top of page
รูปภาพนักเขียนแอดมินแก้ว

รีวิว iPhone 14 Pro Max | เจ๋งจริงตามที่คุย แต่ไม่ใช่ทุกคน จะใช้มันได้คุ้มค่า

สวัสดีครับทุกคน กลับมาเจอกับแก้ว กันอีกครั้งนะครับ สำหรับวันนี้ เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ที่แก้วจะทำรีวิวเรื่องกล้องของ iPhone แบบลึก ๆ เน้น ๆ แน่น ๆ แบบนี้ ซึ่งที่เลือกมาทำใน iPhone 14 Pro Max ก็คงเพราะว่า เป็นรุ่นที่มีการ Major Upgrade อย่างจริงจัง ในเรื่องของ Sensor กล้อง เป็น 48MP วันนี้เรามาดูกันว่า Apple คุยเอาไว้เยอะ พอใช้มาจริง ๆ ครบ 1 เดือน จะยังยอดเยี่ยม อยู่หรือเปล่า ? ไปชมกันครับ

SPECIFICATION
  • Body Dimension 160.7 x 77.6 x 7.85 mm | Weight 240g

  • Chipset : Apple A16 Bionic (4nm) | RAM 6GB

  • Internal Storage 128GB - 1TB ( ที่แก้วใช้คือ 256GB )

  • Display : Super Retina XDR OLED 6.7 Inche | 2K

  • Refresh rate : 120Hz ProMotion Display

  • Battery 4323mAh | Fast Charge 27W ( ไม่มีสาย และ Adapter )

  • Wifi6 | Bluetooth 5.3 | NFC | Lightning Port ( ตัวสุดท้ายละมั้ง )

  • iOS 16.1

DESIGN : การออกแบบ

สำหรับงานออกแบบตัวเครื่องของ iPhone 14 Pro Max นั้น มันแทบจะไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจาก iPhone 13 Pro Max เลยก็ว่าได้ครับ ยิ่งถ้าดูที่ฝาหลังเนี่ย เหมือนเป๊ะเลยครับ สีที่แก้วซื้อมานั้น จะเป็นสีทองนะครับ เพราะว่า ส่วนตัวแล้ว ไม่ชอบสีพิเศษตาม Yearly เพราะไม่รู้จะเอาไปอวดใคร เลือกสีที่ชอบดีกว่า ( จริง ๆ ถ้ามีสีเขียวตั้งแต่วันแรกเนี่ย โดนแน่ ๆ ครับ )

ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย แต่คุณภาพของวัสดุ และงานประกอบนั้น ยังคงเป็นสิ่งที่ iPhone ยืนหนึ่งมาตลอดจริง ๆ ครับ ให้ความรู้สึกที่ Premium เวลาจับถือ การกระจายน้ำหนักตัวเครื่องก็ดีมาก ๆ ไม่ถ่วงหัว ถ่วงท้าย มาก ๆ เหมือน Android Flagship ในปีนี้

Frame ตัวเครื่องที่เป็นอลูมิเนียม จากที่แก้วเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับ iPhone 13 Pro ที่ ใช้ไปได้ 2-3 วัน มีรอยสีถลอก ๆ แล้ว ทั้งที่ใส่เคสไว้ตลอด ใน iPhone 14 Pro Max ตัวนี้ งานสีแก้วใช้มา 1 เดือนเต็ม ๆ ยังสวยเหมือนเดิม จุดนี้ถือว่าแก้ตัวจากปีที่แล้วได้

บริเวณด้านล่างของตัวเครื่อง เราก็จะเจอกับ Port ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันมาอย่างยาวนาน อย่าง Lighting Port และแก้วคิดว่า รุ่นนี้แหละ จะเป็นรุ่นสุดท้ายแล้วที่เราจะได้ใช้ ชาร์จเร็วสูงสุดได้แค่ 27W เท่านั้น ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ++ ถึงจะเต็มครับ

DISPLAY : หน้าจอแสดงผล

ก่อนจะไปพูดถึง Quality ของหน้าจอ Super Retina XDR OLED ขนาด 6.7 นิ้วตัวนี้ แก้วขอพูดถึงความรู้สึกที่อยู่กับ Dynamic Island หรือ " ติ่งใหม่ " ของ iPhone กันสักหน่อย ในช่วง 2-3 วันแรกที่ซื้อมาใช้งาน แก้วบอกเลยว่า ไม่ชินอย่างแรง ! เพราะตำแหน่งของ Dynamic Island นั้น มันต่ำลงมากว่าติ่งเดิม อยู่เยอะพอสมควรเลยครับ

โดยเฉพาะเวลาที่เราเอาไปใช้งานด้าน Entertainment ไม่ว่าจะเป็นการดู Content Streaming ต่าง ๆ ในแนวนอน ไม่ว่าจะใน Application อะไรก็ตาม จะเป็น Youtube , Netflix , HBOGO คือ ชวนหงุดหงิด และรำคาญตาขั้นสุดจริง ๆ

เวลาที่เอาไปเล่นเกม หลาย ๆ ส่วนที่เป็นปัญหา มาจาก UX/UI ของเกม ยังไม่สามารถที่ปรับให้เหมาะสม จนบางครั้ง อาจจะมีพลาดไปกดโดน คือ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เกิดอะไรขึ้น App ไม่ได้สลับอะไร แต่มันก็เหมือนกดไม่ติดนั่นแหละครับ ยิ่งถ้าเป็นเกมที่ต้องช่วงชิงจังหวะ หรือ Multi Player การกดพลาด หรือ สะดุด ก็คือ เตรียมไปรอหน้าห้อง Waiting Room ได้เลย

ในส่วนของ ลูกเล่นต่าง ๆ ของ Dynamic Island แก้วขอไม่ลงรายละเอียดนะครับ เพราะว่าคนอื่นน่าจะทำไปเยอะ และลึกมากกว่าแก้วแล้ว ตัวแก้วเองแทบไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรจากมันเท่าไรนัก

คุณภาพของหน้าจอ iPhone 14 Pro Max ก็ยังอยู่ในระดับ Top Tier เหมือนเดิมครับ การใช้งานรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่ใช้งานทั่วไป ใช้งาน Entertainment เล่นเกม ทำงาน มันคือหน้าจอที่ให้ Overall Experience ที่ดีที่สุดแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะว่า เป็นหน้าจอแบบ Flat ด้วย การ Touch ตามขอบ จึงเป็นเรื่องที่ทำได้สะดวกมาก ๆ เสียงของลำโพงที่ถึงแม้ จะแทบไม่ได้ต่างอะไรกับ iPhone 13 Pro Max เลย แต่ก็ต้องบอกว่ามันก็ดีอยู่ในเกณฑ์ Top 3 ของ Smartphone Flagship ในตลาดทั้งหมดอยู่ดีครับ

ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ 2,000 nits ทำให้ iPhone 14 Pro Max เป็น Smartphone ที่ใช้งานกลางแจ้ง ท้าแดด แรง ๆ ของเมืองไทยได้แบบไร้ปัญหาเลย จะตอนเที่ยง ตอนบ่าย ก็เอาอยู่ทั้งหมด หรือจะเป็นเวลาที่เราใช้งานช่วงกลางคืน พูดง่าย ๆ คือ นอนเล่นโทรศัพท์ตอนปิดไฟก่อนนอน ได้สบายตากว่าเดิมนั่นเองครับ

เรื่องสุดท้ายในส่วนของหน้าจอก็คือ Always on display หรือ AOD ที่ทาง Android ใช้กันมาน่าจะเกิน 3 ปีได้แล้ว Apple ก็ได้ใส่มาให้ใน iPhone 14 Series โดย สามารถจะเล่นกับ Wallpaper ใส่ Depth Effect ได้ด้วย แต่โดยส่วนตัวนะครับ " แก้วจะปิด " เพราะรู้สึกว่า เอา Battery ไปใช้อย่างอื่นดีกว่า แทนที่จะมาเสีย ชั่วโมงละ 1% ( อันนี้แล้วแต่คนนะ ว่าจะได้ใช้ไหม ? )

CAMERA : กล้องถ่ายภาพ

ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้หลายคน Surprise เหมือนกัน เพราะคิดว่าคงจะไม่ได้เห็น Technology Pixel Binning แบบ Quad Bayer จากแบรนด์อย่าง Apple ที่เคยพูดว่า 12MP นั้น มันก็เพียงพอแล้ว ชุดกล้องหลังของ iPhone 14 Pro Max มีด้วยกันทั้งหมด 3 ตัว ดังนี้ครับ

  • MAIN CAMERA 48MP f/1.78, Dual-Pixel PDAF | Sensor-Shift Gen 2

  • ULTRA WIDE ANGLE 12MP f/2.2 | Autofocus | Macro Mode

  • MEDIUM TELEPHOTO 3x 12MP f/1.78, OIS

ก่อนที่เราจะไปดูภาพจากกล้องแต่ละตัวกันนะครับ แก้วขอชี้แจงตรงนี้เอาไว้ก่อนเลยนะครับว่า ภาพส่วนใหญ่ที่แก้วถ่ายมาประกอบการทำรีวิวนี้ จะเป็นภาพที่ใช้ RAW File แบบ DNG ( ProRAW ) เพราะว่า แก้วรับโทนภาพแข็ง ๆ ในไฟล์ JPEG และ HEIC ของ Apple ไม่ได้จริง ๆ แต่จะลงให้ดูเป็นตัวอย่างในแต่ละกล้องนะครับว่า ถ่ายออกมาแล้วมันเป็นยังไง ?

MAIN CAMERA : กล้องหลัก 48MP | f/1.78

เรามาเริ่มกันที่กล้องหลักความละเอียด 48MP กันก่อนเลยนะครับ ภาพที่ทุกคนกำลังดูอยู่นี้ คือภาพที่ถ่ายเป็นไฟล์ JPEG นะครับ Character ของภาพที่เราจะได้จาก Mode Auto ในกล้องตัวนี้ก็คือ " ความแข็ง " ซึ่งจะว่าไม่ต่างจาก iPhone 13 Pro Max เลยก็ว่าได้ครับ

Software ของตัวกล้อง Over process ในส่วนของ Texture และ Clarity ในภาพไปไกลมาก ๆ ทำให้เวลาเราดูภาพในหน้าจอขนาดเล็ก หรือดูในระยะไกล ๆ เราจะรู้สึกว่า ภาพมันคมดีจัง รายละเอียดมันดีมาก ๆ แต่ถ้าเราซูมเข้าไปดูใกล้ ๆ จะเริ่มเห็นการสูญเสียรายละเอียดได้อย่างชัดเจน อย่างในภาพนี้ส่วนก้อนเมฆ และ ใบไม้ก็จะเริ่มดูแข็ง ๆ แล้ว

อีกส่วนหนึ่งที่เราสึกว่ามันด้อยกว่าที่ควรจะเป็น คือ Dynamic Range ในไฟล์ JPEG ครับ คือ Shadow พี่แก จะทึบไปไหน ? แข็งไม่พอ ยังจะมา Contrast เยอะอีก ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ศักยภาพของ Sensor มันไปได้ไกลกว่านี้หลายเท่ามาก ลองดูจากภาพนี้ได้ครับว่า คนที่ Process RAW ไม่เป็น เสียโอกาสที่จะได้ภาพสวย ๆ ไฟล์คุณภาพดี ๆ ไปขนาดไหน ?

แต่แค่เราเปลี่ยนมาใช้ ProRAW ซึ่งจะออกมาเป็นไฟล์ DNG แล้วเอามา Process ทีหลัง Sensor 48MP ตัวนี้ก็แผลงฤทธิ์ออกมาให้เราเห็นแล้วครับ เพราะนี่คือไฟล์ RAW จากกล้องหลัก ที่ดีที่สุด ที่แก้วเคยได้ใช้มาตลอดกาลเลยก็ว่าได้

ด้วยความที่เป็น Computational RAW ตัวเนื้อไฟล์เก็บรายละเอียดในทุกย่านแสงมาให้เราได้หมด สามารถนำมา Process ในภายหลังได้หายห่วงเลย Character ของภาพที่เคย แข็งโป๊ก ด้วยการอัด Clarity และ Texture หายไปหมด แต่ตัวภาพยังมีความคมชัดเหมือนเดิม

ต่อให้เราจะถ่ายภาพแบบย้อนแสงตรง ๆ แบบนี้ แล้วเอามาปรับแต่งทีหลัง ก็ยังให้คุณภาพของไฟล์ที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ถ้าลองสังเกตดี ๆ จะเห็นว่า ขนาดว่าแต่งภาพด้วยการเปิด Shadow ขึ้นมาเยอะแบบนี้ แต่ Noise ในภาพคือน้อยมาก แทบจะไม่ต้องใช้ Noise Reduction ใน Lightroom เข้ามาช่วยเลย

จุดที่อาจจะรู้สึกว่าเป็นข้อสังเกตอยู่บ้างก็คือ ระยะโฟกัสใกล้สุด หรือ Minimum focus distance มันไกลกว่าเดิมพอสมควร ทำให้เวลาเราต้องการจะถ่ายภาพ Object ที่อยู่ใกล้ตัวมาก ๆ จะต้องถอยออกมาไกลหน่อย แต่ปัญหานี้ แก้ได้ด้วยกัน Digital Zoom 2x ครับ ซึ่ง Apple เหมือนคิดมาแล้วแหละ ว่าคนต้องแก้ปัญหานี้ด้วยวิธีนี้

เลยทำให้คุณภาพไฟล์ที่ได้จากการ Crop Zoom 2x นั้น ยอดเยี่ยมไม่แพ้กับการถ่ายที่ระยะ 1x เลยก็ว่าได้ครับ และเมื่อเป็นการ Crop Zoom เข้าไป ทำให้เราได้เรื่องของ Depth of field หรือการละลายฉากหลังมาด้วย เป็นของแถมไป

ถ้าใครไม่ชอบถ่ายภาพ Macro ด้วยกล้อง Ultra Wide ที่ใกล้มาก และ Perspective และ Depth มันไม่ค่อยถูกใจ แก้วค่อนข้างแนะนำให้ลอง Crop on sensor สักระยะ 2.5x - 3.0x จะได้ทั้ง Depth และ ความใกล้ที่กำลังพอดีครับ

และ อย่างที่แก้วบอกไปข้างต้นนะครับ ว่าการ Crop Zoom 2x ในกล้องหลัก ของ iPhone 14 Pro Max คือ สุดจริง ๆ ชอบมาก ๆ ความคม รายละเอียด คือ ใช้คำว่าเหมือนกับการถ่ายในระยะ 1x แบบปกติได้เลย จุดนี้ iPhone 14 Pro Max ทำมาได้ดีมากจริง ๆ ครับ ภาพนี้เป็น Crop 2x JPEG นะครับ

เวลาที่เราใช้การ Crop on sensor 2x แต่ถ่ายด้วย ProRAW นั้น ขนาดของภาพจะหายไป ครึ่งหนึ่ง คือ จากความละเอียดสูงสุดที่ 8064 x 6048 pixel นั้น จะเหลือแค่ 4032 x 3024 หรือก็คือ เหมือนกับมีการ Crop ออกไปจริง ๆ นั่นแหละ แค่เราไม่ต้องมาทำทีหลัง

PORTRAIT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพบุคคล

มาดูในเรื่องของการถ่ายภาพ Portrait ใน iPhone 14 Pro Max ตัวนี้กันบ้างครับ แก้วขอเริ่มด้วยการให้ทุกคน ดูภาพดิบ ๆ ให้เห็น Character ของภาพ ใน Mode Natural Light กันก่อนเลย ก่อนที่แก้วจะไปเผยความลับจักรวาลว่า มันมีวิธีทำให้ Portrait ใน iPhone มันสวยได้

  • Skintone อมแดง | อมเหลือง

  • Contrast ค่อนข้างสูง การไล่ระดับของเงาไม่ Linear

  • ยังคงมีการ Boost Texture และ Clarity ไม่ต่างไปจาก Mode Auto

ซึ่งทั้งหมด ทั้งมวลนี้ คืออุปสรรคต่อการจะถ่าย Portrait ให้ได้สวย ในแบบที่ สาว ๆ หรือ แฟนสาวของคุณ จะไม่บ่นจนหูแตก ฉะนั้น ใครจะบอกว่า " มันให้โทนสีเป็นธรรมชาติ Skintone ที่ตรงความเป็นจริงไง " ธรรมชาติก็แย่แล้วล่ะครับ ตาเปล่าดูยังสวยกว่า

ทีนี้ Setup ในการถ่าย Portrait ของแก้ว จะทำยังไงบ้าง ? ภาพมันถึงจะออกมาดูดีขึ้น Skintone ดูมีความใสมากขึ้น Shadow น้อยลง

  • เลือกใช้ Studio Lighting ใน Mode Portrait

  • เวลาที่วัดแสงตอนถ่ายภาพ ให้แตะที่ " จุดที่สว่างที่สุดของตัวแบบ " เพื่อให้กล้องวัดแสงตรงนั้น และเก็บ Detail ในส่วน Highlight เอาไว้ให้ได้ครบ

  • ปรับค่า f/stop software เอาไว้ที่ 3.5 - 4.5 ถ้าต่ำมากไปเวลาเบลอจะไม่เนียน

หลังจากนั้น ถ่ายมาเลยครับ ไม่ต้องไปสนใจว่า Skintone หรือ Texture มันจะเป็นยังไง เพราะ Fight บังคับเลยว่า ถ้าจะให้สวยจริง ๆ ยังไงก็ต้องแต่งภาพต่อ ซึ่งแก้วจะมี Lightroom Preset แจกเอาไว้ให้ด้วย เพื่อใครที่ต้องการ Character ภาพแบบที่แก้วถ่ายมาให้ดู มีด้วยกัน 2 แบบนะครับ

Bright Skin | Soft Shadow และ Soft Skin | More Red

ใครลง Preset ใน LR Mobile ไม่เป็น ดูคลิบนี้ https://www.youtube.com/watch?v=nntyDCZ7sd0

และนี่คือ Final output ที่แก้วได้จากการทำตาม Setup ในการถ่ายที่บอกไปเมื่อกี้ครับ รายละเอียดในส่วน Highlight จะไม่จม ในขณะที่ส่วน Shadow ในภาพก็ไม่ได้ถูกขุดขึ้นมาจนภาพดูแบน และส่วนของเงาบนตัวแบบ ก็จะดูนุ่ม และมีความ Linear มากขึ้น

ระยะของเลนส์ที่แก้วเลือกใช้ในการถ่ายบ่อย ๆ จะเป็นระยะ 2x และ 3x แก้วจะไม่ใช้ ระยะ 1x ในการถ่าย Portrait เลยเพราะว่าทั้ง Perspective และ Depth ที่ Software สร้างออกมา มันค่อนข้างที่จะดูลอย ขาดความเป็นธรรมชาติไปพอสมควร

ที่ระยะ 2x Focal Length หรือทางยาวโฟกัสคร่าว ๆ จะอยู่ที่ 48mm โดยประมาณ ทำให้การถ่ายภาพ Portrait ใน Shot ที่เป็นครึ่งตัว 50% หรือ 75% ของร่างกาย ภาพที่ได้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าถ่ายในรูปแบบ Full Body Shot

ในเรื่องของ Depth of field และการตัดขอบ ลักษณะของ Software ในการละลายฉากหลัง จะมีการไล่ระดับการเบลอ ได้อย่างสวย และดูเป็นธรรมชาติ แต่เอาจริง ๆ แล้ว แก้วแทบไม่รู้สึกว่า มันจะดีขึ้น หรือ แม่นยำมากกว่า iPhone 13 Pro Max สักเท่าไหร่ อยู่ในมาตราฐานเดียวกัน

ในแง่ของการตัดขอบ คือ ถ้าฉากหลังไม่ได้มี Detail อะไรมาก หรือไม่ได้มี Object ที่อยู่ในระยะ ชิดกับตัวแบบ แบบติด ๆ เลย ตัว Software ใน iPhone 14 Pro Max ก็สามารถที่จะเบลอฉากหลังได้สวย ค่อนข้างน่าพอใจ แต่ถ้าว่าสู้ Android ที่มีโทนภาพใกล้ ๆ กันอย่าง Galaxy S22 Ultra ได้ไหม ก็ต้องบอกว่า ยังครับ

ทีนี้เรามาดูภาพ Portrait จากระยะ 3x ที่จะมีการสลับจากกล้องหลัก Crop 2x ไปที่กล้อง Medium Telephoto 3x จริง ๆ กันบ้างครับ คุณภาพของไฟล์ที่ได้นั้น ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับภาพที่ได้จากการถ่ายที่ระยะ 2x เลย

สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปในการถ่ายภาพ Portrait ด้วยกล้อง 3x ตัวนี้ ก็จะมีเรื่องที่พอทางยาวโฟกัสมันมากขึ้นฉากหลังที่อยู่ไกล ๆ ก็จะถูกดึงเข้ามาใกล้ตัวแบบมากขึ้น Perspective Effect จากเลนส์ Wide ที่ทำให้ตัวแบบดูผอมเพรียวลงเล็กน้อย เวลาจัดวางเอาไว้ตรงกลาง Frame ก็จะหายไปแล้ว สัดส่วนจะดูมีความตรงกับความเป็นจริงมากขึ้น

ข้อดีของการที่เราเลือกใช้ ระยะ 3x ในการถ่ายภาพ Portrait ก็คงจะเป็นเรื่องของการที่เราสามารถจะปรับ f/stop ลงได้อีกสักหน่อย อาจจะอยู่ที่ f/2.8 สำหรับระยะ Half body 50% การเบลอที่ได้ก็จะสวย เม็ด Bokeh จะใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ยังดูเป็นธรรมชาติได้อยู่

ความแตกต่างของการถ่ายภาพ Portrait ในช่วงเวลาที่แสงน้อยเนี่ย กล้อง Medium Telephoto 3x ก็คือ ลาก่อยไปแล้วครับ Noise เยอะ จนไม่ไหวจริง ๆ ในขณะเดียวกันที่ ระยะ 2x ที่เป็นการ Crop จากกล้องหลัก ยังรอดอยู่ ไฟล์ใส Noise คือน้อยมาก ๆ ครับ ฉะนั้น ถ้าต้องการถ่าย Portrait ในช่วงกลางคืน ระยะ 2x คือ ระยะ ที่หวังผลได้ที่สุดครับ

เวลาถ่ายภาพ Portrait ตอนกลางคืนด้วยระยะ 2x แค่เราหาแสงสว่างส่องตัวแบบไว้สักนิดหนึ่ง คุณภาพของไฟล์ที่ได้ ก็สวยงามไม่แพ้กับการถ่าย Portrait ในเวลากลางวันเลยครับ อย่าลืมนะครับ ถ้าแสงน้อย เลี่ยงการใช้ 3x ไว้ก็จะดี

ทีนี้มากันที่เรื่องของกันใช้ Flash ในการถ่ายภาพ ที่เขาบอกว่า คุณภาพแฟลช ดีขึ้นกระจายแสงได้มากขึ้น โดยส่วนตัวแล้ว แก้วว่า มันแทบไม่ต่างจาก iPhone 13 Pro หรือ แม้กระทั่ง Flagship จากฝั่ง Android ในเรื่องของการกระจายแสงนะครับ

แต่เวลาเอามาถ่ายภาพ Portrait ตัว Flash สามารถทำงานร่วมกับ Software ของ Mode Portrait ได้ค่อนข้างดีนะ คืออย่างน้อย ๆ สี Skintone จะรอดจากการโดนแสงรอบข้างเข้ามากวน และถ้าจุดที่เราถ่ายนั้น ไม่ได้มีแหล่งกำเนิดแสงให้เรา ก็ใช้ไฟแฟลชช่วยไปก็ได้ครับ แต่มันก็ไม่ได้เด่นอย่างที่ Apple คุยเอาไว้หรอกครับ

ULTRA WIDE ANGLE : กล้องมุมกว้างพิเศษ 12MP

มาดูกล้อง Ultra Wide Angle 12MP กันบ้างครับ จากการที่แก้วใช้งานมาได้เดือนกว่า ๆ และผ่าน Lighting มาหลายรูปแบบ สรุปในภาพรวมได้ว่ากล้องตัวนี้ ดีขึ้นกว่า iPhone 13 Pro | Max อยู่เล็กน้อย ในเรื่องของคุณภาพตัวไฟล์

อาการฟุ้งที่ขอบภาพ คือ ไม่มีเลยครับ ถ้าเราลองมอง Flagship จาก Android ในปีนี้ เราจะเห็นว่า ต่ำสุดที่เคยเจอจริง ๆ ก็คือ ของภาพจะฟุ้งอยู่ที่ประมาณ 5% แต่ใน iPhone 14 Pro คือไม่มีเลยจริง ๆ

ในเรื่องของ Character ของภาพที่ได้ก็คือ แทบไม่ต่างจากกล้องหลัก คือ Clarity และ Texture มาเต็มแบบแน่น ๆ แข็งโป๊ก คือ ถ้าเป็นในกล้อง Ultra Wide Angle อะ แก้วไม่ค่อยติดหรอก ถ้ามันจะแข็งสักหน่อย เพราะส่วนใหญ่เราเอาไว้ถ่ายภาพวิว หรือภาพ สถาปัตยกรรม ส่วน Dynamic Range จุดนี่ค่อนข้างน่าแปลกใจนิดหนึ่ง เพราะว่า มันแอบกว้างกว่ากล้องหลัก อยู่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะเป็น ไฟล์ JPEG ก็ตาม ส่วนของ Shadow ไม่ได้ทึบสนิทไปเลย

เวลาถ่ายภาพย้อนแสง ถือว่า Balance ในแต่ละช่วงความสว่างของภาพมาได้ดีครับ คือ ตัว Highlight คงจะเก็บมาให้เห็นดวงอาทิตย์กลม ๆ ไม่ไหว แต่ว่า ส่วน Midtone กับ Shadow ยังให้รายละเอียดได้ครบถ้วน แม้จุดที่เกือบจะมืดที่สุดในภาพ ก็ยังมีรายละเอียดให้เราเห็นได้อยู่

ทีนี้มาลองดู Ultra Wide Angle แบบ ProRAW กันบ้างครับ ว่าเป็นยังไงบ้าง ? ที่แน่ ๆ เลยนะครับ ความเป็นธรรมชาติของเนื้อไฟล์ มันดีกว่า JPEG มาก ๆ แต่ในเรื่องของความยืดหยุ่น และ คุณภาพของไฟล์ กล้อง Ultra Wide Angle ตัวนี้ยังตามหลังกล้องหลักอยู่พอสมควร ทั้ง Highlight ที่เอาลงมาได้ไม่สุด และ Noise ที่เรายังพอจะเจอได้บ้าง เวลาย้อนแสง


แต่ในช่วงเวลาที่แสงน้อยลงแบบนี้ การเลือกถ่าย RAW แทนที่จะเป็น JPEG ยังช่วย Save รายละเอียดในส่วนต่าง ๆ ของภาพกลับเข้ามาได้ครบ โดยที่ไม่ได้มี Noise ตามเข้ามาด้วยมากนัก ถือว่ากล้อง Ultra Wide Angle ใน iPhone 14 Pro Max ตัวนี้ ดีขึ้น ทั้งใน JPEG และ RAW อยู่พอสมควร

MEDIUM TELEPHOTO 3x | กล้องระยะกลาง 12MP

สำหรับกล้อง Telephoto 3x ตัวนี้ เป็นอีกหนึ่งระยะ ที่แก้วใช้งานมันค่อนข้างจะบ่อยมาก มากกว่ากล้อง Ultra Wide Angle ซะอีก แต่มันเป็นกล้องที่แก้วรู้สึกว่า มันพัฒนาขึ้นมาจากรุ่นที่แล้ว น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับ กล้องตัวอื่น ๆ ในรุ่นเดียวกัน

แน่นอนว่า Character ของการ Over process ก็ยังตามมาหลอกหลอน ในกล้องตัวนี้เหมือนกัน คือ ถ้าเราไม่ได้ใช้กล้องตัวนี้มาถ่ายภาพเพื่อที่จะสร้าง Depth of field แต่เน้นซูม เพื่อที่จะเอาระยะให้ใกล้ขึ้น ลักษณะการ Process แบบนี้อะ มันจะมีประโยชน์ เพราะภาพมันก็จะดูคมขึ้นนั่นเอง

ซึ่งระยะการ Zoom ประมาณ 3x ก็ยังอยู่ในระดับที่เพียงพอ ที่เราจะเอามาถ่ายแมว ที่กำลังนอนอยู่ได้เต็ม Frame โดยที่น้องไม่วิ่งหนีไปซะก่อน

พอสลับจาก JPEG มาถ่าย RAW ดูในกล้องตัวนี้ ก็เหมือนกับกล้องที่ผ่าน ๆ มาก่อนหน้านี้นั่นแหละครับ มันเป็นธรรมชาติขึ้น ความแข็งมันหายไป แสงเงามีความ Linear ได้ตามใจเราจะปรับแต่งมากกว่าเดิม

จุดที่แก้วชอบมากจริง ๆ ในกล้อง 3x ตัวนี้ก็คือ ระยะโฟกัสใกล้สุดของมัน ที่อยู่ที่ประมาณ 1 เมตรกว่า ๆ ที่ถ้าเราจัดวาง Background ดี ๆ Depth of field ที่ได้ มันจะสวย เอาไปใช้งานในการถ่ายสิ่งของเล็ก ๆ แล้ว Blur หลังทิ้งโดยที่ไม่ต้องใช้ Software ช่วยได้ดี

LOW LIGHT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพในที่แสงน้อย

การถ่ายภาพในช่วงเวลากลางคืน และที่แสงน้อยนั้น น่าจะเป็นสิ่งที่ iPhone 14 Pro Max ทำได้ดีขึ้นกว่า Gen ที่แล้วแบบรู้สึกได้มากที่สุด และรูปแบบของการ Process ภาพที่อัด Clarity และ Texture จะเริ่มมีประโยชน์เอาก็ตอนนี้นี่แหละครับ

ลักษณะของ Night Mode ของ iPhone 14 Pro Max ที่แก้วชอบนะ คือ เวลาเราถ่ายด้วย ProRAW ตัว Night Mode ก็ยังทำงานในการลากชัตเตอร์เก็บรายละเอียดของภาพเข้ามาให้เราได้เหมือนกับการถ่าย JPEG ปกติ ซึ่งเราไม่สามารถหาได้จาก Smartphone Android รุ่นไหนเลย อันนี้ดีจริง ขอชมครับ

กล้อง Ultra Wide Angle ที่เคยเป็นจุดอ่อนในการถ่าย Night Mode ของ iPhone 13 Pro ก็ได้ถูกแก้ไขให้ได้ รายละเอียดและความคมที่ดีขึ้นมาก ๆ ใช้งานได้จริง และถ่ายง่าย ไม่ต้องคิดเยอะ

ส่วน Night Mode ในกล้อง Telephoto 3x น่าจะเป็นจุดอ่อนเดียว ใน iPhone 14 Pro Max เพราะว่า โอเคแหละ Detail มันยังดีอยู่ ความคมก็ใช้ได้ แต่ความใสของภาพ และ Noise Reduction ดันทำงานได้ไม่ค่อยมากนัก เมื่อเทียบกับ กล้องหลัก และกล้อง Ultra Wide Angle

ภาพสุดท้ายนี้ แก้วเลือกจะถ่าย Night Mode แบบ ProRAW โดยที่ตัวกล้อง ลากชัตเตอร์อยู่ประมาณ 2 วินาที คุณภาพของไฟล์ที่ได้ ความใส และความยืดหยุ่นในการถ่ายภาพ แก้วใช้คำว่า กล้องของ iPhone 14 Pro Max สามารถจะถ่ายภาพกลางคืนด้วยไฟล์ RAW ได้ดีที่สุดในเวลานี้ เลยก็ว่าได้ครับ

FRONT CAMERA : กล้องหน้าความละเอียด 12MP

สิ่งที่กล้องหน้าของ iPhone นั้น เหมือนกับกล้องหลังมาก ๆ ก็คือ Software ที่พยายามจะขุด Detail ขึ้นมา นั่นหมายความว่า ถ้าเราไม่ใช่คนที่ผิวหน้าเนียนอะไรมากมาย รูขุมขน ทุกรูบนใบหน้า จะถูกดึงรายละเอียดขึ้นมาจนชัดเจน Texture ของผิว และริ้วรอยต่าง ๆ จะชัดกว่าที่เราส่องกระจกซะอีก

ลักษณะในการ Process ภาพในกล้องหน้าที่แปลกประหลาดมาก ถ้าสภาพแสงที่ตัวเรา กับฉากหลัง พอ ๆ กันผิวจะออกมาดูเนียนที่สุด Texture จะโอเคที่สุดแล้ว แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ฉากหลัง แสงสว่างมากกว่า หรือ ตัวเรา แสงสว่างมากกว่า Clarity และ Boost Texture ก็คือ มาเต็มจนแบบ เรารู้สึกว่า

จริง ๆ แก้วก็มี Technic ในการใช้กล้องหน้าตัวนี้ไม่ให้มันถ่ายออกมา แล้วดูผีมาก ให้เราใช้ Portrait Lighting แบบ Studio แล้วชดเชยแสงตอนถ่ายให้ติด Under นิดนึง เวลาภาพ Process ออกมา จะไม่ค่อยแข็งครับ ถ่าย RAW ได้ก็ดีนะ หนี Clarity ได้ดีพอสมควร และจะยิ่งได้ผลลัพท์ที่ดีขึ้น เมื่อเรา Selfie ในที่แสงน้อย

PERFORMANCE | ประสิทธิภาพ

สำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน มันคือ Smartphone ที่เราไม่ต้องคิดมาก เราตื่นมาใช้งานมันได้แบบสบายใจ ( ยกเว้นลืมชาร์จแบตนะ ) ไม่ค้าง ไม่เด้ง ไม่เอ๋อ ยิ่งถ้าปรับตัวให้เข้ากับ Dynamic Island ได้แล้ว ก็จะยิ่ง Happy มีความสุขกับ iPhone 14 Pro Max ได้ไม่ยาก

ในเรื่องของประสิทธิภาพของ CPU ตัวใหม่อย่าง Apple A16 Bionic (4nm) ที่แรงขึ้นกว่า Gen ที่แล้วเล็กน้อย ซึ่งแทบไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่อะไรนะครับ Gen ที่แล้วมันแรงมาก แรงแบบเหลือ ๆ อยู่แล้วอะ การอัพเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย เลยทำให้แก้วแทบไม่รู้สึกอะไรเลย แต่บอกได้แค่ราบ จะใช้งานหนักแค่ไหน เล่นเกม Graphic สูงแบบปรับสุดได้เกือบทุกเกมแน่นอน ที่ Frame Rate 60fps นิ่ง ๆ เปิด App ทิ้งไว้เป็นโหล มันก็ยัง " ลื่น "

จากที่แก้วได้พูดคุยกับหลาย ๆ คนที่ใช้ iPhone 14 Pro มา มีหลายคนที่ไม่สามารถจะใช้งานได้จนจบวัน เมื่อเปิด 5G Standby และมีการใช้งานกลางแจ้งค่อนข้างเยอะ นั่นทำให้ แก้วตัดสินใจที่จะซื้อ iPhone 14 Pro Max ที่มีขนาด Battery ที่ใหญ่กว่า และ ผลลัพท์มันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ครับ มันรอดได้จบวัน อย่างต่ำๆ เลยก็คือ 8 ชั่วโมงครึ่งเนี่ยต้องมี ถ้าใครใช้งานหนัก ๆ แก้วก็ค่อนข้างแนะนำให้ซื้อ Pro Max ไปเลย การชาร์จเร็ว 27W ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่า ๆ ในการชาร์จแบตเตอร์รี่ 4323mAh ให้เต็ม

แก้วเลยเลือกที่จะมี Wireless Charge ไว้ตามที่ต่าง ๆ ใช้เสร็จก็วางเข้า Docking ไป ทั้งใน Studio และบนรถยนต์เวลาขับออกไปถ่ายงานนอกบ้าน แบตเตอร์รี่ก็แทบจะเต็มอยู่ตลอดเวลาแล้วครับ

 
OVERVIEW & OPINION

iPhone 14 Pro Max คือ การ Major อัพเกรดในเรื่องของกล้อง (เฉพาะกล้องหลัก) และหน้าจอ เพียงแค่สองเรื่องเท่านั้น ในจุดอื่น ๆ แทบไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย ไปจาก iPhone 13 Pro Max ซึ่ง ถึงแก้วจะพูดแบบนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่า มันเป็น Smartphone ที่แย่นะครับ มันยังคงเป็น Smartphone ที่ยอดเยี่ยม ทั้งภายนอก งานประกอบ วัสดุ และ Experience ในการใช้งานที่ราบรื่น แบบไม่ต้องคิดมาก


Battery Life ที่ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานกว่า iPhone 14 Pro ถึงแม้ว่าหน้าจอของ iPhone 14 Pro Max เวลาใช้งานกลางแจ้งจะกินพลังงานมากกว่า เพราะขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า และความสว่างสูงสุดที่ 2,000 nits ก็ตาม


แต่ถ้าสำหรับใครที่อยากจะใช้ iPhone รุ่นนี้ในการถ่ายภาพ ให้คุ้มค่า และได้ใช้พลังของ Sensor ตัวใหม่แบบจริง ๆ จัง ๆ แก้วขอแนะนำให้พยายามฝึกฝนการถ่ายด้วย ProRAW เรียนรู้วิธีการ Process ไฟล์ จะทำบน มือถือเลยก็ได้ หรือจะเอามาลงคอม Process ด้วย Lightroom ก็ได้ ที่ต้องพูดแบบนี้เพราะว่า JPEG หรือ HEIC ของ iPhone มัน Process มาได้แย่จริง ๆ มันกลบสิ่งที่เป็นจุดดี ที่หลายคนได้ลองแล้วจะต้องรัก ไปแบบน่าเสียดาย

กับราคาค่าตัวที่ 42,700 บาท ที่ความจุ 256GB เมื่อซื้อกับ True ไหน ๆ เสียเงินไปมากขนาดนี้แล้ว ลองฝึกฝน ใช้พลังของมันให้คุ้มค่ากับเงินที่เราจ่ายไป น่าจะเป็นการใช้งาน iPhone 14 Pro Max ที่คุ้มค่าที่สุดแล้วครับ
 

[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ] Fanpage : https://www.facebook.com/mobile.fotographer

IG : kaew.ravie

0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page