้อง Telephoto และกล้องหน้า ส่วน Ultra Wide Angle จะได้แค่ Full HD เท่านั้นนะครับ คุณภาพไฟล์ Video จะให้ Bitrate เฉลี่ยมาอยู่ที่ 32mbps แต่เมื่อถ่าย Video ด้วย Mode Pro สามารถจะเพิ่ม Bitrate ได้สูงสุดถึง 64mbps เลย
ตัว Dynamic Range ของไฟล์วีดีโอ สีสัน และรายละเอียดต่าง ๆ สำหรับแก้วถือว่า ทำได้ดีตามมาตรฐาน ของ vivo X Series แต่อาจจะมีจุดที่แก้วไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ 2 เรื่อง อันแรกเลยก็คือ กันสั่นเวลาที่เราเดินถือถ่าย อาจจะไม่ได้มีความนิ่งที่เทียบกับรุ่นพี่ทั้ง 2 ตัว เรื่องที่ 2 คือ เวลากดซูมระหว่างการถ่าย บางครั้งกล้องไม่ Switch เลนส์ให้ ซึ่งจะเกิดกับเวลาที่เปลี่ยนจาก กล้องหลัก ไปที่ Telephoto 3x นะครับ การสลับจากกล้องหลัง มากล้องหน้า ทำได้รวดเร็ว Smooth ดี ซึ่งคิดว่า ถ้าทาง vivo อัพเดต Software มาแก้ก็น่าจะหายได้ไม่ยากอะไรครับ พวกลูกเล่นการถ่าย Video ก็จะมี Slow Motion Full HD 240fps และ Cinematic Video หรือ Video ละลายฉากหลัง ก็มีให้เช่นเดียวกัน แต่จะใช้ได้แค่ 1080p เท่านั้นนะครับ
PERFORMANCE : ประสิทธิภาพ
มาพูดถึง Performance ในการใช้งานจริงในด้านต่าง ๆ กันบ้างว่า vivo X200 FE เครื่องนี้ตอบสนองเราได้ดีแค่ไหนนะครับ ถ้าใช้งานแบบ Daily use ทั่ว ๆ ไป เล่น Social Media ใช้ในการทำงาน ตัดต่อวีดีโอเบา ๆ แต่งภาพ ไปจนถึง Multi Tasking เปิดหลายหน้าจอ Dimensity 9300+ ตัวนี้ เอาอยู่สบาย ๆ เพราะยังไงก็คือ อดีต Chip เรือธงอยู่แล้วครับ แต่จะมีความต่างจาก Dimensity 9400 ที่อยู่ในรุ่นพี่ทั้ง 2 ตัวนิดหนึ่งก็คือ อุณหภูมิที่เกิดขึ้นกับการใช้งานในด้านต่าง ๆ จะรู้สึกได้ว่า Dimesnity 9300+ จะอุ่นกว่าอยู่เล็กน้อย ประมาณ 1-2 องศา

แต่จะรู้สึกชัดขึ้น เวลาต้องใช้งานกลางแจ้งนาน ๆ ส่วนหนึ่งคิดว่า มาจากขนาดตัวเครื่องที่เล็กด้วย แต่พอเดินเข้าที่ร่มมาแป๊บเดียว ก็จะกลับไปเย็นตามปกติแล้ว เพราะทาง vivo เองก็ได้ใส่ระบบระบายความร้อนใหม่เข้ามาให้ โดยใช้กราไฟต์ในการนำความร้อน และมีขนาดใหญ่เกือบจะเต็มหลังเครื่องเลย จากที่แก้วลอง 3D Mark Stress Test มา ได้ Stability มาได้อยู่ที่เกือบ ๆ 79% และ คะแนน Geekbench ก็สูงกว่า Snapdragon 8 Gen 3 ในเรือธงหลาย ๆ ตัวด้วยนะครับ

สำหรับการเอาไปเล่นเกมเนี่ย แก้วว่า ปัญหาเดียวเลยที่เจอคือ บางคนอาจจะรู้สึกว่า เครื่องมันเล็กไปหน่อย สำหรับใครที่คิดจะเอามาเล่นเกมจริงจัง นอกนั้น vivo X200 FE เครื่องนี้ก็ใช้ได้หมด เล่นเกมกราฟิกโหดๆ อย่าง Odin Vallha Rising | Crystal of Atlan ได้สบาย ปรับกราฟิก Setting ได้ในระดับสูงสุด ถ้าในฉากตัวละครไม่เยอะ หรือไม่ได้อยู่ใน PVP Guild War ได้ Frame Rate นิ่ง ๆ ได้ที่ 60fps ได้สบายเลยครับ



ส่วน Battery Life และ Screen of time เรื่องนี้ก็อาจจะเป็นอีกจุดที่พอเราเห็นตัวเลขแล้ว เราจะคิดว่า แบตคงจะข้ามวันได้แบบ vivo X200 Pro แน่ ๆ ซึ่งถามว่าทำได้ไหม ก็ทำได้ครับ แต่ไม่ใช่กับทุกรูปแบบการใช้งาน ถ้าเราใช้งานทั่วไป เน้นเล่น Social Media ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ และต่อ WiFi เอาก็อาจจะทำได้ แต่ถ้าเราใช้งานนอกบ้านตลอด เปิดแสงหน้าจอเยอะ ต่อ 5G ตลอดเวลา มีการใช้ GPS นำทาง ใช้กล้องด้วย Battery เพียงพอที่จะอยู่ได้จบวันสบาย ๆ แต่จะลากไปถึงข้ามวันก็คงจะทำไม่ได้ขนาดนั้น เพราะถ้าเทียบกันแล้ว Dimensity 9300+ ใช้พลังงานมากกว่า 9400 ที่อยู่ในรุ่นพี่ทั้ง 2 ตัวอยู่เหมือนกันครับ

CONCLUSION & OPINION
#vivoX200FE ไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะครับ ว่าเราจะได้เห็น vivo นำสมาร์ทโฟนใน Segment จอเล็กแบบนี้ มาวางจำหน่าย และยังเป็น vivo X Series อีกด้วย มาในขนาดตัวจิ๋ว 6.31 นิ้วพกพาสบาย Dimensity 9300+ จูนมาใหม่ แรงกว่า 8 Gen 3 และ Stability สูงขึ้น จับคู่กับ แบตเตอรี่ Bluevolt Generation ล่าสุด 6500mAh ในน้ำหนัก 186 กรัม

การใช้งานในชีวิตประจำวัน ความง่ายในการพกพา Reliability ของ Software ทำได้ดีมาก ๆ ไม่เจอปัญหาอะไรที่น่าหงุดหงิด หน้าตาม UI อาจจะยังเดิมๆ ตามสไตล์ Funtouch แต่ในเชิง Function การใช้งานนั้น ไม่มีปัญหาอะไร ไม่เจอ Bug ไม่เจออะไรที่น่าหงุดหงิด ส่วนเรื่องความส่วนงาม และ Features Ai ที่มีความหวือหวา แต่ vivo สัญญาว่า Design ใหม่ มาแน่เร็วๆ นี้

การใช้งานกล้อง ถ้าให้สรุปเร็ว ๆ ก็คือ ทำออกมาได้ดี พอๆ กับ X200 5G ตัวกลาง แต่ลด Ultra Wide ลง เหลือ 8MP ซึ่งน่าเสียดายมากจริงๆ อาจจะทดแทนด้วยกล้องหน้ามุมกว้าง Sensor ใหญ่ แบบ vivo V50 มาทดแทนได้ พร้อมกับ Video 4K ได้เกือบทุกกล้อง และ Software ในการถ่ายภาพ Portrait ที่เรียกได้ว่า vivo ก็ยังเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องนี้อยู่ ไม่ว่าจะเป็น vivo X Series ในตัวเริ่มต้นก็ตาม

ปิดท้ายด้วย Stage Mode ที่อัพเกรดระยะ Zoom เป็น 30x และ ระยะ Lossless Zoom 10x ได้แบบสบาย ๆ หรือจะใช้ Mode Portrait เอามาถ่าย Concert ก็ Work เหมือนกัน

[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ] Fanpage : https://www.facebook.com/mobile.fotographer IG : kaew.ravie #Mobilephotographer #โมบายโฟโตกราฟเฟอร์
ความคิดเห็น