สวัสดีครับ วันนี้แก้วอยู่กับ Smartphone สุดฮอตส่งท้ายปีจากทาง Xiaomi นั่นก็คือ Mi11T Pro 5G นั่นเองครับ ซึ่งหลายๆ คนทราบกันอยู่แล้วว่า รุ่นที่ลงท้ายด้วยตัว T เนี่ย จะเป็นรุ่นที่คุ้มค่าประจำแต่ละปี แต่ปีนี้ล่ะ ? คุ้มค่าไหม น่าใช้หรือเปล่า ? ไปอ่านรีวิวกันครับ
SPECIFICATION
CPU Qualcomm Snapdragon 888 5G | 3D Adreno 660
Operation System Android 11, MIUI 12
RAM 8/12 GB LPDDR5, ROM 128/256 GB UFS3.1
Battery 5,000 mAh with 120W Fast Charge
Wifi 6 | Bluetooth 5.2 | NFC
Dual Sim Standby 4G & 5G
Display AMOLED Resolution FHD+ 6.67 Inches 1.07 billion colors
Refresh rate 120 Hz, Touch Sampling rate 480 Hz
Support HDR10+ & Dolby Vision
DESIGN งานออกแบบ
สำหรับ Mi 11T Pro 5G งานออกแบบของตัวเครื่องนั้น ออกจะมีความคล้ายกับ Mi 10T Pro ของปีที่แล้วอยู่พอสมควร อาจจะไม่ได้ดูหรูหราเหมือนกับ Mi11 ตัวหลักของแบรนด์ แต่ก็ให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ดีเหมือนกัน
สีที่แก้วได้มารีวิวนี้จะเป็น Meteorite Gray ซึ่งมีความแวววาวสูงมาก รวมไปถึงมีการเล่นลูกเล่นคล้ายๆ กับ Metal Brush จริงๆ น่าจะเรียกว่า Metal Brush มากกว่า Meteorite จะดูเข้ากว่า สวยงามใช้ได้เลย เล่นแสงสะท้อนสุดๆ
ขนาดตัวเครื่องต้องบอกว่า ค่อนข้างใหญ่ และหนา ด้วยความที่ตัวเครื่องมี Battery อยู่ที่ 5,000 mAh ก็พอจะสมเหตุสมผลอยู่ แต่ว่าในปีนี้ มี Smartphone หลายรุ่นที่ แบตใหญ่ แต่เครื่องบางลงได้เยอะออกมามากพอสมควรแล้ว ข้อนี้ก็อาจจะดูด้อยกว่าคนอื่นสักเล็กน้อย
แอบรู้สึกว่าหนาเอาเรื่องเหมือนกันนะครับ ยิ่งเมื่อรวมกับ Module กล้องที่นูนขึ้นมาอีก ยิ่งดูหนาเลย
DISPLAY : หน้าจอแสดงผล
Display AMOLED Resolution FHD+ 6.67 Inches 1.07 billion colors
Refresh rate 120 Hz, Touch Sampling rate 480 Hz
Support HDR10+ & Dolby Vision
เป็น Spec หน้าจอที่มองปร๊าดเดียวก็รู้เลยว่า ออกแบบและ Tuning มาเพื่อการเล่นเกมแน่ๆ ด้วย Touch Sampling สูงสุดที่ 480Hz นี่สบายใจได้เลย เล่นเกมได้สบาย มากๆ ในแง่ของการ Touch ก็ต้องยอมรับว่า Touch ดีจริงๆ ติดนิ้วมาก ไม่ว่าจะเป็นกับการใช้งานทั่วไปหรือว่าเอาไปเล่นเกม
ค่า Refresh Rate ของหน้าจอเราสามารถที่จะปรับเอาไว้ที่ 120Hz แบบ Lock เอาไว้เลย หรือจะเป็นแบบ 60Hz เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ก็สามารถมาเลือกตรงนี้ได้ แต่ว่า พอลองใช้งานไปสักพัก มีประเด็นนิดหน่อยครับ
ในบางจังหวะที่เราไถพวกหน้า Feed Facebook บางครั้งแก้วพบปัญหาว่า มันเป็น 120Hz บ้าง บางทีก็ 60Hz บ้าง ตอนแรกคิดว่า เอ๊ะเป็นที่เราเปิด App Background เอาไว้เยอะ หรือเปล่า ? แต่พอลองเช็คดู แทบไม่ได้เปิดอะไรไว้เลย อันนี้ก็หวังว่าเขาจะออก Software มาแก้นะครับ
ในส่วนเรื่องของการเอาหน้าจอนี้ไปใช้ในการเล่นเกม การแสดงผลสิ่งต่างๆ นั้นหายห่วง และการ Touch เนี่ยดีมากๆ แม่นยำมาก สำหรับคนที่เล่นแนว MOBA หรือ RPG ที่มีอะไรในหน้าจอให้กดเยอะๆ เนี่ย แก้วว่าน่าจะชอบ ให้ Feeling เดียวกับพวก Flagship เลย
CAMERA : กล้องถ่ายภาพ
ชุดกล้องหลัง 3 ตัวที่ให้มา เป็นมาตราฐานคล้ายกับ Mi 10T Pro ก็คือ กล้องหลักความละเอียดสูง 108MP ที่ยอดเยี่ยมพอที่จะใช้แทนกล้อง Telephoto 2x มา Crop ใช้งานได้ กล้อง Ultra Wide Angle ที่ดัน downgrade ลงซะงั้น แต่ใส่ Telemacro มาแก้ขัดให้
กล้องหลัง 3 เลนส์
กล้องหลักเลนส์เลนส์ Wide 108 ล้านพิกเซล f/1.75
กล้องเลนส์ Ultra wide 8 ล้านพิกเซล f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา
กล้องเลนส์ Telemacro 5 ล้านพิกเซล f/2.4 Optical Zoom 2X
กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล f/2.45
MAIN CAMERA 108MP
กล้องหลัก 108MP ของ Xiaomi นั้น เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ที่หลายๆ คนมักจะนึกถึงเมื่อเห็น กล้องหลักใน Flagship ของ Xiaomi ในแง่ของความละเอียดนั้นก็ไม่มีอะไรกังขาครับ ยังดีเหมือนเดิม ถ่ายมาแล้ว Crop ใช้งานได้ดี
ในช่วงที่แก้ว Test กล้องตัวนี้เนี่ย วันสองวันนั้น สภาพท้องฟ้า กับสภาพแสง แตกต่างกันมากพอสมควร อย่างวันแรกเนี่ย ฟ้าครึ้มทั้งวัน เมฆแน่น ทำให้สภาพแสงอาจจะไม่ได้เหมาะกับการถ่ายภาพสักเท่าไหร่ แต่ต้องยอมรับเลยว่า กล้องขุด Dynamic Range ได้ดีมาก อยู่ในระดับที่ให้ภาพที่ดูเป็นธรรมชาติ
ถึงแม้ว่ากล้องหลักนั้นจะสามารถ Digital Zoom ได้เยอะสุดที่ 10x แต่ระยะที่สามารถหวังผล และเอาไฟล์ไปใช้งานต่อได้แบบไม่ต้องกังวล แก้วแนะนำที่ 2x นี่แหละครับ ดีที่สุดแล้ว
บางวันที่ท้องฟ้ามันไม่ใส มีเมฆแน่น Xiaomi ก็มีฟีเจอร์ Magic Sky เปลี่ยนท้องฟ้าได้ตามใจเรา อย่างภาพนี้เนี่ย แก้วก็เปลี่ยนภาพถ่ายที่ฟ้าไม่สวย ให้เป็นฟ้าใสๆ ใจชื่นบานแบบนี้ได้ หลายครั้งเวลาไปถ่ายภาพเนี่ย ฟีเจอร์นี้ช่วยชีวิตไว้เยอะเหมือนกัน แถมใช้ได้ยัน Mode 108MP เลยนะครับ
พอเอามาลองเทียบกับวันที่ท้องฟ้ามันใสๆ เนี่ย คนละเรื่องเลย ยิ่งถ้าเปิด AI แบบภาพนี้ สีท้องฟ้านี่แบบ แสบจี๊ดมาก จุดที่ทำได้ดีจริงๆ ในทุกสภาพแสง คือ HDR ที่ Balance แสงได้ดีแบบพอเหมาะ พอควร
นอกเหนือจากเรื่องความละเอียดของภาพแล้ว ด้วย ปริมาณ Pixel บน Sensor ที่เยอะมากๆ มันเพียงพอที่เราจะใช้การ Zoom แบบ crop on sensor มาใช้งานสะดวก และยังคงคุณภาพเอาไว้
และถึงแม้ว่า Mi 11T Pro 5G นั้นจะมี Telemacro มาให้ก็จริง แต่ต้องบอกว่า การใช้กล้องหลัก 108MP กด Crop 2x นี่มัน ได้ไฟล์ที่สวย มีคุณภาพ และยังคงความคม และ Depth ของภาพเป็นธรรมชาติเอาไว้ได้ดี
กล้องหลักตัวนี้เมื่อเอาไปใช้งานร่วมกับ Mode อื่นๆ ก็ให้คุณภาพที่ไว้ใจได้เช่นกัน เช่นภาพนี้เอามาใช้กับ Mode Portrait ที่เราไม่ได้เอามาถ่ายคน แต่เอามาแค่ใช้ในการสร้าง Depth of Field ก็ไล่ระดับการเบลอ และตัดขอบได้เนียน
เอามาใช้กับ Mode Long Exposure เพื่อเปลี่ยนน้ำตกให้ฟุ้งๆ มีความพลิ้วไหวแบบนี้ กล้องหลักตัวนี้ก็ไว้ใจได้เลย แถม Mode นี้เนี่ย เราไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องช่วยเลยนะครับ ดีงามมากเลยๆ
ULTRA WIDE ANGLE 8MP
ต้องบอกว่าแอบผิดหวังในส่วนนี้พอสมควรเพราะว่า เคยได้ใช้กล้อง Ultra Wide Angle 13MP ของ Xiaomi มาก่อน แล้วคุณภาพของกล้องตัวนั้นมันดีมากๆ ไว้ใช้ได้เลยทั้งเรื่ององศาการรับภาพ ความคมถึงขอบภาพ และการถ่ายย้อนแสง ซึ่ง Ultra Wide Angle ตัวนี้สู้ไม่ได้จริงๆ
จุดที่ทำให้หงุดหงิดที่สุดก็คือ ทุกครั้งที่เอากล้อง Ultra Wide Angle มาถ่ายภาพย้อนแสง ตามขอบๆ ของวัตถุที่แสงลอดออกมา มันจะมีอาการขอบม่วงเกิดขึ้นมาเกือบจะตลอดทุกครั้ง
ความคมของภาพนั้นกระจุกตัวอยู่บริเวณ 80% ในส่วนตรงกลางภาพ ทั้งแม้ว่าจะไม่ได้ Ghost ในภาพ ที่คอมภาพก็ไม่ได้คมได้อย่างน่าพอใจ กับ Smartphone ราคานี้ ในปีนี้ ถึงแม้ว่าองศาการรับภาพนั้นจะกว้างอยู่ในระดับที่โอเคก็ตาม
และเมื่อเอามาถ่ายภาพย้อนแสงครับ ความบันเทิงก็เกิดเลย สังเกตที่ขอบของใบไม้ คือ ค่อนข้างจะฟุ้งเลย การพยายามขุดเงาในภาพ นำมาซึ่ง Noise ที่มีความหยาบค่อนข้างเยอะทีเดียว
ยิ่งพอเป็นการย้อนแสงที่มีจุดมืดในภาพเยอะ HDR ในตัวกล้องมันพยายามขุดแสงในเงามืดขึ้นมาเยอะมาก และสิ่งที่เราได้รับก็คือ Noise ในระดับมหาศาล พร้อมสีเพียนไปติดม่วงโผล่เข้ามา
Sky change ยังสามารถเอามาใช้ในกล้องตัวนี้ได้เช่นเดิม ในเรื่องของ Software และความแม่นยำในการ Blend ภาพเข้าหากันเนี่ย ไม่มีอะไรจะติจริงๆ ทำได้เนียนมากๆ ขอบใบไม้ที่เก็บมาเนียนหมด
ยังดีที่การจัดการ Distortion นั้นทำมาได้ค่อนข้างโอเค องศาการรับภาพกว้าง แต่ขอบไม่เบี้ยว
Portrait Photography : การถ่ายภาพบุคคล
สำหรับการถ่ายภาพบุคคลคนนั้น แก้วถือว่า Mi 11T Pro 5G นั้นทำได้ใกล้เคียงกับ Mi11 เลย ทั้งเรื่องการจัดการแสง Skintone การเบลอ ฉากหลัง เก็บขอบเส้นผม ก็ทำได้ดีทีเดียว แต่มีอยู่กลายครั้งที่ HDR อาจจะไม่ได้ทำงานใน Mode Portrait ทำให้ Detail ของท้องฟ้า หรือย่าน Highlight อาจจะหลุดขาวได้บ้าง
อีกหนึ่งจุดที่เป็นข้อพิจารณา นอกเหนือจากเรื่องของ HDR ที่ไม่ช่วยดึงท้องฟ้าแล้ว ก็คือ White Balance ครับ เมื่อเจอสภาพแสงที่ แสงแกว่งไป แกว่งมา บางครั้งก็แดง บางครั้งก็เขียว ไม่ค่อย Balance กันเท่าไหร่ ในการใช้งานจริง
แต่ถ้าสภาพแสงโอเค ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากนัก แก้วถือว่าการถ่ายภาพ Portrait นั้น มันไม่ต่างจาก Flagship อย่าง Mi11 หรือ Mi11 Ultra มากมายนัก ฟีเจอร์ลูกเล่นในการถ่ายภาพ Portrait ก็มีมาให้พอสมควร
สามารถที่จะปรับระดับการละลายฉากหลังได้ จนขึ้น Bokeh ดวงหลมๆ แบบนั้น ได้ดูเป็นธรรมชาติ
หรือ จะเป็นการใส่ Flare แบบนี้ใส่ Cinematic Effect เขาก็มีมาให้เช่นเดียวกันกับรุ่นพี่ๆ ครับ
ความแม่นยำในการจำลองการเบลอ โดยที่มีทั้งฉากหน้า และฉากหลังก็ทำออกมาได้เนียนกริ๊บเลยครับ
TELEMACRO CAMERA | กล้องเทเลมาโคร 5MP
กล้องนี้คือจุดที่ดีที่สุดในกล้องถ่ายภาพของ Mi 11T Pro 5G เพราะมันคือกล้องตัวเดียวกับที่อยู่ใน Mi11 แบบไม่ต้องสงสัย ให้คุณภาพไฟล์พอๆ กัน ความคม Bokeh หมุนๆ สวยเหมือนกัน
แน่นอนว่านอกจาก ภาพนิ่งแล้วกล้องตัวนี้ยังสามารถถ่าย Video ได้ด้วยนะครับ
เรื่องความคม กับความสว่างเนี่ย เหนือกว่ากล้อง Macro ของแบรนด์อื่นๆ อย่างชัดเจน ไว้ใจได้
นอกจากนั้นยังสามารถเข้าไปได้อีกนิดนึงอยู่ที่ 2x โดยที่คุณภาพของไฟล์นั้นยังใกล้เคียงของเดิมครับ
FRONT CAMERA | กล้องหน้า
สำหรับ Spec ของกล้องหน้าตัวนี้ อยู่ที่ 16MP และองศาการรับภาพกว้างประมาณหนึ่ง ทำให้การยื่นแขนออกไปสำหรับ Selfie นั้นไม่ต้องยื่นไกลมากก็ได้มุมภาพที่กว้างพอสมควรแล้ว การเก็บขอบเนียนเหมือนกล้องหลังเลย แม้กระทั่ง Bokeh ก็ยังใกล้เคียงกัน
ชอบ Beauty Mode ของ Mi 11T Pro ตัวนี้มาก มันไม่ได้พยายามจะทำให้หน้าเนียนจนดูไม่เป็นธรรมชาติ เพราะว่า ยังเก็บ Texture ของผิว และรูขุมขนเอาไว้ได้ดีพอสมควร
และอีกจุดที่เหมือนกันในกล้องหลังก็คือ Auto White Balance ก็ยังมีอาการแกว่งให้เราเห็นได้บ้าง เมื่อเจอสภาพแสงที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบ่อยๆ ซึ่ง จะคลาดเคลื่อนที่แกนสี เขียว กับ ม่วง หรือ Tint เท่านั้นครับ
NIGHT MODE | การถ่ายภาพกลางคืน
สำหรับการถ่ายภาพด้วย Night Mode ของ Mi 11T Pro 5G นั้น หลักๆ จะมีอยู่ด้วยกันสองวิธีที่ค่อนข้างเวิร์ค ก็คือการใช้ Mode Auto แบบ เปิด AI ให้แล้วกล้อง Detection เองว่าควรจะลาก Shutter Speed รับแสงนานขนาดไหน ? หรือ เข้าที่ Night Mode ไปเลยโดยตรง
ซึ่งทั้งสองวิธีนั้นให้ผลลัพท์ที่คล้ายๆ กันก็คือ กล้องจะเพิ่ม Clarity ในภาพขึ้นเล็กน้อย และ ลบ Noise ในภาพออกไปพอสมควร ทำให้ในบางครั้ง อาจจะมี Detail ในภาพนั้น หายไปได้บ้างพอสมควรครับ
กล้องหลักนี่เปิดโคมไฟแค่ดวงเดียวทั้งห้องก็ยังถ่ายเห็นรายละเอียดได้คมชัดมากๆ แต่ว่า . . . .
ปัญหาใหญ่ของการถ่ายภาพในที่แสงน้อยก็คือ การใช้กล้อง Ultra Wide Angle ในการถ่ายนี่แหละครับ เพราะว่า ถ้าเราดูภาพนี้จะเห็นได้เลย คุณภาพของไฟล์ภาพที่ได้ ระยะห่างมันช่างต่างกันซะเหลือเกิน อย่าว่าห่วง Detail ในภาพเลย เอาให้สว่างพอๆ กันยังไม่ไหว
ถ้าจะใช้ Ultra Wide Angle ใน Night Mode จริงๆ นั้น ต้องพอ มีแสงสว่างในภาพอยู่บ้าง ถึงจะพอไปวัดไปวาได้ครับ ไม่งั้นนี่ นอกจากจะไม่สว่างแล้ว Noise Reduction พยายามลบ Noise จน Detail ไม่เหลือเลย
VIDEOGRAPHY | การถ่าย Video
เรื่อง Video เนี่ย Mi 11T Pro 5G ทำได้ดีไม่แพ้กับรุ่นพี่ของเขาเลย ทั้งในแง่ของความละเอียด Video สูงสุดที่ 8K 30fps และกันสั่นที่ค่อนข้างจะดีมากๆ ในการถ่ายแบบ 4K 60fps ไมโครโฟน มีการรับเสียงที่ใกล้เคียงกับ Mi11 เหมือนกัน
มาพร้อมกับ Features Set Movie Magic จากรุ่นพี่ Mi11 ก็ใส่มาให้ครบๆ และทำงานได้ดีเหมือนกัน
PERFORMANCE & BATTERY LIFE
สำหรับคนที่คิดว่าจะเอา Smartphone เครื่องนี้มาเล่นเกม เป็นหลัก " คุณเลือกถูก " แล้วครับ เพราะ Performance เครื่องตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอ หรือความแรง CPU สามารถทำให้แก้วเล่นเกม Lineage W ที่สร้างบน Unreal Engine 4 เปิด Graphic แบบ High ได้สบายๆ
การจัดการความร้อนเมื่อเล่นไปเรื่อยๆ เป็นระยะเวลาประมาณหนึ่ง ก็ต้องบอกว่า สมาร์ทโฟนเครื่องนี้ร้อนนะ แต่ไม่ได้ร้อนขนาดว่าถือเครื่องไม่ได้เลย สามารถถือเครื่องเล่นเกมได้อยู่ แต่ถ้าอยู่ในห้องแอร์ จะดีกว่า ถ้าต้องการจะเปิด Graphic โหดมากๆ
คุณภาพของหน้าจอก็ดี คุณภาพของลำโพงคู่ถือว่าเท่ากับ Mi11 เลย คือมันให้เสียงที่ใช้ได้ แต่ไม่ได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น ถึงแม้ Harman/kardon จะมาจูนให้เหมือนเดิมก็ตาม มันก็ดีตามมาตราฐานของมัน
Battery 5,000 mAh กับการใช้งานทั่วไปนั้นสบายๆ เลยไม่มีปัญหาอะไร แต่ไม่น่าเชื่อนะครับว่า ตอนใช้งานกล้องในการถ่ายภาพ มันกินพลังงานแบตไหลเร็ว เยอะกว่าตอนเล่นเกมซะอีก อันนี้แอบแปลกใจ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหานะ มันอยู่จบวันสบายๆ แล้วฟีเจอร์เสียนิสัย ด้วยการชาร์จไว 120W ที่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ ไม่เกิน 36-38 นาที เต็ม ใช้งานต่อได้ยาวๆ
OVERVIEW & OPINION
สำหรับแก้วแล้ว Mi 11T Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่มี Performance เครื่องที่ยอดเยี่ยม Design ตัวเครื่องดู Sport และมีเอกลักษณ์ตามสไตล์ Xiaomi T Series ของแต่ละปีเหมือนเดิม แบตเตอรี่ใหญ่ใช้งานได้ตลอดวัน แม้เราจะเล่นเกมเยอะก็ตาม แต่เรื่องความร้อนก็ ต้องบอกว่า ร้อนนะครับ
ในส่วนของเรื่องกล้อง นี่อาจจะเป็น Smartphone จาก Xiaomi ที่รู้สึก ธรรมดาที่ได้ในปีนี้ เพราะกล้อง 108MP เนี่ยเราชินกับคุณภาพมันแล้ว แต่กล้อง Ultra Wide Angle มีความ downgrade ลงมาทำให้รู้สึกว่า Mi 10T Pro นั้นดูโอเคกว่า
ถึงแม้จะใส่กล้อง Telemacro มาให้เหมือนกับ รุ่นพี่ของเขา แต่ด้วยความที่เราไม่ได้มีโอกาสจะได้ใช้มันบ่อยเท่ากล้อง Ultra Wide Angle ทำให้ อาจจะไม่ได้รู้สึกหวือหวากับมันได้มากนัก สายเล่นเกม สาย Entertainment ไปจัดได้เลย ส่วนสายถ่ายภาพ ลองพิจารณาจากสิ่งต่างๆ ในรีวิวนี้ดูนะครับ ว่าคุ้มหรือไม่ ?
[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ] Fanpage : https://www.facebook.com/mobile.fotographer
IG : kaew.ravie #Mobilephotographer #โมบายโฟโตกราฟเฟอร์
Comments