top of page
  • รูปภาพนักเขียนแอดมินแก้ว

Samsung Galaxy S22 Ultra ลงตัวกว่าที่คิด กับกล้องถ่ายภาพที่ไว้ใจได้

สวัสดีครับทุกคน เริ่มเดือนมีนาคมมา ก็ได้เวลาของรีวิวที่หลายคนรอคอยกันอยู่ นั่นก็คือ Samsung Galaxy S22 Ultra 5G นั่นเองครับ การรวมร่างกันของ Note Series และ S Series จากทาง Samsung ในครั้งนี้จะน่าสนใจขนาดไหน ไปชมรีวิวกันครับ

SPECIFICATION

Display : Dynamic AMOLED 2x 6.8 inches | WQHD+ | Refresh Rate 120Hz

Chipset : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 Octa-core

RAM : 8GB/12GB | ROM : 128GB/256GB/512GB

Battery : 5000mAh | Fast Charge 45W

Android 12 | One UI 4

5G | Wifi 6E | Bluetooth 5.2 | USB-C | S Pen

Water & Dust Resistant IP68

DESIGN : การออกแบบ

สาบานว่าแว่บแรกที่เห็นนั้น ไม่ได้นึกถึง Galaxy S Series แม้แต่น้อย ภาพที่ลอยเข้ามาในหัวคือ Note 20 Ultra แบบชัดๆ เลย ทั้งมิติตัวเครื่อง เหลี่ยมคมต่างๆ รอบๆ ตัวเครื่อง มันคือแบบ มันใช่เลยอะ

การเลือกใช้วัสดุรอบๆ ตัวเครื่องคือ หาข้อติไม่ได้จริงๆ มัน Premium มากๆ ขอบตัวเครื่องที่เป็น Frame โลหะ แข็งแรง และสัมผัสดี ฝาหลัง เป็นกระจกแบบด้าน ให้สัมผัสที่นุ่มนวล และป้องกันรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี

สีตัวเครื่องที่แก้วนำมารีวิวในวันนี้ ก็คือ สีที่เป็นเอกลักษณ์ มาจาก Note 20 Ultra นั่นคือ สี Burgundy นั่นเองครับ หรูหรามากๆ อันนี้ชอบเป็นการส่วนตัวนะครับ ส่วนสีอื่นๆ ที่ค่อนข้างจะโดดเด่นมากใน ปีนี้ก็คือ สีขาว และสีเขียวที่ไปเห็นตัวจริงมาแล้ว ดีงามมากจริงๆ

บริเวณด้านล่างของตัวเครื่องนั้นจะเป็นที่อยู่ของ ช่องลำโพง ไมโครโฟน และ Port การเชื่อมต่อต่างๆ รวมไปถึง ช่องเก็บ S Pen ก็จะอยู่บริเวณมุมล่างซ้ายของเครื่องด้วยนะครับ

จุดที่เห็นแล้วขอตินิดนึงนะครับ คือตำแหน่ง รูจิ้มถอดถาดซิมออกมา มันอยู่ใกล้ช่องไมโครโฟนมากๆ ตรงนี้อาจจะต้องระวังสำหรับคนที่มาใช้เครื่องนี้เป็นครั้งแรก อย่าจิ้มไปผิดช่องนะครับ ไม่งั้น ไมโครโฟนจะเสียหายแน่ๆ

DISPLAY : หน้าจอ

ตัวหน้าจอของ Samsung Galaxy S22 Ultra นั้น เป็นอีกหนึ่งจุดที่โดดเด่น และดีที่สุดใน Smartphone เครื่องนี้เลย ด้วยอัตราส่วนที่แตกต่างจาก Smartphone ทั่วๆ ไป S22 Ultra จะมีอัตราส่วน 19.3:9 ทำให้ เรามีพื้นที่ใช้งานด้านข้างมากกว่า พร้อมขนาดเต็มๆ ตา 6.8 นิ้ว

Panel หน้าจออันขึ้นชื่อจากทาง Samsung อย่าง Dynamic AMOLED 2X ที่ความละเอียดระดับ WQHD+ (3080 x 1440 พิกเซล) คมชัดเกินตัวไปเลยมากๆ ใช้งานได้ครอบคลุมทุกด้านเลย จะเอามาทำงาน เอามาเล่น Entertainment ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

ในแง่ของการ Touch ก็ติดนิ้วดีมากๆ ใกล้เคียงกับ Z Fold 3 เลย และ Refresh Rate สูง 120hz บน Panel LTPO 2.0 ช่วยให้สามารถบริหารจัดการพลังงานได้ดี ถึงแม้จะใช้ความละเอียดหน้าจอในระดับสูงสุด ก็ไม่ได้กินแบตเตอรี่เหมือนแต่ก่อนเลย

การใช้งานกลางแจ้งเวลาเอาไปถ่ายภาพ หรือ ใช้งานอื่นๆ ก็หายห่วงได้เลย ไม่ต้องกลัวจอจะมืด เพราะว่ามีความสว่างหน้าจอนั้นสามารถทำได้สูงสุดถึง 1750nits กันเลยทีเดียว

CAMERA : กล้องถ่ายภาพ

ชุดกล้องหลัง 4 ตัวที่คุ้นเคย แต่จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงมาบ้างน้า ?

  • 108MP กล้องหลัก f/1.8 OIS

  • 12MP กล้อง Ultra Wide f/2.2

  • 10MP กล้อง Tele 3X f/2.4 OIS

  • 10MP กล้อง Periscope 10X f/4.9 OIS

กล้องหน้าความละเอียด 40 MP | f/2.2

เห็น Spec ตัวกล้องแล้ว มันค่อนข้างที่จะคุ้นเคยเหลือเกิน เหมือนกับ S21 Ultra เลย แต่มันจะมีอะไรที่ดีขึ้น มีอะไรที่แอบเปลี่ยนอยู่ภายในหรือเปล่านะ ? ไปดูภาพของแต่ละกล้องกันดีกว่าครับ

MAIN CAMERA : กล้องหลัก 108MP

ภาพแรกที่แก้ว Test ก็คือ Mode 108MP ก่อนเลยเพื่อจะดูว่า การทำ Pixel Binning ของ Samsung Galaxy S22 Ultra นั้นดีขึ้นกว่าเดิมขนาดไหน ? เพราะต้องพูดตามตรงว่า ใน Galaxy S21 Ultra ไม่ชอบเลย มันวุ้นมากๆ ตัวนี้ก็ดีขึ้น แต่ถามว่าเคยเห็นดีกว่านี้ไหม ก็ต้องบอกว่า เคยครับ

ในแง่ของ Character ของภาพ และ Dynamic Range มันก็มีความเป็น Samsung ที่เราคุ้นเคยเหมือนเดิม Temperature ของภาพจะติดอุ่นๆ เหมือนเดิม โทนสีฟ้าที่เป็นเฉดที่มีเอกลักษณ์ก็ยังเป็นโทนเดิม แต่สีไม่สดเท่าพวก Z Flip | Z Fold นะครับ

จุดที่อยากจะชมจริงๆ ก็คือ Dynamic Range ที่กว้างขึ้น อย่างเป็นธรรมชาติ เก็บรายละเอียดในส่วนเงาได้ดี จัดการ noise ได้ค่อนข้างจะโอเคเลย แต่จุดที่ไม่คิดว่าจะเจอในกล้องหลักคือ Chromatic Aberration บริเวณขอบภาพ ที่มายังไงก็ไม่รู้ เพราะปกติ คือ ยากมากที่จะเจอ อะไรแบบนี้ในกล้องหลัก

ULTRA WIDE ANGLE CAMERA : กล้องมุมกว้างพิเศษ 12MP

สำหรับกล้องมุมกว้างความละเอียด 12MP ตัวนี้ น่าจะเป็นกล้องมุมกว้างที่แก้วชอบที่สุดแล้ว จากทาง Samsung แบบ All Time เลย ด้วยโทนสีที่ใกล้เคียงกับกล้องหลัก เส้น Perspective ที่ตรง ความกว้างที่กว้างสะใจดี พวก Chromatic Aberration ไม่เจอเลย

Dynamic Range ทำได้ใกล้เคียงกล้องหลักมากๆ อาจจะมีเรื่องของ Noise ในจุดที่เป็น Shadow ที่ยังทำได้ไม่เหมือนกับกล้องหลัก แต่ถ้าเทียบในมุมของกล้อง Ultra wide angle ด้วยกันเองนั้น ก็ถือว่าดีมากๆ แล้วครับ

การที่ Software ในตัวกล้องของ Samsung นั้น ไม่ได้มีการใช้ HDR พร่ำเพรื่อ แบบเจอตรงไหนมืด ขุดเงาขึ้นมาจนสว่างไปซะหมด ไม่อัด Sharp เพื่อให้ภาพมันดูคมตลอดเวลา มันทำให้ไฟล์ภาพจาก Galaxy S22 Ultra มีความเป็นธรรมชาติ ค่อนข้างจะสูง

แต่ถ้าถามว่าตัว HDR ของกล้องนั้น จะแสดงพลังของมันออกมาตอนไหน ก็เวลาที่เราถ่ายภาพย้อนแสงนี่แหละครับ สามารถจะกด Highlight ของดวงอาทิตย์ให้ มีทรง Shape ที่ชัดเจน และ ยังสามารถที่จะเติมแสงในส่วน เงามืดขึ้นมาได้อย่างพอเหมาะ ไม่เยอะ ไม่น้อยจนเกินไป

MEDIUM TELEPHOTO 3x : เทเลโฟโต้ระยะกลาง 10MP

หลังจากที่ได้ลองใช้กล้องตัวนี้ในการถ่ายภาพจำนวนเยอะๆ พอสมควร สิ่งที่รู้สึกได้ชัดเจนมากๆ คือ มันเหมือนกับ S21 Ultra มากๆ แต่มีจุดอื่นๆ ที่ได้รับการปรับปรุงมา เช่น ไม่สลับกล้องแบบหลอนๆ เหมือนแต่ก่อน Color Temp ที่ S22 Ultra จะแดงน้อยกว่า S21 Ultra

เป็นระยะที่เหมาะกับการถ่ายภาพแนว Street Photography เหมือนกันนะ คุณภาพไฟล์ก็ใช้ได้เลย ปัญหาการสลับเลนส์กล้องแบบ มั่วๆ หลอนๆ ใน S21 Ultra ไม่เจอเลยใน S22 Ultra แก้จุดนี้มาได้ดี

จุดที่ยังน่าชื่นชมเหมือนกล้องตัวอื่นๆ คือ โทนสี และ Color Temp สีของกล้องตรงกันหมดเลย อาจจะมีเรื่องของ Noise ในภาพ ที่เยอะขึ้นบ้างเล็กน้อย

ระยะการซูมนี้ ก็เพียงพอต่อการที่จะแอบส่องแมวจากระยะไกล ไม่ให้รู้ตัวได้สบาย

PORTRAIT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพบุคคล

หลังจากใช้งานในการถ่ายภาพมาเกือบๆ 2 สัปดาห์เต็มๆ ในเรื่องของการถ่ายภาพ Portrait นั้น Galaxy S22 Ultra มีจุดที่น่าสนใจ และมี Character ที่ชัดเจนมากๆ อยู่ ซึ่ง Character นี้เนี่ย คนชอบ คือจะชอบมากๆ ไปเลย ส่วนคนที่ไม่ชอบ จะรู้สึกว่า ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยน หรือพัฒนาขึ้นเลย เราไปดูภาพกันครับ

ภาพนี้แก้วถ่ายด้วยกล้องหลัก 1x ใน Mode Portrait แบบ ไม่เปิดการละลายฉากหลัง ในแง่ของ Dynamic Range ความคมนั้น ไม่มีปัญหาเลย ไฟล์ภาพมันให้ความเป็นธรรมชาติดีมากๆ ในภาพรวม แต่ว่า จะสังเกตได้ว่า HDR นั้น ถึงแม้ว่าเราจะเปิดเอาไว้ แต่มันไม่ได้ช่วยให้ ฉากหน้า หรือตัวบุคคล สว่างขึ้นแบบชัดเจน มันแค่เติมนิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งนี่แหละคือจุดที่คนจะชอบหรือไม่ชอบตรงนี้ คนที่ชอบถ่าย Portrait แล้วตัวแบบต้องใสปิ๊งไว้ก่อน มีเงาเยอะๆ แบบนี้ ไม่น่าจะชอบแน่ๆ ครับ

ภาพนี้แก้วเปลี่ยนมาใช้กล้อง 3x Telephoto และจัดวางตำแหน่งของแสงให้ส่องแบบไม่ Direct มาที่ตัวแบบตรงๆ เลยจะทำให้ได้แสงที่นุ่มนวล หลังจากนั้นก็เปิด Bokeh ในระดับ 2 เพื่อให้ไม่ละลายหลังจนดูหลอกเกินไป

การวางตัวแบบไว้ในระยะใกล้กับฉากหลังที่มีความซับซ้อนสูง แบบพุ่มดอกไม้แบบนี้ ต้องขอชมเรื่องตัว Software จริงๆ ที่สามารถจะไล่ระดับ Depth of field ออกมาได้อย่างดูดีเป็นธรรมชาติมากๆ ฉลาดขึ้นกว่า S21 Ultra พอสมควรเลย

ทีนี้เราลองมาดูสภาพแสงที่ตำแหน่งของตัวแบบมืด กว่าฉากหลังดูบ้าง ว่าถ่ายออกมาแล้วเป็นยังไงบ้าง ด้วยความที่ Samsung ไม่มี Backlit HDR ที่ดีโหดๆ เหมือนจากทางฝั่งจีน ทำให้ Software จะกดแสงฉากหลังลงเท่านั้น ตัวแบบ จะยังมืดเหมือนเดิม แต่วิธีแก้ก็มีครับ ให้เราใช้ Portrait Lighting ที่ชื่อว่า Studio กำหนดทิศทางแสงใหม่

ตัว Studio Lighting นี่คือแบบ ของดีจัดๆ ที่ไม่เห็นทาง Official หยิบมาพูดถึงเลย เป็นจุดที่ทำได้ดีกว่า Samsung Galaxy S21 Ultra ชัดเจนมากๆ เวลาเราถ่ายภาพมา แล้วแสงมันแบนๆ ขาดมิติในภาพเนี่ย ตัวนี้ช่วยได้มากจริงๆ นะ

หรือ เวลาเราถ่ายภาพย้อนแสง อย่างที่แก้วบอกไปตอนต้นว่า HDR ของ Samsung มันไม่เติมแสงหน้าให้ตัวแบบ อัตโนมัตินะ แต่เราก็ยังสามารถที่จะใช้ Studio Lighting ตัวนี้เนี่ย ในการเติมแสงเข้ามาได้ แถมพอมันเลือกทิศทางได้เนี่ย ภาพมันก็จะดูเป็นธรรมชาติสุดๆ ไปเลย

สำหรับการถ่ายภาพ Portrait ตัวกล้อง 3x ใน S22 Ultra คือ กล้องที่ดีที่สุดจากหมู่มวลกล้องทั้งหมดจากทาง Samsung ที่เคยทำมาเลย แต่การจะได้ภาพที่สวยจากกล้องนี้เนี่ย ถ้าเราเป็นคนที่มีประสบการณ์ ในการถ่ายภาพสักนิดหนึ่ง รู้ว่าต้องวัดแสงตรงไหน ? รู้ว่าจะวางทิศทางแสงยังไงให้ออกมาลงตัว การันตีเลยว่า ภาพ Portrait ที่ได้จาก Galaxy S22 Ultra มีความเป็นธรรมชาติ ใกล้เคียงกล้องจริงๆ ที่สุดเลยในตอนนี้

และ สำหรับสาย Close up ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ Galaxy S22 Ultra ใน Mode Portrait ที่การ Zoom 3x มันมีระยะโฟกัสใกล้สุดที่ใกล้มากๆ จนเราสามารถถ่ายภาพในช่วง Shoulder to head ได้ออกมาดูดีมากๆ

และนอกเหนือจากตัวกล้อง 3x ถ้าเราอยากได้ Optical Blur แบบที่ไม่ผ่าน Software ช่วย สามารถจะใช้กล้อง Periscope ถ่ายได้เลย จะมี Depth of field เกิดขึ้นให้เห็นอย่างชัดเจนเลยล่ะครับ

การถ่าย Portrait ในช่วงเวลากลางคืน Galaxy S22 Ultra ก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ สามารถที่จะ Balance แสงไฟฉากหลัง กับ ตัวแบบได้ดี การละลายฉากหลัง การตัดขอบก็ยังทำได้ดีอยู่แม้ในที่แสงน้อยน

Bokeh แบบดวงใหญ่ๆ แบบนี้ก็เหมาะสมมาก ที่จะหยิบมาเล่นกับฉากหลังที่เป็นไฟต่างๆ ในเวลากลางคืน โดยที่อาจจะไม่ต้องปรับให้ดวงใหญ่มาก สักระดับ 1-2 ก็เพียงพอแล้วครับ

แต่ถ้าเราถ่าย Close up เข้าไปอีกหน่อย จะปรับให้ Bokeh ดวงใหญ่ขึ้นสักระดับ 3-4 ก็ไม่เป็นไรครับ

FRONT CAMERA 40MP : กล้องหน้าความละเอียด 40MP

กล้องหน้าคืออีกหนึ่งจุด The Best ของ Samsung Galaxy S22 Ultra ทั้งเรื่องของความละเอียดที่มากถึง 40MP คุณภาพของตัวกล้อง ที่แบบ แทบจะเอากล้องหลัก มาใช้เป็นกล้องหน้าแล้ว อีกทั้ง องศาการรับภาพที่กว้างกำลังดี และเราปรับมันได้ด้วย

รายละเอียดของผิว Skintone เนี่ย ทำดีมาก เกลี่ยผิวได้เนียนไม่ดูหลอกเลย ในระยะที่ใกล้เราแทบไม่ต้องเปิด Software ละลายฉากหลังขึ้นมาช่วยในการเบลอเลย เพราะตัวกล้องมี Depth of field ที่ดีอยู่แล้ว

ดูภาพตัวอย่างฝั่ง ผู้หญิงไปแล้วมาดูฝั่งผู้ชายบ้างว่า Software จะเกลี่ยได้เป็นธรรมชาติไหม ? ก็ตามภาพเลยครับ ดีงามมาก Software เกลี่ยผิวอยู่ในระดับที่กำลังดี ละลายฉากหลังได้สวยมากครับ

PERISSCOPE TELEPHOTO 10x : เทเลโฟโต้ระยะไกล 10MP

มากันถึงจุดที่ Samsung Official ขายหนักมาก คือ เรื่องของการ Zoom ไกล Optical ไกลสุด 10x ที่ความละเอียด 10MP และ Space Zoom หรือ Hybrid Zoom นั่นแหละ ไปได้ไกลอีกถึง 100x

แต่จุดที่แก้วอยากจะโฟกัสมากกว่าระยะของการ Zoom ในกล้องตัวนี้ ก็คือ Quality ของมันครับ ต้องบอกว่า 10x ตัวนี้ นี่มัน Top Tier จริงๆ ดีกว่า S21 Ultra แบบผิดหูผิดตาเลย เคยบ่นไว้ปีที่แล้ว ปีนี้เขาแก้มาแล้ว ทั้งเรื่องความคม เรื่องสีสัน แล้ว Depth เนี่ย ไม่รู้จะติอะไรเลย

Bokeh ในสไตล์ Periscope ครับเป็นสี่เหลี่ยมแบบนี้ จะบอกว่า ใครชอบถ่ายอะไรแนวๆ Macro หรือ Close up ที่ต้องการ Depth of field กล้องตัวนี้ใช้ถ่ายอะไรแนวนี้ได้ครับ

ความเร็วในการลั่น Shutter เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ 10x ของ Galaxy S22 Ultra ทำได้ดีมากๆ ใครชอบถ่ายอะไรที่ต้องรอจังหวะ สวยๆ แล้วกลัวว่า Telephoto จะพลาด Moment สำคัญๆ เนี่ย บอกเลยว่า ตัวนี้เอาอยู่ครับ

หรือ ใครที่เป็นสายถ่ายตึก ถ่ายงานสถาปัตยกรรม 10x ตัวนี้ คือ คุ้มค่าต่อการลงทุนมาก ถ่ายสนุกจริงๆ แถม ที่ระยะ 10x จุดที่ปรับปรุงขึ้นมาชัดเจนที่สุด ก็คือ กันสั่น และตัวช่วยในการโฟกัส คือ นิ่งมากๆ ถือมือเดียวถ่ายยังไหว แบบสบายๆ เลยครับ

ใครซื้อ Galaxy S22 Ultra มา อยากให้ลองถ่ายภาพแนวนี้จริงๆ มันเหมือนว่า มันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้เลย

NIGHT TIME PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพในที่แสงน้อย

สำหรับ Night Mode ของ Galaxy S22 Ultra นั้น เราสามารถที่จะใช้ Night Mode ได้ครบทุกเลนส์เลยนะครับ อย่างภาพนี้เนี่ย แก้วใช้กล้อง Ultra Wide ในการถ่าย กล้องจะใช้เวลา ลาก Shutter ประมาณ 2 วินาที เพราะฟ้าไม่ได้มืดมาก สามารถที่จะเก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างดีมากเลย จัดการ Noise ได้เคลียดี

จุดที่เป็น Highlight ในภาพ และจุดที่เป็นเงามืด จะถูก Balance แสงใหม่หมด ให้มีความใกล้เคียงกัน รายละเอียดดูดีมากๆ จนถึงขอบภาพเลย

ระยะเลนส์ Telephoto 3x เวลาใช้ Night Mode จะเริ่มมี Noise ให้เราเห็นได้บ้าง แต่พวกรายละเอียดต่างๆ นั้นยังเก็บได้ดีไม่แพ้กับกล้องหลัก

MACRO PHOTOGRAPHY

สำหรับการถ่ายภาพ Macro ใน Galaxy S22 Ultra เราสามารถที่จะใช้กล้อง Ultra Wide Angle โฟกัสได้ค่อนข้างใกล้เลยประมาณ 3-4 cm แถวๆ นี้ เอาไปถ่ายอะไรใกล้ๆ ได้สบาย เพราะว่า Quality ของเลนส์ตัวนี้ค่อนข้างจะดีมากๆ อยู่แล้ว

VIDEOGRAPHY : การถ่ายวีดีโอ

ในแง่ของการถ่ายวีดีโอนั้น Samsung Galaxy S22 Ultra ก็ยังทำ Overall ได้ดีเหมือนเดิม ตามสไตล์ของ Samsung กล้องหลักคือกล้องที่ถ่าย Video ได้ดีที่สุดแล้วในทุกๆ ความละเอียด ซึ่งความละเอียดสูงสุดคือ 8K 24fps (โดน Crop นะ) แต่ Setup ที่แก้วว่าลงตัวสุดคือ 4K 60fps ซึ่งใช้ได้กับทุกเลนส์ยันกล้องหน้าเลย ส่วนเลนส์ที่แก้วว่าถ่าย Video 4K ได้ Quality ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ คือ Ultra Wide Angle ครับ คือ ตัว Resolution มันถึงนะ แต่ Detail ที่อยู่ภายในนั้น Bitrate มันต่ำแค่ 50mbps เอง

การกันสั่นทำได้ค่อนข้างโอเคเลยในทุกๆ เลนส์ แต่ถ้าเราเปิดกันสั่นพิเศษ ในช่วงเวลาที่แสงน้อยเนี่ย จะเกิดอาการภาพย้วยได้ง่ายเหมือนกันนะครับ ถ่ายแบบ OIS ปกตินี่แหละ ไม่ต้องไปใช้

PERFORMANCE | ประสิทธิภาพ

Galaxy S22 Ultra รันบน Chipset สุดฮิตของปี อย่าง Snapdragon 8 Gen 1 นี่เขาเอามาตามคำเรียกร้องละนะ ซึ่งถือว่าเป็น Move ที่ดีเพราะอะไรที่คนบ่นในปีที่แล้วหายไปหมดเลย ทั้งกล้องประมวลผลภาพช้า ความร้อน และ การจัดการแบตเตอรี่ที่แย่

มารอบนี้พกเอา Snapdragon 8 Gen 1 พร้อมกับ RAM 12GB มาด้วยทำให้ไม่ว่าจะใช้งานอะไรก็คือเหลือๆ แล้ว เรื่องใช้งานทั่วไปนี่ เปิด App ทิ้งไว้เรียงกันเป็นแผง ก็ยังไม่กระตุกเลย

การใช้งานด้าน Entertainment ต่างๆ การเล่นเกม ก็ดี ดู Series ก็ดี ทั้งเรื่องความร้อน และการจัดการพลังงานนี่ ขอปรบมือให้เลย ดีจริงจัง ดูหนังจบไปเรื่องหนึ่งใน Netflix แบตลดไป 13% เท่านั้นเอง

และแน่นอนว่า S Pen ก็ได้ย้ายมารวมร่างอยู่ใน S Series ไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับแฟนๆ Note ก็คงจะพอใจมากแน่นอน ตามสไตล์ S Pen นะครับ Feeling ในการเขียนดีมากๆ ลงน้ำหนักได้เหมือนเขียนลงไปจริงๆ บนกระดาษเลย พร้อมกับ Features ร่วมกับ S Pen อีกมากมาย ซึ่งแก้วขออนุญาติไม่ลงรายละเอียดในตรงนี้มากมายนักนะครับ

Battery 5,000 mAh ด้วยความจุขนาดนี้เป็นการปิดจุบอดในเรื่องของการใช้พลังงานสูงไปโดยปริยาย เพราะ Snapdragon 8 Gen 1 มันก็ควบคุมความร้อน และจัดการพลังงานได้ดีกว่า Snapdragon 888 อยู่มากพอสมควร ไหนจะหน้าจอแบบ LTPO ที่ปรับ Refresh Rate แบบ อัจฉริยะได้เองอีก การใช้งานข้ามวันเนี่ย ทำได้จริงๆ ครับ ถ้าเดินถ่ายรูปทั้งวัน แบบแทบไม่พัก เริ่ม 10 โมง แบตเตอรี่จะไปหมดจริงๆ ก็ เกือบๆ 2 ทุ่มเลยครับ

OVERVIEW & OPINION

ถ้ามองในมุมของการควบรวม 2 Series ดังจาก Samsung มาอยู่ด้วยกัน เป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ แต่มันก็มีจุดที่น่าเสียดายคือ บางคนอาจจะต้องการแค่กล้องถ่ายภาพเจ๋งๆ แต่อยากได้ขนาดตัวเครื่องที่เล็กหน่อย น้ำหนักเบากว่านี้ มันก็ไม่มี Choice นั้นอยู่ในรุ่นย่อยเลย ทำให้ต้องลงทุนก้อนใหญ่หน่อย ที่ประมาณ 4 หมื่นบาท เพื่อให้ได้ Flagship Experience จริงๆ


แต่ทีนี้ถ้าเรามามองในมุมของการใช้งานในการถ่ายภาพ ล่ะก็ นี่คือสมาร์ทโฟนที่มีกล้องที่ดีที่สุดจาก Samsung แบบไม่มีข้อสงสัย กล้องหลักคม สีสวย ไม่สดจนหลอกตา กล้อง Ultra wide อาจจะด้อยหน่อย เพราะเจอแสงน้อยๆ เข้าไปก็เริ่มจะไม่ไหวละ ถ้าไม่ใช้ Night Mode ดีที่ Pixel ยังเยอะอยู่ กล้อง Telephoto 3x คือจุดที่รู้สึกว่า เดิมที่สุด จะมีก็แค่ สีสันมันดูตรงขึ้น ระยะโฟกัสใกล้สุด มันดีขึ้น แต่จุดที่พัฒนาขึ้นชัดเจนมากๆ คือ Telephoto 10x เนี่ย ต่างมาก และ Software ในการช่วยถ่ายภาพหลายๆ ส่วนนี่ ดีขึ้นผิดหูผิดตา จาก S21 Ultra แบบเห็นได้ชัดเจนเลย


สุดที่อยากให้ Samsung หันมาปรับปรุงอย่างจริงๆ จังๆ ก็คือ การใช้ Tools ในเรื่องของการตกแต่งภาพ โดยเฉพาะภาพ Portrait ให้เข้าใจง่าย และเข้าถึงคนมากกว่านี้อีกสักหน่อย พวก Nightography อะไรพวกนั้น ไม่ต้องไปเน้นมันมาก Studio Lighting ใน Portrait Mode เนี่ย ท่าไม้ตายเลย บางคนซื้อเครื่องมาเป็นอาทิตย์แล้ว ยังไม่รู้เลยว่ามันมีประโยชน์ขนาดไหน ?

ตัว Samsung Galaxy S22 Ultra วางจำหน่ายด้วยกัน 3 รุ่นย่อย

  • ความจุ 8GB + 128GB ราคา 39,900 บาท

  • ความจุ 12GB + 256GB ราคา 43,900 บาท

  • ความจุ 12GB + 512GB ราคา 47,900 บาท

ตอนนี้หลายคนน่าจะรับเครื่องกันไปแล้ว และอีกหลายคนก็รอเครื่องกันอยู่ ถ้าดูรีวิวนี้เสร็จแล้ว Happy กับมัน อยากได้ไปใช้งาน ก็ไปจัดกันได้เลยครับ

 

[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ]

IG : kaew.ravie

#่ถ่ายรูปด้วยมือถือ #Samsung #GalaxyS22Ultra


0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page