สวัสดีครับทุกคน กลับมาเจอกับแก้ว และ สมาร์ทโฟนจากทาง realme กันอีกครั้งนะครับ ปี 2024 นี้ ก็เป็นอีกหนึ่งปี ที่ realme มาเขย่าตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางอีกครั้ง โดยเฉพาะในเรื่องของกล้องถ่ายภาพ realme 12 Pro+ ได้นำกล้อง Periscope Telephoto มาสู่สมาร์ทโฟนระดับกลางเป็นครั้งแรก และ รุ่นน้องอย่าง realme 12+ ก็ได้ใช้ Sensor กล้องถ่ายภาพตัวใหม่จากทาง Sony อย่าง LYT-600 ในราคาไม่ถึง 10,000 บาท จะน่าใช้สักแค่ไหน ไปดูรีวิวกันครับ
ซึ่งในรีวิวนี้แก้วจะขอพูดถึง 2 รุ่นย่อยไปพร้อมๆ กันเลยนะครับ ทั้ง realme 12 Pro+ 5G และ realme 12+ 5G ซึ่ง Spec จะมีหลายจุดที่ค่อนข้างแตกต่างกันอยู่ แต่ Design เครื่องค่อนข้างใกล้เคียงกันนะครับ
SPECIFICATION
[ Processor ]
- realme 12+ 5G : Dimensity 7050 5G
- realme 12 Pro+ 5G : Snapdragon 7s Gen 2
[ RAM | Storage ]
- realme 12+ 5G : 8GB + 256GB
- realme 12 Pro+ 5G : 8/12GB + 256/512GB
[ Display ]
- realme 12+ 5G : 6.67 inches AMOLED Flat Display 120Hz | FHD+ | 120Hz | 2,000nits
- realme 12 Pro+ 5G : 6.7 inches AMOLED Curved Display | FHD+ | 120Hz | 950nits
[ System & Software ]
- realme 12+ 5G : realme UI 5.0 | Android 14
- realme 12 Pro+ 5G : realme UI 5.0 | Android 14
[ Battery & Charging ]
- realme 12+ 5G | 67W SUPERVOOC Charge
- realme 12 Pro+ 5G | 67W SUPERVOOC Charge
[ Connectivity & Speakers ]
- realme 12+ 5G และ realme 12 Pro+ 5G Super Linear Dual Speaker USB-C 2.0 | Wifi6 | Bluetooth 5.2
WHAT'S IN THE BOX
ตัวเครื่อง realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G
Case กันกระแทกแบบนิ่ม สีใส
USB-C Cable
Adapter Charge 67W
Sim card ejector | Manual Document
DESIGN งานออกแบบ
เรามาเริ่มดูการออกแบบตัวเครื่องของ realme 12 Pro+ เครื่องนี้กันเลยนะครับ ภาพรวมในเรื่องของการออกแบบ จริง ๆ เหมือนได้ DNA มาจากรุ่นที่แล้ว ที่ Collab กับ Designer เก่า Gucci อยู่พอสมควร ทั้ง Shape ของ Module กล้อง และเส้น Decoration Line ตัดผ่านกึ่งกลางตัวเครื่อง
แต่ในครั้งนี้ เพื่อให้หรูหราขึ้นไปอีก realme ได้อัพลุคตัวเองอีกครั้ง ด้วยการไปเชิญคุณ โอลิเวอร์ ซาเวลล์ เป็น Watch Making ชาวฝรั่งเศส ที่เคยออกแบบ นาฬิกาหรูหลาย ๆ เรือนให้กับแบรนด์จากทาง Swiss และยังมี Studio ออกแบบนาฬิกา Handmade ที่ทำนาฬิกาสวย ๆ ไปโชว์ในงาน Baselworld อีกด้วย
ซึ่งบทบาทกับ realme 12 Pro+ แล้ว คุณโอลิเวอร์ เป็นคนเลือก คู่สี Texture หนัง ที่รอบนี้ผิวสัมผัส Texture ชัดกว่าเดิม ให้การสัมผัสที่ดีกว่าเดิม และหยิบ Elements การออกแบบนาฬิกาที่สวยงามมาจัดวางลงแต่ละส่วนดังนี้
เส้นคาดกลางเครื่อง หรือ Belt line พร้อม Texture แบบใหม่ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจาก สาย Jubilee จากนาฬิกาประเภท Dress Watch จากแบรนด์นาฬิกาชื่อดังหลาย ๆ แบรนด์ มี Pattern ที่สะท้อนแสงสวยงาม
จุดต่อไปก็คือ บริเวณขอบของ Module กล้อง ที่ได้หยิบ Design ของ Fluted Bezel ที่มีลักษณะริ้วหยัก เล่นแสงสะท้อนสวยงาม เรียงตัวรอบ Module กล้องเลย โดยที่สีของตัว Bezel จะเป็นสีทองอ่อน ๆ ส่วนใน realme 12+ 5G จะไม่มี Detail ในส่วนนี้นะครับ
จุดสุดท้ายก็คือ ภายในตัว Module กล้อง จะใช้ลวดลาย Stripe ร่วมกับการสะท้อนแสงแบบ Sun Burst ที่แก้วเชื่อว่า คนที่ใส่นาฬิกา Mechanical น่าเคยเห็นผ่านตากันมาบ้าง มีทั้งจากแบรนด์ Swiss และ ญี่ปุ่นเลยครับ
สำหรับสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น Frame ตัวเครื่องเป็น Plastic เหมือนกันทั้งคู่ แต่ได้รับ IP Rating ด้วยนะครับ โดย realme 12+ 5G จะได้เป็น IP54 ส่วน realme 12 Por+ 5G จะเป็น IP65 ครับ ก็ถือว่าให้ Spec ในเรื่อง Build Quality มาดีมากทีเดียว
ด้านล่างตัวเครื่อง ก็จะมี Port USB-C 2.0 | ลำโพง | ไมโครโฟน | ถาดใส่ซิมแบบ Dual Sim ซึ่งของ realme 12+ 5G เราสามารถจะเปลี่ยนเป็น microSD Card ก็ได้ สูงสุด อยู่ที่ 1TB แต่รุ่น Pro+ จะทำไม่ได้นะครับ
ส่วนด้านบน ก็จะมีลำโพง และไมโครโฟนอีกอย่างละ 1 ตัว ถ้าเป็น realme 12+ 5G จะได้ช่องเสียบหูฟังแบบ AUX มาด้วยนะครับ ซึ่งถือว่า ค่อนข้างหาได้ยากทีเดียวสำหรับสมาร์ทโฟนระดับกลาง แถมน้ำหนักตัวเครื่องก็ค่อนข้างดีนะ ไม่เกิน 200g ทั้งคู่ ทั้งแต่แบตเตอรี่ 5,000 mAh
DISPLAY : หน้าจอแสดงผล
ทีนี้เรามาดูในเรื่องของหน้าจอกันต่อนะครับ สำหรับหน้าจอของ realme 12 Pro+ 5G จะมีขนาดอยู่ที่ 6.7 นิ้ว ในรูปแบบของจอโค้ง กล้องหน้าเจาะรูตรงกลาง และมีความหนาของขอบหน้าจอที่บางมากๆ โดยจะใช้ Panel เป็น AMOLED ที่มีค่า Refresh Rate 120Hz และ Grade ของหน้าจอค่อนข้างสูงเลย
ส่วนหน้าจอของ realme 12+ 5G นั้น จะมีขนาดอยู่ที่ 6.67 นิ้ว เป็นรูปแบบของ จอ Flat หรือ จอแบนนั่นเอง Design การวางกล้องหน้า เหมือนกับรุ่นพี่ คือเป็นแบบ เจาะรูตรงกลาง แต่ว่า ขอบของหน้าจอ จะค่อนข้างหนากว่าอยู่พอสมควรนะครับ ได้ Panel เป็น AMOLED รองรับการแสดงผล HDR+ เหมือนกับรุ่นพี่ และมี Refresh Rate 120Hz เหมือนกันครับ หน้าจอสว่าง 2000nits สู้แสงดีมาก ๆ ครับ
สำหรับในเรื่องของการใช้งานทั่วไป การเล่น Social Media ใช้งาน Application ในชีวิตประจำวัน ก็เรียกได้ว่า เหลือ ๆ ทั้งคู่ ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล การ Touch ติดนิ้วดีมาก แต่ด้วยขอบหน้าจอโค้ง ที่ค่อนข้างบาง ทำให้ในบางครั้ง ยังมีอาการลั่น ให้รู้สึกอยู่บ้างครับ เวลาเล่นในที่มืดก็มีเทคโนโลยี 2160Hz PWM High-frequency Dimming ช่วยลดการกระพริบของหน้าจอ ทำให้สบายตามากขึ้น แต่ว่าระดับของการปรับค่าความสว่าง realme 12 Pro+ 5G จะทำได้ดีกว่าอยู่นิดหน่อยนะครับ
เวลาเอาหน้าจอไปใช้งานด้าน Entertainment สีสันของหน้าจอ และ Contrast ก็ดีงามมาก ๆ ใช้งานในการดู Content Streaming ต่าง ๆ Youtube ได้สูงสุดที่ 4K HDR | Netflix 4K HDR และ Platform อื่น ๆ ก็คือ เต็ม Resolution เลยครับ
มีฟีเจอร์เรื่องหน้าจอ 2-3 เรื่องที่แก้วชอบมาก อันแรกก็คือ เวลาเราเปิด Dark Mode ขึ้นมา เราสามารถที่จะเลือก เฉดความเข้มของ Dark Mode ได้ด้วย จะเป็นสีดำ สีเทา ได้หมดเลย ทำให้เวลาใช้งานจะสบายตามากขึ้น
และ สีสันของตัวจอ เรายังสามารถปรับ Color Profile ได้ตามใจเราด้วย จะเลือกสีสันสด ๆ แบบ Vivid เลือก แบบ Brilliant ที่หน้าจอจะสว่างขึ้น และสีได้มาตรฐาน DCI-P3 100% หรือจะเป็นตอนรับชมภาพยนตร์ ก็สามารถเลือกแบบ Cinematic ได้
ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ 950nits เมื่อเปิด Content แบบ HDR จากการที่แก้วเอาออกไปถ่ายภาพมาตลอดวัน เจอสภาพแสงหลายรูปแบบ ต้องใช้คำว่า นี่ไม่ใช่หน้าจอที่สว่างที่สุดในตลาดระดับกลาง แต่ใช้งานสู้แดดได้ตามปกติครับ แถม เปิดแสงจอสุดต่อเนื่องได้นาน เครื่องไม่ Dimming แสงลงเร็วด้วยนะ
CAMERA : กล้องถ่ายภาพ
ได้เวลามากันที่เรื่องของกล้องถ่ายภาพกันแล้วครับ ซึ่งแก้วบอกเลยว่า ในระดับราคานี้ เราไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ตั้งแต่รุ่นน้อง ไปจนถึง รุ่นพี่ มาแบบตึง ๆ โหด ๆ ทั้ง Hardware และ Software เราไปดู Setup ตัวกล้อง และ Sensor กันก่อนเลยครับ
realme 12+ 5G
MAIN CAMERA : SONY LYT-600 f/1.8 50MP | Crop 2x ได้สบาย
ULTRA WIDE ANGLE 8MP | Hi846 | f/2.2 | FF
MACRO 2MP f/2.4
FRONT CAMERA 16MP
realme 12 Pro+ 5G
MAIN CAMERA : IMX890 f/1.8 50MP | Crop 2x ได้สบาย
ULTRA WIDE ANGLE 8MP | Hi846 | f/2.2 | FF
TELEPHOTO 3x | OV64B | OIS | AF
FRONT CAMERA 32MP
นอกจาก Setup ของกล้องที่เปลี่ยนไปแล้วเนี่ย การ Process ไฟล์ภาพ ก็เปลี่ยนไปเยอะพอสมควรเลยครับ อย่างแรกคือ realme ลดการ overprocess ไฟล์ภาพลงเยอะ คือยังคงมีความสำเร็จรูปอยู่ สีสันสดในระดับหนึ่ง แต่ไม่มากเกินทำให้ Detail เสีย แล้วก็ ลดการเติม Sharpness ในภาพลง ลดการ ทำ Noise Reduction จน Texture สูญเสียรายละเอียดลง ทำให้ภาพที่ได้จาก realme 12 Pro+ ในภาพรวม จะดูธรรมชาติขึ้น
นอกจากนั้น เรายังได้ Filter สีใหม่ 3 สี ที่หยิบยกมาจากหนังชื่อดังสามเรื่อง ฝีมือการกำกับภาพของ Claudio Miranda เจ้าของรางวัลออสก้าสาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยม ได้แก่ Journey จากเรื่อง Life of Pi | Maverick จาก Top Gun Maverick | Memory จาก The Curious Case of Benjamin Button ซึ่ง แต่ละโทนจะให้ฟีลที่ต่างกันหมด สีที่แก้ว กับนางแบบน้องแพรว ลงความเห็นกันว่าชอบที่สุดคือ Maverick ที่มีการเติม Grain เข้าไปนิด ๆ กับสีให้อมเขียวฟ้า ลุคที่ได้ก็จะเหมือนใช้กล้องฟิล์มถ่ายหนังถ่ายเลย สวยมาก และ Filter พวกนี้ ใช้งานได้ในทุก Mode เลยนะครับ ทั้งแต่ Mode Auto , Portrait , Street ไปจนถึงการถ่าย Video เลยครับ อะ พูดกันมายาวเหยียด เราไปเริ่มดูภาพจากกล้องแต่ละตัวกันดีกว่าครับ
MAIN CAMERA : กล้องหลัก 50MP | IMX890 | LYT-600
เรามาเริ่มดูภาพจากกล้องหลัก ความละเอียด 50MP ที่ใช้ Sensor Sony IMX890 กันนะครับ สำหรับภาพที่เราจะได้จากกล้องตัวนี้นะครับ ถ้าเอาในมุมของคุณภาพไฟล์ อันนี้หายห่วงเลย Detail ดี Dynamic Range เวลาเปิด Auto HDR ไว้ก็โอเคทีเดียว
แล้ว ก็อย่างที่แก้วบอกไปตอนแรก การ Process ภาพออกมาไม่เหมือนรุ่นกลางที่ภาพคมจัด ๆ สีสดจัด ๆ แล้ว ตัวนี้จะคล้ายกับกับพวก Smartphone เรือธง ไม่เร่ง Sharp หนัก ไม่พยายาม ลบ Noise จนภาพเสีย รายละเอียดส่วนพื้นผิว แล้วก็สีสันของเขาเนี่ย คือ พอจะดูออกว่า เขาพยายาม Balance ระหว่างความสำเร็จรูปมาก ๆ กับความเป็น Natural Tone ซึ่งก็ทำได้ดีทีเดียวครับ
ส่วน Auto Exposure จะค่อนข้าง เน้นวัดแสงออกมาพอดี ๆ ไม่ Under หรือ Over จนเกินไป แล้วใช้ Auto HDR เฉลี่ยภาพแสงอีกครั้ง ตัว Auto White Balance ก็สามารถจัดการสีสันในสภาพแสงต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี อาจจะมีบางจังหวะที่ปรับแก้สีให้เราช้าบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากจนเป็นปัญหาครับ
ส่วนในเรื่องของ Depth of field ด้วยความที่เป็น IMX890 กับเลนส์ f/1.8 เนี่ย การถ่ายภาพละลายฉากหลังค่อนข้างทำได้ดีระดับหนึ่งอยู่แล้ว จะใช้การ Crop Zoom 2x เข้าไปช่วยเพื่อสร้างมิติก็ได้ แต่ถ้าจะเอาเบลอหลังจริง ๆ เดี๋ยวรอดูตอนใช้ Lens Telephoto นะครับ
สำหรับกล้องหลักของ realme 12+ 5G ที่ใช้ Sensor LYT-600 ลักษณะในการ Process ไฟล์ภาพออกมาจะต่างจากรุ่นพี่พอสมควร ก็คือ จะมีการเติม Sharpness ตัว Auto HDR ขุดเยอะกว่า แต่สีสันยังออกมาในโทนแบบเดียวกันอยู่
แต่คุณภาพไฟล์เนี่ย บอกเลยว่า สบายหายห่วง การจัดการ Noise ความใสของภาพ ทำได้ดีมาก ๆ Depth of field ก็ไม่ธรรมดาเลยนะ สามารถจะถ่ายละลายฉากหลังได้ไม่ยาก และใช้การ In sensor zoom 2x ได้ โดยไม่เสียรายละเอียด
และ Depth of field เวลาที่เราถ่ายของชิ้นเล็ก ๆ ละลายฉากหลัง ก็เบลอได้ค่อนข้างสวยงามเลยครับ
PORTRAIT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพบุคคล
เรามาต่อกันที่การถ่ายภาพ Portrait กันบ้างนะครับ สำหรับ Character ของภาพ Portrait ของ realme 12 Pro+ เครื่องนี้ เอาเรื่องความชอบก่อนนะ นี่เป็นสมาร์ทโฟน realme ที่ถ่าย Portrait ดีที่สุดเท่าที่แก้วเคยจับมาเลย ดีกว่าพวก GT Series ในปีก่อนหน้าแบบ ไม่เห็นฝุ่น
ซึ่ง สาเหตุที่เป็นแบบนั้น มีประมาณ 3 ข้อ ข้อแรกคือ ระยะในการถ่ายภาพ Portrait จะมี 2 ระยะ คือ 1x และ 3x ตามระยะ Optical ซึ่งเอาจริง ๆ แก้วอยากให้เพิ่ม แบบ Crop zoom 2x เข้ามาด้วย จะได้มี Choice ในเลือกถ่ายมากขึ้น นอกจากนั้น คุณภาพไฟล์ในทั้ง 2 เลนส์ เวลาถ่ายภาพ Portrait ก็ไว้ใจได้เลย ถ้าสภาพแสงดี ๆ ความสม่ำเสมอในการ Process ภาพออกมา ดีมาก ๆ
เรื่องที่ 2 ก็คือ โทนสีของภาพ และ ลักษณะในการ Process ภาพออกมา ตัวโทนสีจากที่เคยสีสดมาก ๆ มีการทำ HDR หนัก ๆ ตอนนี้ ลดลงมาค่อนข้างเยอะ แต่ยังคงความบิวตี้ และความถ่ายง่าย เอาไว้เหมือนเดิม ถ้าทุกคนลองสังเกต การ Process ผิวของเขาดูนะ อันนี้แก้วเปิด Beauty แค่ 20% จาก 100% เท่านั้น ทุกคนจะเห็นว่า Texture ไม่ได้หาย ยังเห็นรูขุมขนได้อยู่ แต่ผิวจะมีความใส แล้วก็ความสว่างมากขึ้น และรักษาคุณภาพไฟล์ในภาพรวมเอาไว้ได้ดีกว่าเดิม
ซึ่งเอาจริง ๆ นะ การ Process ลักษณะแบบนี้ เหมือนกับเรือธง ของ แบรนด์พี่แบรนด์น้องของเขามาก ลูกเล่นในส่วนของ Bokeh เนี่ย ไม่มีอะไรให้ปรับเยอะ นอกจากระดับของการเบลอ แต่ยังดีที่ Software Bokeh Simulation ของเขาอะ ค่อนข้างสมจริง ใครที่ไม่ชอบ Fancy Bokeh ชอบลุคที่ใกล้เคียงกล้องที่สุดน่าจะชอบ แล้วก็ เรื่องของตัดขอบ เก็บเส้นผมได้ดี คือ ถ้าสภาพแสงดี ๆ ฉากหลังไม่รกจนเหมือนแกล้งเขา ดีมาก ๆ แล้วในระดับราคานี้
เรื่องที่ 3 ก็คือ ทุกคนยังจำ Filter จากคุณ Claudio Miranda ได้ใช่ไหมครับ ถ้าเราเลือก Location ดี ๆ หา Costume ของตัวแบบให้ถูกต้องกับ Mood ที่เราถ่ายออกมา บอกเลยว่า ทุก Filter ดีงามหมด Filter แรก อย่าง Journey จากหนังเรื่อง Life of Pi ก็จะเป็นสีออกโทน Sepia สีน้ำตาล ๆ Contrast จะนุ่ม ๆ
ส่วน Filter ที่ 2 ก็คือ Memory จาก The Curious Case of Benjamin Button Contrast จะเข้มขึ้นเล็กน้อย แต่โทนสีจะปรับไปทางอมฟ้า มีความเป็นโทนเย็นเหงา ๆ เพิ่มขึ้นมานิดหนึ่ง
แต่ Filter ที่แก้ว กับ น้องแพรว นางแบบของเรา ชอบเหมือนกัน คือ Maverick เวลาเอามาใช้กับการถ่าย Portrait แล้ว ให้ลุคของภาพที่ดูมีเอกลักษณ์มาก ๆ เลย แล้วก็ไม่ต้องกลัวนะว่า เปิด Filter แล้ว Beauty Mode จะไม่ทำงาน สามารถเปิดสองสิ่งนี้ควบคู่กันไปได้นะครับ
ฟังมาขนาดนี้ คิดว่ามีแต่ข้อดีใช่ไหมครับ ข้อเสียก็มีเหมือนกัน สัก 2 ข้อได้ อย่างแรกเลยก็คือ ลักษณะใน Process Bokeh ในบางจังหวะ บางสภาพแสง มันดูแปลก ๆ เหมือนสีน้ำมาตัดแปะ ซึ่งอาการนี้ มักจะเกิดขึ้นในจังหวะที่ ถ่าย Portrait ในที่แสงน้อยแบบกดรัว ๆ เหมือนเครื่อง Process ไม่ทัน
แล้วก็อีกหนึ่งเรื่องก็คือ เวลาถ่าย Portrait ในช่วงกลางคืน แล้วไปเจอ Ambience Light สีแปลก ๆ เหลือง ๆ ส้ม ๆ Auto White Balance ไม่ค่อยแก้ให้เรา วิธีแก้ของแก้วคือ ใส่ Filter ไปเลยละกัน ไหน ๆ ก็ไม่แก้ให้ละ
ส่วนภาพ Portrait จาก realme 12+ 5G นั้น เราสามารถถ่ายได้ 2 ระยะด้วยกัน ก็คือ 1x | 2x จริง ๆ พอเห็นรุ่นน้องถ่าย 2x ได้ แอบอยากให้ รุ่นพี่ realme 12 Pro+ 5G ทำได้เหมือนกัน จะได้มีระยะให้ใช้งานมากขึ้นไปอีก
จากที่แก้วลองถ่ายมา สิ่งที่รู้สึกได้ว่าแตกต่างจากรุ่นพี่ คือ ความแม่นยำในการตัดขอบละลายฉากหลัง ถ้าเรา Snap ภาพเร็ว ๆ หรือฉากหลังรก ๆ การตัดขอบจะดูไมค่อยเนียนเท่าไหร่
แต่โทนสี การ Process Skintone และความสว่าง ทำได้ดีไม่ต่างจากรุ่นพี่เลย ตัว White Balance ใน Mode Portrait ทำได้ดีกว่ารุ่นพี่ซะอีก แต่ดันมาเจอปัญหาอีกอันคือ Noise Reduction ใน Mode Portrait ยังทำงานไม่ค่อยสม่ำเสมอเท่าไหร่ ต้องรออัพเดตกันต่อไปครับ
ภาพ Portrait ในที่แสงน้อยของ realme 12+ 5G น่าจะเป็นจุดเปรียบเทียบสำคัญ ที่ทำให้หลายคน อยากจะอัพเกรดไปเป็นรุ่นพี่หรือเปล่า เพราะว่า คุณภาพค่อนข้างต่าง และ ช่วงกลางคืน การเบลอฉากหลัง จะมีอาการตัดขอบพลาดมากกว่ารุ่นพี่ครับ
PERISCOPE TELEPHOTO 3x 64MP | OV64B
กล้อง Telephoto 3x ความละเอียด 64MP ที่ใช้ Sensor OV64B ตัวนี้กันดีกว่านะครับ เราได้เห็นกันไปแล้วว่า เขาใช้ในการถ่ายภาพ Portrait ได้ดีแค่ไหน ทีนี้การถ่ายภาพทั่วไปเป็นยังไงบ้าง
ถ้า เราถ่ายภาพใน Mode Auto ปกติ เวลาเอาสีสันไปเทียบกับกล้องหลัก จะรู้สึกว่า สีสันที่ได้นั้น จะดรอปกว่าอยู่ประมาณ สัก 20% ได้ แต่โทนที่ออกมาเป็นโทนเดียวกัน
ส่วนใหญ่เวลาแก้วใช้ Telephoto 3x ตัวนี้ถ่ายภาพ ทั่ว ๆ ไป แก้วมักจะไปใช้ใน Street Mode ถ่ายภาพ ( ใน realme 12+ 5G ก็มีนะครับ ) เพราะเราจะเห็น Focal Length ได้ละเอียดขึ้น มี Filter สีสันให้เลือกใช้งานหลากหลาย
เอาไปถ่ายภาพสถาปัตยกรรม ถ่ายภาพมินิมอล ถ่ายบรรยากาศเมือง หรือ จะเป็นการถ่ายภาพ Street ก็ทำได้ดีหมดเลย พวกฟีเจอร์อย่าง Auto Zoom หรือ DIS Snapshot ที่เป็นการเร่ง Shutter Speed สูง ๆ เพื่อ Snap ภาพอย่างรวดเร็วคล้ายกับพวก Sport Mode ก็มีมาให้
แล้วก็ ตอนที่รีวิวเครื่องนี้ ได้มีโอกาสไป ทำ Workshop ในเรื่องของ Street Photography Collab กับ พี่เดฟ จากเพจ หัด Street มาด้วย ใครอยากดูภาพเพิ่มเติมจากรุ่นนี้ สำหรับสาย Street รอดูในเพจ หัด Street ได้นะครับ เดี๋ยวทิ้งลิ้งเอาไว้ให้
อีกหนึ่งประโยชน์ของกล้อง Telephoto 3x ตัวนี้ คือการถ่ายภาพ Macro เพราะ ระยะโฟกัสใกล้สุดของเขา พอ ๆ กับเรือธงที่มี Telephoto 3x พร้อม Tele-macro หลาย ๆ ตัวเลยครับ ถ้าระยะ 3x ไม่เพียงพอ เราสามารถจะ In Sensor Zoom เข้าไปจนถึงระยะ 6x ได้แบบ Lossless
น่าจะเป็นสมาร์ทโฟนในระดับราคาหมื่นกลาง เพียงรุ่นเดียวในตลาดประเทศไทย ที่สามารถให้ประสบการณ์การถ่ายภาพแบบนี้ได้ อันนี้ขอชมเลยว่า realme ทำการบ้านเรื่องนี้มาดีจริง ๆ เหมือนรู้ว่า กล้องหน้า หรือ Chipset อาจจะสู้คนอื่นไม่ไหว งั้นขอสู้ด้วย Telephoto ละกันประมาณนั้น
ทีนี้ Performance ในการ Zoom ไกลมากกว่าระยะ Optical เป็นยังไงบ้าง สำหรับแก้วนะ Lossless ที่ยังโอเคอยู่ คือไม่เกิน 10x - 20x ในสภาพแสงปกติ ส่วนถ้าแสงน้อยไม่ควรเกิน 6x นะครับ ถึงแม้เขาจะให้การ Zoom ไกลมาสูงสุดที่ 120x ก็ตาม แต่ด้วยความเป็น Midrange อะ ISP ใน SoC ของเครื่อง มันประมวลผลออกมาให้ได้ไม่ดีเท่าเรือธงอยู่แล้ว ทำได้ขนาดนี้ ก็โหดมาก ๆ แล้วครับ
ULTRA WIDE ANGLE : กล้องมุมกว้างพิเศษ 8MP
เรามาต่อกันที่กล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 8MP ที่มีองศาในการรับภาพ 112 ํ ตัวนี้กันบ้างนะครับ ถ้าดูจาก Spec แล้ว ตัวเดียวกับ realme 11 Pro+ เป๊ะ ๆ เลยนะครับ โดยที่ทั้ง realme 12+ 5G และ realme 12 Pro+ 5G จะใช้ Sensor ตัวเดียวกัน ขอให้ Generation หน้า ได้ Ultra Wide 50MP ตัวใหม่ ๆ นะครับ
พวก Auto Exposure กับ Auto White Balance ทำงานได้ดี โทนสีของกล้องตัวนี้ ทำออกมาได้ค่อนข้างใกล้เคียงกับกล้องหลักพอสมควร จะมีในบางครั้งที่สภาพแสงเปลี่ยน แล้วสีของภาพ อาจจะติดอมเหลืองมากขึ้นกว่ากล้องหลักอยู่เล็กน้อย และ Saturation ของสีภาพ ก็จะซีดกว่าเล็กน้อยนะครับ
แต่ในเรื่องของ Distortion และความฟุ้งตามขอบภาพ อันนี้ทำได้ดีมาก ๆ ขอบไม่เบี้ยว แค่ยืดตาม Perspective ของระยะเลนส์ตามปกติ และ ตามขอบภาพทั้ง 4 มุม อาการฟุ้งน้อยมาก ประมาณ 2-3% เท่านั้นเอง
ตัว Dynamic Range ของ กล้อง Ultra Wide Angle ตัวนี้ คือ ตอนแรกที่แก้วลองถ่ายภาพด้วยกล้องตัวนี้เนี่ย พอเห็นเขาวัดแสงพอดี ๆ ไม่ได้เผื่อส่วนเงา ก็คิดว่า Auto HDR คงจะเหมือนกับกล้องหลักแหละ คือ ไม่ได้ขุดเงาขึ้นมาเยอะ
แต่พอกดถ่ายไป เอ้า Auto HDR ใน Ultra Wide Angle ขุดเงา ขุด Highlight หนักกว่ากล้องหลักซะงั้น จุดนี้ก็แปลก ๆ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เวลาเจอสภาพแสงยาก ๆ ยังให้ Dynamic Range ที่กว้างได้อยู่
NIGHT TIME PHOTOGRAPHY
เรามาต่อกันที่ Low light Photography หรือการถ่ายภาพในที่แสงน้อยกันนะครับ เราสามารถใช้งาน Night Mode ใน realme 12 Pro+ 5G ได้ในทุกกล้องนะครับ กล้องหลัก Ultra Wide Angle กล้อง Telephoto ใช้งาน ได้หมด
ถ้าเป็นช่วงเวลาก่อนอาทิตย์ตก ที่ยังพอมีแสงอยู่บ้าง จริง ๆ เราสามารถจะใช้ Mode Auto ไปก่อนก็ได้ สำหรับกล้องหลัก และกล้อง Telephoto คุณภาพไฟล์ที่ออกมา ใกล้เคียงกับการใช้ Night Mode
คุณภาพไฟล์ในกล้องหลัก ค่อนข้างดีมาก ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของสมาร์ทโฟน ในช่วงระดับราคานี้เลยก็ว่าได้ครับ ไฟล์ใส Detail ดี มีการเติม Clarity ขึ้นมาบ้าง ในระดับที่ไม่มากจนเกินไป สีสันถูก Boost ขึ้นมาพอสมควร
แต่ถ้าเป็น realme 12+ 5G แก้วแนะนำให้ เปิด Night Mode ขึ้นมาเลย จะดีกว่า ช่วยรักษาคุณภาพไฟล์ และการ Noise ให้เราได้แบบไว้ใจได้ คุณภาพไฟล์ที่ออกมา ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน แต่อาจจะไม่สามารถเทียบชั้นรุ่นพี่ของเขาได้นะครับ สีก็อาจจะออก เหลือง ๆ แดง ๆ กว่า
แต่ถ้าเป็นกล้อง Ultra Wide Angle ของทั้งรุ่น ถ้าแสงเริ่มน้อยลง ก็ให้เปิด Night Mode ขึ้นมาใช้งานเลยดีกว่า จะได้ภาพที่คมขึ้น มีสีสันที่ดีมากขึ้น เพราะด้วยขนาด Sensor ที่เล็กถ้าถ่ายใน Mode Auto ปกติ ภาพจะมี Noise ที่เยอะกว่านะครับ
ถึงจะไม่ได้ 50MP มา แต่คุณภาพสำหรับการถ่ายลง Social Media ก็ยังถือว่าใช้ได้อยู่ ไม่แย่เลย
ส่วน Night Mode ในกล้อง Telephoto 3x อันนี้แก้วค่อนข้างชอบมาก เพราะน่าจะเป็นสมาร์ทโฟน ราคาไม่เกิน 14,000 บาท ที่สามารถถ่ายช่วงกลางคืน ได้ในระยะไกลที่สุดแล้ว การ Process ไฟล์ภาพก็ค่อนข้างเร็ว
แต่แนะนำว่าตอนถือถ่ายด้วยกล้องตัวนี้ ให้พยายามจับเครื่องให้นิ่ง ๆ เพราะ OIS ที่ใส่มาให้ในกล้อง Telephoto นั้น อาจจะยังไม่ได้ดีมาก เมื่อเทียบกับ OIS ในกล้องหลักนะครับ
พวกฟีเจอร์สำหรับการถ่ายภาพช่วงกลางคืนก็มีมาให้ค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็น Mode การถ่ายดาว Mode การถ่าย Long Exposure ที่เราสามารถจะปรับให้เข้ากับสถานการณ์ที่เราถ่ายได้
เช่น เวลาที่เจอน้ำตก เจอน้ำพุ เราสามารถใช้ Long Exposure ในรูปแบบการถ่ายผู้คน และน้ำตก มาทำให้ การเคลื่อนไหวของน้ำมีความ Smooth สวยงาม สัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหว
หรือจะใช้แบบ Traffic Trail ในการลากเส้นไฟสวย ๆ ก็ได้เหมือนกัน ซึ่งความเจ๋งก็คือ เราสามารถจะถ่ายได้ด้วยมือเปล่า ไม่ต้องพึ่งขาตั้งกล้องเลยครับ
หรือ ใครชอบถ่ายพระจันทร์ realme 12 Pro+ 5G เป็นสมาร์ทโฟนในช่วงราคานี้ ที่ถ่ายพระจันทร์ได้ใกล้ที่สุดแล้วครับ
RAW FILE PERFORMANCE : ประสิทธิภาพของ RAW File
เรามาต่อกันที่ RAW File Performance กันบ้างนะครับ จุดนี้เป็นจุดที่แก้วทั้งรู้สึก Happy และรู้สึกเสียดายในเวลาเดียวกัน เพราะ realme 12 Pro+ เครื่องนี้ ใช้ RAW File ได้แค่กล้องหลักเท่านั้น คือ Sensor Sony IMX890 ตัว RAW file ที่เป็น Sensor RAW นั้น เราไว้ใจได้สบาย ๆ อยู่แล้ว
ในเรื่องของความยืดหยุ่น และการเก็บ Dynamic Range เก็บ Detail มาทำต่อได้สบาย แต่เราก็ได้เห็นว่า RAW File ใน OV64B ของกล้อง Telephoto จากรุ่นอื่น ๆ มันก็ใช้ได้เลยนะ ถ้าสภาพแสงดี ๆ ก็ได้ไฟล์ที่ใช้งานจริงได้อยู่ เลยรู้สึกเสียดายตรงนี้นิดหนึ่ง ที่ให้ RAW File มาแค่กล้องหลักตัวเดียว
การจัดการพวก Color Noise มาให้เราก่อน มีแค่ Luma Noise เท่านั้น ซึ่งจุดนี้ทำได้ดีมาก ๆ ทำให้เวลาเราถ่ายภาพมาแต่งต่อ ไม่กลัวที่จะขุดหนัก ๆ ใช้พวก AI Noise Reduction ใน Lightroom เกลี่ยแปบเดียว ใสกริ๊ง Textuer มาครบ
ส่วนจุดที่ Surprise คือ realme 12+ 5G ก็ถ่าย RAW เหมือนกับรุ่นพี่ได้ด้วย ซึ่งแก้วได้ลองเอามา Process ดูแล้ว บอกเลยว่า ไม่แย่เลยนะ Detail เก็บมาได้ครบ อาจจะมี Noise มากกว่านิดหน่อย แต่จัดการได้ยาก
ส่วนที่จะรู้สึกว่าต่างกันจริง ๆ ก็จะเป็น Dynamic Range และความยืดหยุ่นของตัวไฟล์ ที่เวลาเอามา Process ทีหลัง มันถึงจุด Limit ของไฟล์เร็วกว่ารุ่นพี่ของเขาพอสมควร แต่ในราคาต่ำกว่า 10k แค่นี้ก็โหดมากแล้วครับ
FRONT CAMERA : กล้องหน้าความละเอียด 16MP | 32MP
ทีนี้เรามาต่อกันที่กล้องหน้า ของ realme 12 Pro+ 5G กันบ้างนะครับ โดยจะมีความละเอียด 32MP ตัวนี้ เราสามารถปรับองศาในการถ่ายภาพได้ 2 ระดับ ก็คือ 0.8 และ 1x โดยที่ กล้องหน้าตัวนี้จะเป็นแบบ Fix Focus นะครับ
ซึ่ง คุณภาพไฟล์ ใน Detail ที่ได้เนี่ย ดีกว่ากล้องหน้าของ realme 11 Pro+ พอสมควรเลยนะ การเก็บขอบตอนทำละลายฉากหลังก็เนียนกว่า ถึงแม้ Skintone กับความ Beauty อาจจะลดทอนลงไปบ้าง
แต่ความสว่างใสของผิว โดยที่ไม่ได้เปิด Filter อะไรขึ้นมาช่วยเนี่ย ทำได้ดีมากทีเดียวครับ
พวก Cinematic Filter ก็มีให้เลือกมาใช้งานในกล้องหน้าด้วยนะครับ
ส่วนกล้องหน้าของ realme 12+ 5G นั้น สีสันจะค่อนข้างใกล้เคียงกับ realme 12 Pro+ 5G แหละ แต่พวกการเก็บรายละเอียด การเบลอฉากหลัง จะเหมือนกับ realme 11 Pro+ 5G รุ่นที่แล้วมากกว่าครับ
เติม Sharpness แอบจะเยอะกว่าด้วย ทำให้ Skin แบบที่ไม่เปิด Beauty Mode จะดูคมเกินไป
VIDEOGRAPHY : การถ่ายวีดีโอ
สำหรับ realme 12 Pro+ นั้น ความละเอียด Video สูงสุดที่ถ่ายได้ คือ 4K 30fps ในกล้องหลัก และ Telephoto 3x โดยที่กันสั่นแบบ OIS นั้นจะทำงานตลอดเวลา แต่ต้องบอกว่า กันสั่น OIS นั้น อาจจะไม่ได้นิ่งมาก เมื่อเพียบกับคู่แข่งในตลาดที่เป็นสาย Video โดยตรง ตัวกล้องหลักเนี่ย นิ่งใช้ได้ แต่ Telephoto 3x ไม่ค่อยแนะนำให้เดินถ่ายเลย ค่อนข้างสั่นมาก ถ้าอยากให้นิ่ง ๆ ควรจะถือถ่ายด้วย 2 มือ คุณภาพไฟล์ Video ถือว่าดีมาก Bitrate 4K 30fps อยู่ที่ 52mbps ซึ่งถือว่าชน ๆ กับ Flagship ในปีนี้หลายตัว
ส่วน realme 12+ 5G ตอนแก้วเปิด Mode Video ขึ้นมาครั้งแรก โหห ราคานี้ ให้ Video 4K 30fps มาจริงดิ Bitrate น้อง ๆ รุ่นพี่เลยนะครับ อยู่ที่ 48mbps ซึ่งในระดับราคานี้ ไม่น่าจะมีใครให้ได้แล้ว
ฟีเจอร์อื่น ๆ ในการถ่าย Video ก็มีมาให้เยอะพอสมควรครับ ไม่ว่าจะเป็น Video ละลายฉากหลัง Video ในสัดส่วนแบบ ภาพยนตร์ และเช่นเคยครับ Cinematic Filter 3 แบบ ก็ยังนำมาใช้กับ การถ่าย Video ได้เช่นกัน แล้วสวยมากด้วยนะ ไม่รู้จะเป็นไปได้ไหม แก้วค่อนข้างอยากให้ เวลาใส่ Filter แล้ว สามารถถ่ายที่ความละเอียด 4K ได้ จะดีมาก ๆ เพราะตอนนี้เวลาใช้ Filter ตัวไหนก็ตาม จะลดลงมาเหลือที่ 1080 30fps เท่านั้นครับ
และ น่าเสียดายที่สุดเหมือนเดิมครับ กล้องหน้า อุตส่าห์ได้มุมกว้างมาแล้วแท้ ๆ แต่ก็ยัง Full HD 30fps อย่างน้อยขอสัก 60fps ก็ยังดี ><
PERFORMANCE : ประสิทธิภาพตัวเครื่อง
สำหรับ Performance ตัวเครื่องในการใช้งานจริงของ realme 12 Pro+ เครื่องนี้นะครับ โดยที่เครื่องที่แก้วรีวิวอยู่จะเป็น รุ่น RAM 12GB + 512GB นะ ตัว Snapdragon 7s gen 2 เนี่ย แรงน้อยกว่า Snapdragon 7 gen 3 แน่นอน จะใกล้ ๆ กับ Dimensity 8200 เวลาเราใช้งานทั่วไป
เปิด App ในการทำงาน Social Media จะไม่ค่อยรู้สึกหรอก แต่ถ้าเราเริ่มถ่ายภาพ ในบางจังหวะที่ใช้กล้อง Telephoto ซูมในระยะ ที่เกินกว่าปกติ จะมี Shutter Lag เล็กน้อย และการ Preview ภาพไม่ได้เร็วมากนัก
Performance ของ realme 12+ 5G ก็ต้องบอกเลยว่า ไม่ธรรมดาเหมือนกัน เพราะ Chipset Dimensity 7050 5G ก็คือตัวเดียวกับที่อยู่ในรุ่นท็อปสุด ของ realme No. Series ปีที่แล้ว อย่าง realme 11 Pro+ 5G การใช้งานทั่วไปเหลือ ๆ จังหวะการประมวลผลภาพถ่าย ก็ถือว่า ทำได้รวดเร็วสำหรับการถ่ายภาพปกติ อาจจะมี Process นานบ้าง เวลาที่เราใช้งาน RAW File หรือ Portrait Mode แต่ก็ไม่ได้ช้าจนถึงขนาดว่า
ส่วนการเล่นเกมเนี่ย เกมที่แก้วเล่นอยู่ตอนนี้มีแค่ Night Crow กับ Remember of majesty สามารถปรับกราฟิกได้ในระดับสูงสุดหมดเลย Frame Rate เฉลี่ยจะประมาณ 50 ต้น ๆ ถ้าจะเอา 60 นิ่ง ๆ ต้องลดลงมาสัก Medium หรือ High จะเล่นได้ลื่น ๆ กว่านะครับ เพราะเกมพวกนี้ Unreal Engine 5 เลยนะ Engine เกมค่อนข้างใหม่ และใช้ทรัพยากรสูง ยิ่งถ้าเป็น realme 12+ 5G นั้น แก้วแนะนำให้ปรับไว้ที่ Low ถึง Medium เลย ถ้าอยากเล่นได้เฟรมนิ่ง ๆ
การจัดการความร้อนอยู่ในระดับกลาง ๆ ถ้าใช้งานกล้อง แค่เรื่องถ่ายภาพ ไม่ได้รู้สึกร้อนมากนัก ถ่ายต่อเนื่องได้ ความเร็วในการ Process ไม่ลด Software ไม่ตัด ถ้าเล่นเกม จะร้อนกว่าตอนใช้กล้องนิดหน่อย แต่ไม่เกิน 36 - 37 C แน่นอน ในเกมที่แก้วเล่นนะ ส่วนแบตเตอรี่ Life กับ SOT ถ้าเป็นวันที่ ใช้งานกล้องเยอะ ๆ เล่นเกมเยอะ ๆ SOT โดยเฉลี่ยจะประมาณ 6.30 ครึ่ง ถ้าเป็นวันที่ใช้งานเบา ๆ สามารถไปถึง 7 ชั่วโมงได้สบาย ๆ เลยครับ
OVERVIEW & OPINION
หลังจากที่แก้วได้อยู่กับ realme 12 Pro+ 5G และ realme 12+ 5G มาเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม ๆ ปีนี้ยังคงเป็นปีที่ realme พยายามส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่า มาตรฐานของช่วงระดับราคา ให้กับลูกค้าของเขาอีกครั้ง ทั้ง ตัวเครื่องที่สวยงาม ได้รับการออกแบบจาก นักออบแบบนาฬิกา Swiss ชื่อดัง อย่างคุณ Oliver Saveo
ประสิทธิภาพตัวเครื่องที่ ถึงแม้อาจจะไม่ได้สูงที่สุดในตลาด แต่ Chipset ที่เลือกมานั้น ผ่านการ Optimize มาค่อนข้าง Stable และมี Performance เพียงพอจะใช้งานได้แบบครอบคลุมทุกด้านอย่างลื่นไหล ทั้ง Snapdragon 7s Gen 2 ใน realme 12 Pro+ 5G และ Dimensity 7050 5G ใน realme 12+ 5G
แต่สำหรับในเรื่องของกล้องถ่ายภาพ ไม่มีความประนีประนอมใดใด Sensor กล้องหลัก อย่าง IMX890 และ LYT-600 ตัวใหม่ล่าสุด ถูกนำมาใส่ใน Smartphone ระดับราคาไม่เกิน หมื่นกลาง ก็เป็นสิ่งที่หาได้ยากแล้ว ยังเสริมทัพด้วย Periscope Telephoto 64MP ตัวแรกของ สมาร์ทโฟน ไปอีก รองรับการซูมไกลสุด 120x และการถ่ายภาพ Macro
ไหน ๆ ก็ถูกเรียกว่า เป็นเจ้าแห่งการ Collab realme ก็เลยไปให้สุด ด้วยการไปเชิญคุณ Claudio Miranda เจ้าของรางวัลออสก้าสาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยม มาช่วยปรับจูนโทนสีภาพ และออกแบบ Filter สีจากภาพยนตร์ที่เขากำกับภาพให้ ทั้ง 3 เรื่อง Life Of Pi , Topgun : Maverick , The Curious Case of Benjamin Button
ถึงแม้ว่า realme จะไม่ได้โฟกัสเรื่องงาน Video มากนัก ในสมัยก่อน แต่ในรุ่นนี้ ได้ให้ Resolution 4K 30fps มาในทั้ง 2 รุ่นเลย พร้อมกับ Filter สีของคุณ Claudio Miranda ก็ตามมาในการถ่าย Video ด้วย มีกันสั่น OIS มาให้แบบครบ ๆ ทำให้ปีนี้ realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G นั้น เป็นอีกหนึ่งรุ่นของสมาร์ทโฟนระดับกลาง ที่ประสบความสำเร็จไม่น้อย ยอดจองวันแรกสูงกว่าปีที่แล้ว เกือบ 700%
ราคาวางจำหน่าย realme 12+ 5G | realme 12 Pro+ 5G
realme 12 Pro+ 5G 8GB + 256GB : 13,999 บาท
realme 12 Pro+ 5G 12GB + 512GB : 16,999 บาท
realme 12+ 5G 8GB + 256GB : 9,999 บาท
[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ] Fanpage : https://www.facebook.com/mobile.fotographer IG : kaew.ravie #Mobilephotographer #โมบายโฟโตกราฟเฟอร์
Comments