แก้วเชื่อว่าหลายๆ คนที่ติดตาม Mobile Photographer น่าจะเคยได้สัมผัส สมาร์ทวอทช์ จากทาง Huawei กันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรุ่น GT หรือ Huawei Watch 2 การกลับมาครั้งนี้ อัพเกรดมาแบบแน่นๆ ทั้งดีไซน์ ฟังค์ชั่น และ แน่นอนที่สุด Harmony OS ครับ
เรียกได้ว่า Huawei Watch 3 เป็น ตัวเบิกทางสำหรับ ยุคใหม่ของ Wearable Device จากทาง Huawei ที่มาพร้อม Harmony OS แบบ Full Function เลย โดยมีการเปิดตัวกันออกมาถึง 2 รุ่นพร้อมๆ กัน คือ Huawei Watch 3 และ Huawei Watch 3 Pro โดยตัวที่จะรีวิวให้ชมกันวันนี้ คือ Huawei Watch 3 รุ่น Active และ รุ่น Classic สายหนังนะครับ
DESIGN การออกแบบ
ในส่วนของงานออกแบบ ถือว่าเป็นส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะทีเดียว ใครที่เคยใช้ Huawei Watch GT 2 หรือ Huawei Watch 2 จะรู้สึกได้ทันที คือบริเวณ Bezel หรือ ขอบของนาฬิกา จะมีความ Borderless มาขึ้น ได้พื้นที่หน้าจอใหญ่กว่าเดิม และหน้าจอในรุ่นนี้เป็นแบบ AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว 326ppi 1,000nits เรียกได้ว่า สว่างมาก และคมชัดมากๆ
บริเวณตัว Case ของนาฬิกา จะมีความหนาพอประมาณ แต่ความหนานี้ไม่ได้ทำให้เราใส่ไม่สบายนะ เพราะการดีไซน์ Lugs หรือส่วนขาของนาฬิกา ที่มีความ Curve เข้ากับข้อมือ ของผู้ใส่ได้ง่าย มิติตัว Case 48 x 49.6 x 14 มิลลิเมตร น้ำหนัก 63 กรัม ไม่รวมสาย ถือว่าหนักกลางๆ กันน้ำได้ 5ATM ใส่ล้างมือได้สบาย ไม่ต้องกลัว
Crown และ ปุ่มลัด โหมดออกกำลังกาย จะอยู่ทางขวาของนาฬิกา
บริเวณ Case back จะทำจาก Ceramic ทนรอยขีดข่วน และมีความแข็งแรงค่อนข้างสูงมากๆ นอกจากนั้นแล้ว บริเวณยังเป็นที่อยู่ของ Sensor ต่างๆ ทั้ง วัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดออกซิเจนในเลือด วัดอุณหภูมิร่างกาย ( ความร้อนของผิวหนัง )
ตัวสายนั้นเป็นแบบ Easy Link คือ เราสามรถที่จะถอดเปลี่ยนสายนาฬิกา ได้โดยที่ไม่ต้อง ใช้อุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม สามารถเกี่ยวสายออกมาได้เลย ตามตัวอย่างในภาพครับ บริเวณปลายสาย ส่วนที่เป็นที่รัด จะมีการยิงเลเซอร์ คำว่า Huawei มาอย่างสวยงาม
ในส่วนของตัว Crown ของ Huawei Watch 3 นั้น มีขนาดค่อนข้างใหญ่ทีเดียว เพราะว่า เป็นจุดที่เราจะต้องใช้มันในการ Control นาฬิกา ค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการ เพิ่ม-ลด เสียง การเลื่อนเมนู ไปจนถึงการปรับระดับสิ่งต่าง
Crown ใหญ่ๆ แบบนี้จับถนัดมือดีครับ แต่ระวังจะเผลอเหวี่ยงแขนไปโดนอะไรนะ ด้วยขนาดเนี่ย เป็นจุดที่ต้องระวังในระดับหนึ่งเลย
ในส่วนของสายแบบ Active ที่จะเป็น ซิลิโคนนุ่มๆ เนี่ย ใส่สบาย มากจริงๆ ในส่วนของตัวสายมี Double Lock มาด้วย ทำให้บริเวณปลายสาย จะไม่หลุดออกมาได้ง่าย ถึงแม้จะทำกิจกรรม Extreme รุนแรงแค่ไหนก็ตาม
ในส่วนของสายหนัง ก็จะให้ลุคที่ดู Formal มากขึ้น แต่เอาจริงๆ มันก็ Match ได้กับทุกลุคนะแก้วว่า สายมีความสวยงามมาก สัมผัสของหนังนุ่ม ใส่สบาย ใกล้เคียงกับ สายซิลิโคนเลย ซึ่ง ในจุดนี้ ต้องขอชมจริงๆ ตอนแรกคิดว่าจะแข็งกว่านี้
CONNECTIVITIES : การเชื่อมต่อ
การ Pairing ตัว Huawei Watch 3 เข้ากับ Smartphone ก็ทำได้ง่ายๆ ผ่าน Application Huawei Health เหมือนเดิมครับ ทำได้ง่ายมาก จะใช้การ Pair ด้วย Bluetooth หรือ สแกน QR Code ก็ได้
เมื่อเรา Paired เรียบร้อยแล้วเนี่ย ใน Application Huawei Health จะเป็นเหมือน Dashboard แสดงข้อมูลทั้งหมด ของตัวนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็น สถานะ Battery หรือการออกกำลังกายของเรา รวมไปถึง การ Tracking ต่างๆ สามารถมาเปิด - ปิด ได้ในนี้
ในส่วนของ Watch Face ก็มีให้เลือกเยอะ มากๆ ทั้งแบบ ฟรี และแบบ เสียเงิน รวมๆ แล้วหลาย 100 แบบ เลื่อนดูกันให้ตาแฉะไปเลย จริงๆ สำหรับแก้วเนี่ย แค่แบบฟรีที่มีมาให้โหลด ก็เหลือเฟือแล้วครับ
เราสามารถที่จะเปลี่ยน Watch Face ได้ตลอดเวลา ด้วยการแตะที่หน้าปัดนาฬิกาเอาไว้ แล้วเลื่อนเลือกได้เลย แต่ว่า เราต้องโหลดมาเก็บไว้ก่อนด้วย App Huawei Health นะครับ
ใน Huawei Watch 3 ตัวนี้มีการเชื่อมต่อมาให้ค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็น Wifi , Bluetooth , NFC จัดเต็มมาให้เพียบ เราสามารถเปิด Wifi เพื่อใช้ในการ Download Application ผ่าน Huawei App Gallery ได้ด้วยนะครับ ข้อควรระวังคือ ใช้เสร็จแล้ว ให้ปิดด้วย เพราะว่า แบตเตอรี่ ตอนเปิด Wifi ไหลเร็วมาก
HIGHLIGHT FEATURES : ฟีเจอร์เด่น
จริงๆ แล้ว ฟีเจอร์ต่างๆ ใน Huawei Watch 3 นี่แบบ เยอะมาก ให้เขียนทั้งหมด บอกเลยว่ายาวแบบ อ่านครึ่งวันยังไม่จบ แก้วเลยจะคัดที่คิดว่า เป็นประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันของทุกคน และเข้าถึงการใช้งานได้ไม่ยากมาให้นะครับ
เข้าหน้า Main Screen ของ Application ด้วยการกดที่ Crown
ด้วยความที่หน้าจอมันใหญ่เนี่ย ในหน้าต่างเดียวก็จะแสดง Application ได้ค่อนข้างเยอะ แล้วเวลาเลื่อนก็ Smooth ดี Animation สวยงาม
วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
วัด SpO2 หรือ ปริมาณออกซิเจนในเลือด เหมาะมากกับตอนนี้
Skin Temperature Measure : วัดอุณหภูมิผิวหนัง
เชื่อมต่อ Huawei Music
Features การออกกำลังกายแบบ แน่นๆ เยอะมาก
ใช้ร่วมกับ Application Huawei Health เพื่อ Custom Program ออกกำลังกาย ของตัวเองได้
รวมไปถึง Tracking คุณของกิจกรรมต่างๆ ชีวิตประจำวัน ของตัวเอง
สามารถรับการแจ้งเตือน ทั้งโทรศัพท์เข้า หรือ Application ต่างๆ ได้ รวมไปถึง รับสายโทรศัพย์ โทรออก ก็ได้หมดเลยนะครับ เพราะว่า มีทั้งลำโพง และ ไมโครโฟน Built-in มาใน นาฬิกา
ในส่วนของการใช้งาน Battery ด้วย ระบบ Smart Power-Saving Algorithm 3.0 สามารถที่จะใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องกันประมาณ 3 วัน แต่ว่าถ้าเราใช้ โหมด Ultra Saving จะใช้ได้ยาวนาน 14 วันกันเลยทีเดียว การชาร์จแบตเตอรี่เป็นแบบ 5W2A สามารถนำไปวางบนแป้นของ Wireless Charge มือถือ ก็ได้ครับ
Overview & Opinion
ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ ตัวแก้วเองได้ใช้ Smart Watch ของทาง Huawei อยู่แล้วนั่นก็คือ Huawei Watch GT พอเปลี่ยนมาลองใช้ตัวนี้ สิ่งที่รู้สึกได้ชัดเจนเลยคือเรื่องของ งาน Design คุณภาพ วัสดุ และงานออกแบบภายนอก ไปจนถึง Software การแสดงผลหน้าจอที่สวยงาม ลื่นไหล แสดงสว่างหน้าจอมากถึง 1,000 nits สู้แดดได้สบายมากๆ
ในแง่ของ Features การใช้งานในเรื่องของการออกกำลังกาย และการ Tracking ข้อมูล Activity ในชีวิตประจำวัน ก็ทำออกมาได้ดี และครบถ้วนในเรื่องของการใช้งานมากทีเดียว รับสายโทรศัพท์ได้ สั่งงานด้วยเสียงได้ เช็ค Notification ได้ สั่งเปลี่ยนเพลง ฯลฯ
ด้วย Character ในรุ่น Active Edition และ Classic Edition ที่ต่างกันอย่างชัดเจน ทำให้คนที่อยากได้นาฬิกาเรือนนี้ สามารถ ตัดสินใจได้จาก Lifestyle ของตัวเองได้เลย ว่าการใช้ชีวิตนั้น เหมาะกับ ลักษณะนาฬิกาในแบบไหน
ด้วยราคาเปิดตัวเพียง 12,990 บาท ในรุ่น Active Edition และ Classic Edition 14,490 บาท แก้วว่านี่คือ สมาร์ทวอทช์สุดคุ้มอีกตัวในตลาด ที่อัดแน่นด้วยฟังค์ชั่น และ งานดีไซน์ ทั้ง Software และ Hardware ที่ยอดเยี่ยม แบบมองข้ามไม่ได้เลยครับ
ช่องทางจำหน่าย HUAWEI WATCH 3 Series
HUAWEI Online Store https://bit.ly/2Ugx0tQ
Shopee https://bit.ly/3AH1dTi
Lazada https://bit.ly/3jQk6NO
JD Central https://bit.ly/3yzi8p7
[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ] Fanpage : https://www.facebook.com/mobile.fotographer IG : kaew.ravie #Mobilephotographer #โมบายโฟโตกราฟเฟอร์ #Huawei #HuaweiWatch3 #HuaweiEcosystem