รีวิว Redmi Note 11 Pro 5G | Redmi Note 11 Pro Spec โหด น้องๆ Flagship และกล้อง 108MP ที่ไว้ใจได้

แอดมินแก้ว
20 มี.ค. 2565
ยาว 4 นาที

สวัสดีทุกคนครับ วันนี้แก้วมาอยู่กับ Smartphone สุดฮอตจากทาง Redmi ประจำปีนี้ นั่นก็คือ Redmi Note 11 Pro 5G และ Redmi Note 11 Pro นั่นเอง ชื่อเหมือนกันขนาดนี้ จะมีอะไรที่ต่างกันบ้าง ? แล้วจากความสำเร็จในปีที่แล้ว ปีนี้จะยังปังเหมือนเดิมไหม ? ไปดูรีวิวกันครับ

SPECIFICATION

REDMI NOTE 11 PRO 5G

Display : 6.67 AMOLED DotDisplay | FHD+ | Refresh Rate 120Hz | Touch Sampling 320Hz ความสว่างสูงสุด 1200 nits
Chipset Snapdragon 695 | RAM8GB + ROM 128GB
Operation System MIUI 13 | Andoind 11
Stereo Speaker | AUX Port | รองรับ 5G
Bluetooth 5.1, NFC, IR Blaster | IP53
Battery 5,000mAh | 67W (turbo charging)

REDMI NOTE 11 PRO

Display : 6.67 AMOLED DotDisplay | FHD+ | Refresh Rate 120Hz | Touch Sampling 320Hz ความสว่างสูงสุด 1200 nits
Chipset MediaTek Helio G96 | RAM8GB + ROM 128GB
Operation System MIUI 13 | Andoind 11
Stereo Speaker | AUX Port | รองรับ 4G
Bluetooth 5.1, NFC, IR Blaster | IP53
Battery 5,000mAh | 67W (turbo charging)

DESIGN : การออกแบบ

สำหรับงาน Design ของ Redmi Note 11 Pro Series นั้นต้องบอกว่า เหมือนทุกระเบียดนิ้วเลย จะต่างกันนิดเดียวจริงๆ ก็ตรงรายละเอียดของกล้อง งานออกแบบที่ดูทันสมัย เรียบง่าย แต่ยังแฝงลูกเล่นไว้ในส่วนต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ ทำให้ดูแล้วไม่น่าเบื่อ

อัพเกรดวัสดุฝาหลังมาใหม่ ตอนนี้ Redmi Note 11 Pro ใช้ฝาหลังเป็นแบบ กระจกที่ทำผิวมาเป็นแบบด้านแล้ว ช่วยป้องกันการเปิดรอยนิ้วมือได้ดีมากๆ และให้สัมผัสเวลาจับถือที่ดู Premium มากขึ้นด้วยนะครับ

ขอบตัวเครื่องมีลักษณะที่เกือบๆ จะเป็นแบบ Flat แล้ว เวลาเราดูด้วยสายตาอาจจะรู้สึกว่าหนาจังแฮะ แต่พอถือใช้งานจริงๆ ก็ปกตินี่ กับ Smartphone ที่ Battery 5,000 mAh ขนาดนี้ ไม่ได้รู้สึกว่าหนาเลยครับ

บริเวณด้านล่างก็จะเป็นที่อยู่ของ ช่อง USB-C | ช่องใส่ Sim | ไมโครโฟน | ลำโพงคู่

และ บริเวณด้านบนของตัวเครื่องก็จะมี ช่องลำโพง | ไมโครโฟน | IR Blaster และ ช่อง AUX ครับ

DISPLAY : หน้าจอแสดงผล

ตัว Spec ของหน้าจอแสดงผลเนี่ย ต้องบอกว่าจัดเต็มมากๆ และก็ไม่ใช่แค่ Spec ในกระดาษนะ มันใช้งานได้ดีจริงๆ Panel หน้าจะเป็นแบบ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+

ค่า Refresh Rate ของหน้าจอจะอยู่ที่ 120Hz และมี Touch Sampling อยู่ที่ 320Hz ถือว่า กับราคาเท่านี้เนี่ย Spec หน้าจอ คือ โหดมากๆ เหมือนเกิดมาเพื่อการใช้งานด้าน Entertainment เลย

ในแง่ของการแสดงผลสีสัน 2 เครื่องนี้ คือเหมือนกันเป๊ะ เล่นเกม ดูหนังนี่คือผ่านเลย ดีงามมากๆ อาจจะมีเรื่องขอบตัวเครื่องด้านล่างหนาสักนิดหนึ่ง แต่มองผ่านได้ครับ เรื่องเล็กแค่นี้ เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้

จะสายดู Streaming หรือ จะสายเล่นเกม หน้าจอตัวนี้ ทั้งการแสดงผล และการ Touch หายห่วงครับ

ความสว่างของตัวหน้าจอเวลาใช้งานกลางแดด ก็ต้องบอกเลยว่าสบายครับ เห็น Spec บอก 1200 nits อาจจะต่ำกว่ากลุ่ม Flagship เยอะ แต่เอาจริงๆ แล้วใช้งานได้จริงครับ ออกไปถ่ายรูปนอกบ้านเนี่ย สบาย

CAMERA : กล้องถ่ายภาพ

ชุดกล้องหลังของ Redmi Note 11 Pro | 5G มี ชุดกล้องหลังที่เกือบจะเหมือนกัน จะมีจุดต่างอยู่นิดหน่อย ดังนี้ครับ

Redmi Note 11 Pro 5G

Main Camera 108MP | f/1.9
Ultra Wide Angle 8MP | f/2.2 องศาการรับภาพกว้าง 118°
Macro Camera 2MP | f/2.4

Redmi Note 11 Pro 5G

Main Camera 108MP | f/1.9
Ultra Wide Angle 8MP | f/2.2 องศาการรับภาพกว้าง 118°
Macro Camera 2MP | f/2.4
Depth Camera 2MP

เห็นไหมครับ ว่า Spec เนี่ยต่างกันนิดเดียวจริงๆ งั้นเดี๋ยวเราไปดูภาพที่ได้จากกล้องของ Smartphone ทั้ง 2 รุ่นนี้กันดีกว่านะครับ

MAIN CAMERA : กล้องหลัก 108MP

มาเริ่มกันที่กล้องหลักกันก่อนเลยนะครับ โดยแก้วจะถ่ายที่ Mode 108MP มา Crop กันดูเลย ผลลัพท์ก็ตามภาพเลยครับ คุณภาพของกล้องหลักนั้น ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลย นี่ว่า Crop มา 300% ยังเห็นรายละเอียดขนาดนี้ เรื่อง Detail กับความละเอียดเนี่ย ผ่านแบบ เต็ม 10 ไปเลย

ในแง่ของ โทนสี และ Dynamic Range ครับ จุดหนึ่งที่แก้วรู้สึกได้ถึงความต่างคือ ความสดของสีภาพ หรือ Saturation นั้น ลดลงมาจาก Redmi Note 10 Series เยอะมาก เหมือนมีการจูนสีสันให้มีความสมจริงมามากขึ้นกว่าเดิม แต่ไม่ได้ทิ้งความสวยงาม

ตัวกล้องสามารถวัดแสงได้แม่นยำมากๆ ทั้ง Highlight | Midtone | Shadow เกลี่ยแสงมาได้แบบ พอดีและนุ่มนวลมากๆ นี่ภาพนี้ไม่ได้เปิด HDR เลยนะ Software การวัดแสงของ Xiaomi และ Redmi ปีนี้ ทำมาได้ดีมากๆ เลย

อีกหนึ่งจุดเด่นของกล้องตัวนี้ที่แก้วค่อนข้างชอบเลยก็คือ ความสามารถในการ Digital Zoom แบบ 2x บนความละเอียดที่เท่ากัน ทำให้ กล้องตัวนี้สามารถจะถ่าย Crop Zoom 2x ถึง 5x ได้สบายๆ

กลายเป็นมีกล้องหลักตัวเดียว แต่สามารถใช้งานได้ เอนกประสงค์มากๆ จะ Zoom แล้วถ่าย หรือจะถ่ายแล้วมา Crop ทีหลังก็ได้ ให้ Quality ที่ใกล้เคียงกันครับ

ในแง่ของ Depth of field ของตัวกล้อง ถึงแม้ว่า f/stop จะแค่ 1.9 แต่ Depth นี่สวยทีเดียวครับ ถ่ายดอกไม้ ถ่ายของที่ชิ้นเล็กๆ นี่หลังละลายได้สวยเลย Bokeh มีความ Creamy เบาๆ

ULTRA WIDE ANGLE : กล้องมุมกว้างพิเศษ 8MP กว้าง 118 ํ

จริงๆ ต้องบอกว่า Character มันคล้ายกับกล้อง Ultra Wide Angle จาก Xiaomi 11T Pro เลย แต่ว่า เรื่อง Coating ทำมาดีกว่ามากๆ Chromatic Aberration น้อยมากแค่ 3% - 5% บริเวณขอบภาพเท่านั้นเอง และความสามารถในการย้อนแสงเนี่ย ดีมากนะ กด Highlight ได้ดี แต่จะมี Noise ในฝั่ง Shadow พอสมควรครับ

กล้องมุมกว้าง จากทั้ง 2 รุ่นนี้เนี่ย Dynamic Range ดีมากๆ อย่างภาพนี้จะมีช่วงรายละเอียด ในย่าน Midtone | Shadow ไล่ระดับมาอย่างดีเลย โดยที่ยังมีรายละเอียดเก็บเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน

ในแง่ของ White Balance นั้น ภาพนี้เราจะเห็นว่า สีสันในภาพที่ค่อนข้างเยอะ แต่ระบบการวัดแสง และ White Balance ต่างๆ สามารถจัดการออกมาได้เป็นอย่างดี

และ Saturation หรือ ความสดของสีสันเนี่ย ใกล้เคียงกับกล้องหลักมากๆ เหมือนกัน การเติมแสงของ HDR นั้น ก็ไม่ได้เติมจนภาพแบน อยู่ในปริมาณนี่พอเหมาะ พอควรครับ

PORTRAIT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพบุคคล

การถ่ายภาพ Portrait นั้น Character ของภาพ จะมีความเน้นผิวแบบ ขาวใสมากๆ แบบว่า ผิวนี่เนียนกริ๊บไปเลย ขนาดว่าเปิด Beauty แค่ไม่กี่ % เท่านั้นเอง

ทีนี้มาดูหน่อยว่า Redmi Note 11 Pro ที่มี Depth Camera นั้น จะตัดขอบได้ดีขนาดไหน ? ซึ่งผลลัพท์เราจะเห็นได้ว่า สิ่งที่อยู่ในระยะใกล้ๆ ตัวแบบนั้นจะยังเบลอไม่เยอะมาก แต่ยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ ก็จะยิ่งเบลอมากขึ้นเรื่อยๆ และ Bokeh สวย

มาลองดูภาพนี้กันครับ Redmi Note 11 Pro 5G เป็นรุ่นที่ไม่ได้มี Depth Camera มาให้ แต่ในแง่ของการตัดขอบ หรือ การ Blur ฉากหลังก็ถือว่าใช้ได้นะ ไล่ระดับได้พอสมควร แต่ก็ต้องยอมรับว่า มันก็ไม่ได้ดีเท่า Redmi Note 11 Pro ที่มี Depth Camera 2MP แถมเก็บรายละเอียดในส่วน ท้องฟ้ามาได้ด้วยนะ

พอมี Depth Camera มาช่วยในการวัดระยะ และถ่าย Portrait การตัดขอบนี่แบบ เนียนกริ๊บ ระดับ Smartphone Flagship เลยนะ แต่การเติมแสง Backlight ให้หน้าไม่มืดนั้นอาจจะไม่ได้เยอะมาก อยู่ใน เกณฑ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

เห็นแสงสวยๆ จับมาใส่ Filter สักหน่อย ภาพก็ออกมาดูดีทีเดียวครับ และถ้าสภาพแสง องศาของแสงเคลียร์ชัดเจนเนี่ย การเบลอฉากหลังก็สามารถทำออกมาได้ดี แม้จะไม่มี Depth Camera ก็ตาม

สำหรับการถ่ายภาพ Portrait เวลากลางคืน ต้องบอกว่า Software ในการสร้าง Depth นั้น มันยังทำงานได้ดี และ Beauty Mode ก็ยังโอเคเหมือนกัน แต่จะบอกว่าในแง่ของ White Balance และ Skintone ในที่แสงน้อย Redmi Note 11 Pro นั้น ดีกว่าพอสมควร

พวก Long Exposure Mode ก็มีมาให้เหมือนกับ รุ่น Flagship เลย แต่ด้วยประสิทธิภาพของ Hardware ที่ต่างกัน อาจจะทำให้ถ่ายยากกว่านิดนึง คุณภาพก็ถือว่าโอเคครับ

การเอาไปถ่ายเส้นไฟ ก็ทำได้เหมือนเดิม แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่เหมือนกันครับ คือ เวลาที่เราใช้ Mode นี้ ไม่สามารถจะถ่ายโดยที่ ถือ Handheld ได้ง่ายนัก เพราะว่า ภาพจะสั่นได้ง่ายมากๆ ค่อนข้างจะแนะนำให้ใช้บน ขาตั้งกล้องจะให้ผลลัพท์ที่ดีที่สุดครับ

MACRO CAMERA : กล้องมาโคร 2MP

สำหรับกล้องถ่ายภาพมาโครนั้น ตอนแรกเนี่ย แก้วคิดว่า มันก็น่าตามราคา ตาม Standard ของ Smartphone ในช่วงราคาประมาณนี้ แต่พอลองใช้จริงๆ หึ้ยย ไม่แย่นะ ขนาดแสงไม่ได้เยอะแยะอะไรมาก ยังได้รายละเอียดที่ดี Depth ก็ใช้ได้

แต่จะบอกว่า ความสามารถในการวัดแสงนั้น มันอาจจะ ไม่ได้เป๊ะมากนะ บางทีก็ Under บางทีก็ Over

แต่จะบอกว่าในเมื่อกล้องหลัก 108MP Digital Zoom แบบ Crop 2x ได้ ใช้ตัวนั้น แล้วเอามา Crop ทีหลังดีกว่าครับ คนล่ะเรื่องเลย

FRONT CAMERA : กล้องหน้า 16MP

จุดนี้น่าจะเป็นจุดที่แก้วรู้สึกว่ามันธรรมดามากๆ คือ มันโอเคแหละ ในแง่ของความละเอียดกล้อง Skintone หรือ ความคม แต่กล้องตัวนี้ การตัดขอบในกล้องหน้านี่มันแอบจะดูลอยๆ หลอกๆ ตาไปนิดหนึ่ง เมื่อเทียบกับ Redmi Note 10 Pro นะครับ

ถ้าเราไม่ได้เปิด Software ในการเบลอฉากหลังเนี่ย มันก็ถือว่าเป็นกล้องหน้าที่ไว้ใจได้เลย ผิวสวย ออกจากขาวๆ กว่าตัวจริงด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ได้เว่อมากนะครับ

พอเปิด Software ในการเบลอฉากหลังก็ใช้ได้นะ ถ้าฉากหลังมันไม่ได้มีรายละเอียดเยอะ การตัดขอบก็ยังทำงานได้ดีเหมือนเดิม ส่วนในแง่ของความเป็นธรรมชาติในการเบลอฉากหลัง อาจจะยังไม่ได้ดูดีเท่ากล้องหลังนะครับ

VIDEOGRAPHY : การถ่ายวีดีโอ

ความละเอียดสูงสุดที่ถ่าย Video ได้ใน Redmi Note 11 Pro Series จะอยู่ที่ Full HD เท่านั้น และ Frame Rate นั้น ดันมาต่ำอีก เหลือแค่ 30fps อันนี้แอบเสียดาย มันควรจะได้อย่างหน่อย Full HD 60fps หรือ 4K 30fps กันแล้วนะยุคนี้ แอบจะเศร้าในจุดนี้พอสมควรเลยครับ

PERFORMANCE : ประสิทธิภาพ

สำหรับการใช้งานทั่วไป หรือ การใช้งานเพื่อ Entertainment Redmi Note 11 Pro จะรุ่น 5G หรือ รุ่นปกติ ก็ต้องบอกว่า เอาอยู่ได้แบบสบายๆ เลยครับ ใครที่เอาไปดูพวก Streaming ดู Content ต่างๆ หน้าจอทำงานได้ดี เสียงของลำโพงดังดีมาก แต่ช่วง Peak อาจจะมีแตกๆ บ้างในบ้างครั้ง

การเอาไปเล่นเกมเนี่ย ต้องบอกว่าจุดนี้คือจุดที่ต่างครับ แก้วเล่นเกม Project A3 Still Live ถ้าจะปรับ Graphic ได้สุดๆ ต้องไปใช้ Redmi Note 11 Pro 5G แต่พอเล่นไปนานๆ ร้อนมากพอสมควร แต่ถ้าต้องการความ Smooth เล่นได้นานๆ Redmi Note 11 Pro ก็ดูจะเหมาะกว่าด้วย CPU MediaTek Helio G96 ที่อาจจะไม่ได้แรงมาก แต่ใช้งานต่อเนื่องได้ดีกว่า ความร้อนน้อยกว่าพอสมควรครับ

สำหรับการจัดการพลังงาน และ แบตเตอรี่ นี่คือจุดแข็งเลยก็ว่าได้ของ Smartphone รุ่นนี้ เพราะแบตเตอรี่ โคตรจะอึด คือไม่ใช่ว่าให้มาเยอะ 5,000 mAh อย่างเดียวนะครับ มันอึดด้วย การชาร์จไวเนี่ย ให้มาที่ 67W สามารถจะชาร์จ 15 นาทีได้เกือบๆ 50% เรื่องนี้ต้องยกให้เขาจริงๆ ครับ

OVERVIEW & OPINION

Redmi Note 11 Pro และ Redmi Note 11 Pro 5G การกลับมาในครั้งนี้แก้วต้องบอกว่า มีทั้งจุดที่ชอบ และไม่ชอบ แต่ฝั่งที่ชอบนั้นเยอะกว่ามากนะครับ ที่แน่ๆ เลย คือชอบ Design เครื่องมาก มันดูมีความ Sport ดู Premium ขึ้น ด้วยฝาหลังแบบกระจก และกันรอยนิ้วมือได้ดีจริงๆ

ในแง่ของการถ่ายภาพ และเรื่องกล้อง คือมันมีจุดที่ดีขึ้น แบบ ชัดเจนมากๆ คือ การทำ Pixel Binning ไม่ได้เป็น 4 in 1 แล้วนะ ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็น 9 in 1 ช่วยให้รับแสงได้ดีมากขึ้น ความละเอียด Detail ต่างๆ วลาใช้ Mode 108MP แล้วเอามา Crop ดูเนี่ย รายละเอียดเทพจริงๆ กับ Smartphone ช่วงราคานี้

จุดที่เป็นข้อพิจารณาเลยก็คือ การถ่าย Video ครับ อันนี้ส่วนตัวนะ แก้วคิดว่า 4K 30fps ควรจะเป็น Standard สำหรับ Smartphone ที่ราคาไปแตะ 10,000 ได้แล้ว โอเคและเราอาจจะไม่ได้ใช้มันตลอด แต่ที่ให้มาเนี่ย มันแค่ 1080 30fps เท่านั้นเอง มันดูน้อยไปหน่อยครับ