top of page
  • รูปภาพนักเขียนแอดมินแก้ว

realme 9 Pro | realme 9 Pro + ปีศาจ Mid-Range กล้องโหดจน Flagship บางตัวมีเขิน

สวัสดีครับทุกคนกลับมาเจอกันครั้งหนึ่ง วันนี้แก้วอยู่กับ Smartphone จากฝั่ง realme ซึ่งในปี 2564 สร้างความน่าประหลาดใจ และฮือฮาในเรื่องของกล้องถ่ายภาพไว้ได้อย่างน่าสนใจมากๆ วันนี้ เขาก็ได้เปิดตัว Mid-Range ใน Series realme 9 Pro | realme 9 Pro + กันออกมาแล้ว . . . และที่สำคัญ กล้องที่ว่าโหดแล้วในปีก่อน มาครั้งนี้ เดือดกว่าเดิม

ในรีวิวนี้แก้วจะขอพูดถึง สองรุ่นนี้ไปพร้อมๆ กันเลยนะครับ ทั้ง realme 9 Pro และ realme 9 Pro + ซึ่งมี Spec ที่ค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน แต่ว่าจุดต่าง หลักๆ คือ ตัว Sensor กล้องถ่ายภาพจะแตกต่างกัน

SPECIFICATION

[ Processor ]

- realme 9 Pro : Snapdragon 695 5G

- realme 9 Pro + : MTK Dimensity 920 5G

[ Display ]

- realme 9 Pro : LCD IPS 6.6 inches | 2412x1080 | Refresh rate 120Hz

- realme 9 Pro + : AMOLED 6.4 inches | 2400x1080 | Refresh rate 90Hz | Gorilla Glass 5

[ Processor ]

- realme 9 Pro : Snapdragon 695 5G | Adreno 619

- realme 9 Pro + : MTK Dimensity 920 5G |Mali-G68 MC4

[ System & Software ]

- realme UI 3.0 | Android 12 เหมือนกันทั้ง 2 ตัว

[ Battery & Charging ]

- realme 9 Pro : 5000 mAh | Fast Charging 33W

- realme 9 Pro + : 4500 mAh | Dart 60W

[ Connectivity & Speakers ]

- realme 9 Pro : Mono Speaker | AUX | USB-C | Dual-Sim Slot

- realme 9 Pro + : Dual Speaker | AUX | USB-C | Dual-Sim Slot

อุปกรณ์ภายในกล่อง ก็ให้มาค่อนข้างจะครบครับ ดังนี้ครับ
  • ตัวเครื่อง realme 9 Pro | 9 Pro +

  • Case กันกระแทกแบบนิ่ม

  • USB-C Calbe

  • Adapter Charge 33W | 60W

  • Sim card ejector | Manual Document

ไม่มีหูฟังแบบสายแถมมาให้ในทั้งสองรุ่นย่อยนะครับ

DESIGN งานออกแบบ

Design ของ realme 9 Pro และ realme 9 Pro + มี ลักษณะที่ค่อนข้างจะคล้ายกัน โดยเฉพาะบริเวณฝาหลัง จะมีลูกเล่นของ การเล่นแสง Sun Ray เป็นแนวตั้ง โดยที่ทาง realme เรียกเทคนิคการทำสีนี้ว่า Photochromic Layer ที่มีการซ้อน ชั้นสีด้วยกันถึง 3 ชั้น\

เครื่องที่แก้วได้มา ตัว realme 9 Pro จะเป็นสี Aurora Green ที่จะมีคู่สี เขียวน้ำทะเลแบบเข้มๆ และสีดำ ผสมกับ Glitter เม็ด เล็กๆ ระยิบ ระยับเวลาสะท้อนเล่นแสงนี่ สวยใช้ได้ทีเดียว สีนี้ดูเหมาะกับผู้ชาย

ส่วน realme 9 Pro + จะเป็นสี Sunrise Blue ที่จะให้ความสดใสมากๆ เหมาะกับสาวๆ สุด ตัว Glitter ที่อยู่บนฝาหลังสีอ่อน จะให้การสะท้อนที่ดูชัดเจนกว่า สี Aurora Green พอสมควรเลยครับ และ สีน้ำเงิน เมื่อโดนแดดแค่ชั่วครู่ จะกลายเป็นสีแดงสดใสๆ ได้ด้วยนะ Color Shift Features นี้เท่มาก และสีจะค่อยๆ จางลงใน 2-5 นาที

ความบางของตัวเครื่อง จริงๆ ต้องบอกว่า กับ Smartphone ที่มี Battery 5,000 mAh รุ่น realme 9 Pro มีความบาง 8.5mm และ น้ำหนัก 195g ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดีเลย การจับถือ กระชับมือดีใช้ได้ ในส่วนของรุ่น realme 9 Pro + จะมีความบางกว่าอยู่ที่ 7.99mm บางเฉียบเลย นี่ขนาดว่าใส่ Battery มา 4,500 mAh ยังทำความบางได้ดีขนาดนี้

งานประกอบในภาพรวม แข็งแรงดีทั้งสองรุ่น มี Port การเชื่อมต่อมาให้ครบทีเดียว ทั้ง USB-C และ AUX กรอบตัวเครื่องจะเป็นพลาสติก ในทั้งสองรุ่นเลย แต่ของ realme 9 Pro + จะให้ความรู้สึกที่ดูแพงกว่าครับ

DISPLAY : หน้าจอแสดงผล

ตัวขนาดหน้าจอ และประเภทหน้าจอของ realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ นั้นมีขนาดที่ค่อนข้างจะต่างกันอยู่พอสมควร ทั้งในแง่ของความสว่าง และสีสันในการแสดงผล แต่จุดที่น่าพอใจก็คือ ได้หน้าจอที่เป็น Refresh Rate สูงๆ กันหมด ตัว realme 9 Pro ได้ IPS 120Hz และ realme 9 Pro + ได้ AMOLED 90Hz

ในแง่ของการใช้งานทั่วไป การ Touch Response กับนิ้วเรานั้น ทำได้ดีทั้งคู่เลย ลื่นติดนิ้วดีมากๆ แต่ด้วยความที่เป็นหน้าจอคนละรูปแบบกัน แน่นอนว่า realme 9 Pro+ จะให้การแสดงผลที่มีภาพสว่างกว่า ในระดับแสงที่เท่ากัน คุณภาพของสีสันหน้าจอ ก็ดีกว่าเช่นเดียวกัน แต่ไม่ใช่ว่า realme 9 Pro มันแย่นะ ใช้งานได้เหมือนกัน และ มี Refresh Rate ที่เนียนตากว่าด้วย

ตัว Resolution ของหน้าจอ จะเป็น Full HD+ เหมือนกัน เวลาเอาไปใช้งานดู Content พวก Youtube , Netflix หรืออะไรพวกนี้ Resolution ของตัว Content กับหน้าจอ ก็ Match กันได้ดี แต่ก็มีจุดที่แอบขัดใจเล็กๆ คือ ขอบจอด้านล่างของทั้งสองตัว มันจะดูหนาขึ้นทันที เมื่อเราดู Content แบบ Full Screen

การเอาไปใช้ถ่ายภาพ ต้องสู้แสงแดดแรงๆ ภายนอกนั้น ก็ต้องบอกตามตรงว่า ฝั่ง realme 9 Pro + ที่เป็นจอแบบ AMOLED ทำได้ดีกว่าพอสมควร ในการสู้แสง สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้เคลียมากกว่า LCD IPS ของ realme 9 Pro ครับ

CAMERA : กล้องถ่ายภาพ

สำหรับกล้องถ่ายภาพของทั้งตัวนั้น จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ตัว ดังนี้ครับ


[ realme 9 Pro + ]

  • Main Camera : IMX766 OIS f/1.8 50MP | Crop 2x ได้สบาย

  • Ultra wide : 8MP f/2.2 กว้าง 119 ํ

  • Macro : 2MP F2.4

[ realme 9 Pro ]

  • Main Camera : Omnivision f/1.79 64MP | Crop 2x พอใช้ได้

  • Ultra wide : 8MP f/2.2 กว้าง 119 ํ

  • Macro : 2MP F2.4

จากที่เราเห็น Spec กล้องไปนั้น ถึงแม้กล้องหลักใน realme 9 Pro จะมี Pixel ที่เยอะกว่าอยู่ที่ 64MP แต่ตัว realme 9 Pro + จะมีแค่ 50MP แต่คุณภาพของไฟล์ และ Dynamic Range ค่อนข้างต่างกันพอสมควรเลย ไปชมภาพถ่ายจากกล้องแต่ละตัวกันครับ

MAIN CAMERA : กล้องหลัก 50MP | 64MP

เรามาเริ่มดูจากกล้องหลักของ realme 9 Pro+ กันก่อนเลย ต้องบอกว่า พอได้ Sensor อย่าง IMX766 มาใส่ในรุ่นนี้ เป็นการยกระดับ Quality ของภาพใน Mid Range สมาร์ทโฟนจริงๆ ความใสของภาพ โทนสีที่ดูเป็นธรรมชาติ Dynamic Range ที่ไม่บูสขึ้นมาจนภาพดูแบน ทำได้ดีจริงๆ

ภาพนี้แก้วยืนอยู่ในระยะห่างเท่าเดิม ความสามารถในการใช้ Digital Zoom แบบ Crop 2x เนี่ย เหลือๆ เลยนะ Detail รายละเอียดยังอยู่ครบถ้วนเลย เทคโนโลยี 4 Pixel in 1 binning ช่วยให้การ Zoom ในระยะกลางด้วยกล้องหลัก ทำออกมาได้น่าพอใจ

มาดูกล้องหลักในฝั่งของ realme 9 Pro ที่มีความละเอียด 64MP กันบ้างครับ จุดหนึ่งที่ลองถ่ายแว่บแรก แล้วสังเกตได้เลยก็คือ Saturation หรือความสดของสี ในตัว realme 9 Pro จะมีความสดกว่าพอสมควร ตัว Dynamic Range จะแคบกว่าก็จริง แต่ HDR ยังดีพอที่จะเปิดส่วนเงาขึ้นมาได้ แต่กด Highlight ในภาพไม่ลง

กล้องหลักเอาไปใช้ Crop 2x ก็ถือว่า ทั้งความคม และ Detail ที่เก็บมาได้นั้น ใกล้เคียงตัว Pro + ที่ใช้ IMX766 นะ แต่ก็มีจุดที่ด้อยกว่าเหมือนกัน White Balance ที่ไม่ค่อยนิ่ง เวลาที่เราใช้การ Zoom 2x เข้าไป ยังมีเจออยู่ได้บ้างนิดๆ หน่อยๆ อาจจะ Noise นิดหน่อย ในย่าน Shadow อยู่บ้างครับ

ULTRA WIDE ANGLE CAMERA : กล้องมุมกว้างพิเศษ 8MP

ตัวกล้องมุมกว้างของทั้งรุ่นนั้น จะมีความกว้างอยู่ที่ 119 ํ องศา ความละเอียด 8MP แบบ Fix Focus ซึ่งใช้ Sensor คนละตัวกัน ตัว Pro + จะใช้ Sony IMX ส่วน ตัว Pro จะใช้ Omnivision ไปชมภาพกันครับ


ภาพนี้ถ่ายด้วย Ultra wide angle จาก realme 9 Pro+ สิ่งที่เราเคยเจอ และ รู้สึกว่าเป็นปัญหาในกล้อง Ultra Wide Angle ในช่วงระดับกลาง ไม่มีเลยในรุ่นนี้ ถึงแม้จะมี Pixel แค่ 8MP แต่ความคม สีสัน รายละเอียดที่เก็บมาได้ และการทำ HDR ที่พอเหมาะ พอดี ไม่เยอะจนเกินไป

ภาพจาก realme 9 Pro จากมุมเดียวกันชุดที่เห็นได้ชัดมากๆ ก็คือ ความสดของสีสัน มันต่างกันมากพอสมควร HDR ไม่สามารถจะกด Highlight บริเวณสีขาวในภาพได้หมด Shadow เปิดได้แค่เล็กน้อย พูดง่ายๆ ก็คือ Dynamic Range น้อยกว่า กล้องมุมกว้างของตัว Pro + แต่ความคมและรายละเอียดภาพ ค่อนข้างใกล้กัน

ความสามารถในการถ่ายภาพย้อนแสงของกล้องมุมกว้างใน realme 9 Pro+ ก็ค่อนข้างน่าประทับใจ กดแสง Highlight จากดวงอาทิตย์ลงได้ จนเห็นเป็น Shape กลมๆ และยังสามารถเปิดเงามืดขึ้นมาได้ เห็นรายละเอียดพอสมควร แต่ก็มี Noise ให้เห็นเหมือนกันนะครับ ในฝั่งของ realme 9 Pro จริงๆ ก็ถือว่าใช้ได้เลยนะ เปิดเงาได้ดี ภาพคม รายละเอียดได้ แต่การกด Highlight ลงนั้น ยังทำได้ไม่ดีเท่า realme 9 Pro+ ครับ

ความกว้าง 119 ํ เพียงพอที่จะเก็บอาคารทั้งหลังเข้ามาได้เลย แล้วในแง่ของ Distortion กับ Chromatic Aberration ก็จัดการมาได้ดี ขอบม่วง ขอบเขียว จากการ Coating หน้าเลนส์มาไม่ดี ไม่พบเลยในทั้งสองตัวนี้

PORTRAIT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพบุคคล

การถ่ายภาพบุคคลของทั้งสองรุ่นนี้เป็นอีกหนึ่งจุด ที่มีความเหมือนในด้าน Software การถ่ายภาพที่จัดเต็มพอๆ กัน และยังมีความต่าง ในแง่ของโทนสี ความคม Skintone ที่เอาจริงๆ รู้สึกว่ามันดีทั้งคู่นะ อยู่ที่ Taste แต่ละคนว่าชอบแนวไหน ไปลองดูภาพกันครับ


เริ่มกันที่ภาพแรกจาก realme 9 Pro+ ด้วย Sensor ของ Sony IMX จะให้ ค่าสีที่มีความสมจริง Skintone ที่แทบจะตรงกับสิ่งที่ตาเห็น และ Shadow ที่ไล่ระดับอย่างนุ่มนวล การตัดขอบของ Software ในการเบลอฉากหลังนั้นก็ทำได้ดีมากๆ

ภาพนี้เป็นภาพจาก realme 9 Pro ที่แก้วกดถ่ายภาพกับตัว Pro + เราจะเห็นได้เลยว่า โทนสีของค่อนจะสดกว่ามากๆ Skintone ยังใสอยู่ แต่ส่วนของสีขาวในภาพจะติดอมฟ้าหน่อยๆ มาจากตัว Auto WB Contrast ในส่วนเงา ตัว realme 9 Pro นี้จะเข้มกว่า ใครชอบสีสดๆ Shape รูปหน้าคมๆ ตัวนี้ทำให้ได้

Move ออกมาถ่ายภาพ outdoor กันบ้างครับ สำหรับ realme 9 Pro+ ถ้าเราจัดวางแสงให้ดีๆ ให้ตัวแบบหลุดออกจากฉากหลังได้ Sensor Sony IMX766 นี่ไฟล์ใสมากๆ Skintone นุ่มนวล ฉากหลังเบลอสวย มีการไล่ระดับการเบลอ ที่เราสามารถจะปรับ f/stop เองได้ การตัดขอบใช้ได้เลย

ความสดของสีในกล้องของ realme 9 Pro นี่เพราะกับการถ่าย Portrait จริงๆ สีสันคือ สดใสมากโดยที่ไม่ต้องใช้ Filter ใดใด มาช่วยเลย การตัดขอบ และ การไล่ระดับการเบลอฉากหลังเนี่ย ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันเลย

การถ่ายภาพ Portrait แบบย้อนแสง อันนี้เป็นจุดที่ Surprise มาก เพราะ HDR ทำงานใน Mode นี้ได้เป็นอย่างดี เติมแสงที่ตัวแบบ กดแสงในฉากหลังลงได้ดีพอสมควร ยังมี Rim Light ให้เราเห็นได้ที่เส้นผมอยู่ ภาพไม่ได้ดูแบนจนเกินไป การตัดขอบพอเป็นย้อนแสงก็มีหลุดบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่โดยรวมทำได้ดีเกินคาดครับ

สำหรับ realme 9 Pro นั้นการถ่ายภาพ Portrait ย้อนแสง ตัวกล้องไม่สามารถที่จะกดแสง Highlight ลงจนเห็น Detail ได้ แต่ HDR ยังช่วยให้ตัวแบบหน้าไม่มืดได้ค่อนข้างโอเคในระดับหนึ่งครับ

ลูกเล่นอื่นๆ สำหรับภาพ Portrait ทั้ง 2 รุ่น ก็มีมาให้ค่อนข้างครบเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น AI Color Portrait (ดูดสี) Bokeh Flare Portrait , Dynamic Bokeh ก็มีมาให้เลือกใช้งานในการถ่ายภาพบุคคลได้สนุกไม่จำเจดีครับ

แต่ก็มีจุดที่ต้องบอกไว้ตรงนี้นะครับ เวลาที่เราใช้ Mode ที่เน้น Software ในการประมวลภาพเยอะ Response ของกล้อง และความรวดเร็วในการประมวลผล realme 9 Pro+ จะทำได้ดีกว่ามากพอสมควรเลยครับ
STREET PHOTOGRAPHY MODE 2.0

เอกลักษณ์ของ Smartphone จาก realme ในยุคใหม่ก็คือ Street Mode หรือ Mode การถ่ายภาพแบบ Street Photography นั่นเอง จะมีการแสดงระยะเลนส์ ตั้งแต่ 16mm | 24mm | 50mm ตามลำดับ นอกจากนั้น ยังมี Filter สีต่างๆ ที่เหมาะกับการถ่ายภาพ แนว Urban Photography | Street Photography มาให้เพียบเลย

มองหาแสงเงา และจังหวะดีๆ แล้วใช้ Filter ที่แก้วชอบที่สุดจาก realme ที่มีชื่อเหมือน ชื่อ Mode เลยก็คือ Filter Street นั้นเอง ย่านสว่างสีจะเป็นโทนอุ่น เงาจะ Soft ลง และ ส่วนมืดจะติดเขียวนิดๆ

ใช้ระยะ Zoom 2x ในการถ่ายภาพ Street จะช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับคนที่รักในการถ่ายภาพ

หรือ จะเป็น Filter สีแบบ Dazzle เอามาบวกกับกล้อง Ultra wide angle ให้ Mood ภาพที่ลงตัวมาก

โทนสีขาวดำที่ให้มาก็สวยมากๆ ไล่ระดับ Contrast ได้กำลังดี ไม่ดูทึบจนเกินไป

แต่ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ Street Mode 2.0 ตัวใหม่นี้ ทาง realme ได้ใส่ Features การถ่ายภาพเจ๋งๆ มาให้อีกเพียบเลย ไม่ว่าจะเป็น Neon trail | Light tail Portrait | Rush Hour | Light Painting ซึ่งทั้งหมดเป็นแนว Long Exposure หมดเลย มาลองดูกันครับ

Light Trail Portrait : ถ่ายภาพบุคคล กับ Motion Blur

ปกติแล้วเนี่ยถ่ายภาพ Portrait ที่ฉากหลัง หรือบริเวณอื่นๆ ในภาพนอกจากตัวแบบในภาพ ให้เคลื่อนไหวเกินเป็น Speedline หรือเส้น Motion แบบนี้ ถ่ายกันไม่ง่ายเลยนะ ต้องใช้อุปกรณ์เยอะพอสมควร ทั้ง Filter ตัดแสง แฟลชสำหรับหยุดตัวแบบ และขาตั้งกล้อง แต่ realme ทำให้มันถ่ายได้ง่าย แค่เลือก Light Trail Portrait แล้วปรับเวลาสัก 1 วินาทีในการลากชัตเตอร์ก็จบเลย

ช่วงที่แสงสว่างน้อยมากๆ Mode Light Trail Portrait ในรุ่น realme 9 Pro จะเริ่มมี Noise ในภาพให้เราเห็นแล้ว วิธีช่วยก็คือ เปิด Fill Light จากแฟลชหลังกล้องทิ้งไว้ ก็จะช่วยได้ในระดับหนึ่งครับ

แต่เมื่อมาเทียบกับ realme 9 Pro+ แล้ว เส้นแสง Motion และความใสของไฟล์ ทำดีกว่ามากๆ โดยไม่ต้องเปิด Fill Light ช่วยก็ยังได้ เป็นเพราะพลังของ IMX766 จริงๆ

สามารถเอา Mode : Neon Trail หรือ Light Painting มาใช้ในการถ่ายภาพน้ำพุให้มีความพริ้วไหวได้

และ Rush Hour Mode : สำหรับใช้ในการถ่ายภาพ Moving Crowded ให้มี Motion ช่วยถ่ายทอดภาพให้มีชีวิตชีวามากขึ้น เหมาะกับเอาไปถ่ายในที่ที่คนเยอะๆ หรือมีการเคลื่อนไหวเยอะๆ มากครับ

การถ่ายภาพเส้นแสงไฟกลางคืนแบบ Neon Trail ที่ต้องใช้ขาตั้งก็ไม่ต้องแล้ว ที่เคยมีแต่ใน Flagship Smartphone ก็มาอยู่ใน Mid-Range เรียบร้อยแล้ว คุณภาพก็สู้กับกลุ่ม Flagship ได้สบาย ไม่ได้มาเล่นๆ จริงๆ

Night Mode สามารถใช้ในกล้อง Ultra Wide Angle ได้พร้อมกับ Night Filter ที่มีให้เลือกใช้เพียบ

คุณภาพ File ของการถ่ายภาพในเวลากลางคืนนี้แบบ ไว้ใจได้ทั้ง 2 ตัวเลย realme 9 Pro | Pro+

FRONT CAMERA : กล้องหน้า 16MP

ในส่วนของกล้องหน้านั้น ถ้าเราอ่านแต่ตัว Spec เราจะรู้สึกว่า โหยย ทำไมมันถึง Pixel น้อยขนาดนี้อะ 16MP เองหรอ แต่เรื่องของความคม และ Software ในการทำ Beauty และ การตัดขอบ Blur ฉากหลังเนี่ย หายห่วงเลย

เรื่องความสีสดของกล้องในตัว realme 9 Pro ไม่ได้เฉพาะกล้องหลังนะ กล้องหน้าก็สดไม่แพ้กันครับ

สำหรับผู้ชายเวลา Selfie ลดระดับความ Beauty ลงมาสักประมาณ 20% กำลังดี จะได้ไม่ดูหลอกจนเกินไป การตัดขอบก็ยังแม่นเหมือนเดิม พวก Filter สีต่างๆ ก็มีให้ใช้เพียบเลย

MACRO PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพ Macro ตามสไตล์มือถือ Mid-Range ครับ กล้อง Macro ความละเอียดไม่เยอะ แค่ 2MP ระยะโฟกัส 4cm เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปเท่านั้นไม่ได้เหมาะต่อการจะเอาไว้ใช้ถ่ายจริงๆ จังๆ ส่องนาฬิกา ส่องพระสักเท่าไหร่ ?

ถ้าจะใช้งาน Macro จริงๆ ผมแนะนำให้ใช้ กล้องหลัก Crop 2x แล้วโฟกัสใกล้ๆ แทนจะให้ Quality ที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะครับ

เอากล้องหลัก Zoom 2x มาถ่ายอาหารเนี่ย บอกเลยว่า ฟินสุด คมมาก Depth สวย สีดี

VIDEOGRAPHY : การถ่ายวีดีโอ

การถ่าย Video ใน realme 9 Pro | realme 9 Pro+ นั้น ตั้งคู่สามารถจะถ่าย Video ได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K 30fps ทั้งคู่ แต่ระบบกันสั่นนั้นจะทำงานที่ 1080p สำหรับ realme 9 Pro และ 4K สำหรับ realme 9 Pro+ ซึ่งทำให้ มีความต่างค่อนข้างมาก ในแง่ของ Performance เวลาคือ Vlog Focus การ Focus Tracking ถือว่าใช้ได้เลย Face Detection ที่จับได้แม่นยำ และมี Mode Bokeh Flare Portrait Video มาให้เล่นด้วย Software ก็ Blur ได้แม่นดีในสภาพแสงที่พอเหมาะครับ

PERFORMANCE | ประสิทธิภาพ

สำหรับ realme 9 Series จะใช้ CPU ที่แตกต่างกัน ทำให้ Performance บางส่วนอาจจะต่างกันบ้าง โดยที่ realme 9 Pro นั้นจะใช้ Snapdragon 695 5G และตัว realme 9 Pro+ จะใช้ Mediatek Dimensity 920 5G จะมีการเพิ่ม Virtual RAM ได้สูงสุด 3GB ทั้งคู่

โดยทั้งสองตัวนั้น Run บน Android 12 โดยที่จะครอบทับด้วย realme UI 3.0 ซึ่งใช้งานได้ค่อนข้างง่ายมากๆ Icon ต่างๆ สามารถจะเข้าใจได้ง่ายมากเลย พวก Dark Mode หรือ การ เปิด - ปิด Features ต่างๆ ก็ทำได้สะดวกครับ

นอกจากนั้นในรุ่น realme 9 Pro+ ยังมี O1 Ultra Vision Engine ที่ช่วยทำให้การแสดงผลภาพเวลาเราดู Content ต่างๆ นั้น มีสีสัน และมีรายละเอียดของย่านความสว่างต่างๆ ที่ดี และเหมาะสมกับ Content แบบอัจฉริยะ

การใช้งาน Entertainment ในภาพรวมเนี่ย ทั้งสองตัวต้องบอกว่าสบายๆ เลย แต่ Experience ทั้งภาพและเสียงเนี่ย ตัว realme 9 Pro+ จะดีกว่าพอสมควร เพราะ realme 9 Pro จะได้ลำโพงเดี่ยว หน้าจอแบบ LCD IPS ที่ Contrast ไม่ได้สดมาก

การเล่นเกมแก้ว Test มาให้คร่าวๆ จากเกมที่เล่นอยู่ อย่าง Project A3 still alive ก็สามารถปรับกราฟิกได้สุด ที่ Frame Rate 60 แบบนิ่งๆ ทั้งสองตัวเลย แต่เมื่อเล่นไปนานๆ realme 9 Pro ก็เริ่มมีอาการหน่วงๆ Frame Rate ตกเกิดขึ้นได้บ้าง การกินพลังงานก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ปกติ ไม่ได้ลดเร็วจนน่าตกใจ

OVERVIEW & OPINION

realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ ถูกชูจุดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพขึ้นมาเป็นอันดับแรกเลย โดยเฉพาะตัว realme 9 Pro+ ที่ได้หยิบ Sensor ระดับ Flagship มาใส่ อย่าง Sony IMX766 และผลลัพท์มันน่าพอใจมากๆ มันเหมือนเป็นการที่ ทำให้ผู้ใช้งานที่ใช้ Mid-Range Smartphone ได้สัมผัสฟีเจอร์การถ่ายภาพระดับ Flagship จากทางฝั่ง realme

ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ Portrait ที่ Skintone สวยมาก สไตล์ภาพที่เป็นสีสดๆ ในแนว realme 9 Pro พร้อม Street Mode 2.0 ที่มีมาให้ทั้งรุ่น ที่มีการอัพเกรด เพิ่มโหมด Long Exposure Mode มาให้ Mid-Range ได้สัมผัสกัน แถม Quality ในการถ่ายไฟล์ดีมากเลยนะ การใช้งานก็ง่ายไม่ได้รู้สึกว่าเข้าใจยากเลย

สำหรับการใช้งานทั่วไปนั้น Performance โดยรวมทำได้ดีทั้งคู่ การ Touch ที่ติดนิ้วลื่นไหล การใช้งาน 5G ต่อเนื่องนานๆ ได้โดยที่แบตเตอรี่ยังอยู่ได้ทนทั้งวัน เพราะให้มาเยอะมาก 4,500 mAh และ 5,000 mAh ใครที่เน้นใช้งานทั่วไป ถ่ายภาพนิดหน่อย realme 9 Pro ก็ดูจะเพียงพอแล้ว แต่ถ้าเน้นถ่ายภาพ และ อยากสัมผัสพลังของ IMX766 ที่ realme จูนมาดูจริงๆ แนะนำเลยครับ realme 9 Pro+ เจ็บแต่จบ


ราคาวางจำหน่าย realme 9 Pro Series

  • 9 Pro+ วางจำหน่าย 1 ความจุ 8+256 : 12,999 บาท

  • 9 Pro วางจำหน่าย 2 ความจุ 6+128 และ 8+128 : 8,999 บาท และ 9,999 บาท

 
2 ความคิดเห็น
bottom of page