มาแล้วครับ กับรีวิว Samsung Galaxy Z Fold 3 สมาร์ทโฟนจอพับสุดล้ำจากทาง Samsung ที่เพิ่งเปิดตัวกันไปในปีนี้ครับ บอกก่อนเลยนะครับ นี่คือครั้งที่สองในชีวิตที่ได้จับ Smartphone ที่เป็นจอพับได้
ฉะนั้น รีวิวนี้ ใครที่ใช้สมาร์ทโฟนธรรมดา แล้วอยากจะไปสมาร์ทโฟนจอพับ นี่คือความรู้สึกแบบ เรียลๆ ของแก้วเลยครับ ว่ามันจะน่าสนใจ และใช้งานได้ Flexible กว่า Smartphone ธรรมดาขนาดไหน ไปชมกันครับ
Samsung Galaxy Z Fold3 5G Specification
Display : หน้าจอด้านใน 7.6 นิ้ว แบบ Dynamic AMOLED 2X ขนาด ความละเอียด QWGA+ Refresh rate 120Hz หน้าจอนอก เป็น Dynamic AMOLED 2X เช่นเดียวกัน มี ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด HD+ Refresh rate 120Hz รองรับปากกา Stylus : S Pen Fold & Pro
CPU : Snapdragon 888 Octa-core 2.84GHz (5nm)
RAM : 12GB | ROM : 256GB/512GB
Battery : 4400mAh
Charging : 25W Super Fast Charge
กล้องหลัง : 3 ตัว
12MP กล้องหลัก f/1.8 OIS
12MP กล้อง Ultra Wide f/2.2 มุมกว้าง 123° Fix Focus
12MP กล้อง Tele f/2.4 Optical Zoom 2x อันนี้ดี ถ่าย Product สวย
Front Camera จอนอก : 10MP f/2.2 กล้องใต้หน้าจอใน 4MP f/1.8
ทนน้ำ : มาตรฐาน IPX8
Colors : Phantom Black, Phantom Green, Phantom Silver
DESIGN ที่ปรับปรุง เล็กๆ น้อยๆ แต่น่าใช้ขึ้นมาก
จากที่เคยได้จับ Samsung Galaxy Z Fold 2 มาเล็กน้อย ตอนที่ได้จับ Fold 3 รู้สึกว่า ในแง่ของภาพรวมนั้นไม่ค่อยเห็นความต่างมากสักเท่าไหร่นัก แต่พอมาดูดีๆ จะเห็นรายละเอียดที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะพอสมควร เช่น ความแข็งแรงของบอดี้ที่ถูกเสริมด้วย โลหะ ในหลายๆ ส่วน
เรื่องแรกเลยก็คือ เรื่องของสีเครื่องครับ สีที่แก้วได้มานั้นเป็น สีดำ Phantom Black ที่เป็นแบบ Matte Black หรูหรา และดุดันมากๆ ในส่วนของ องศาในการกางหน้าจอออกมา ทำได้อิสระมากขึ้น ไม่ต้องกางจนสุดตลอดเวลา เราสามารถเปิดกางออกมาเพื่อการใช้งานตามที่เราต้องการได้ เช่น ตั้งบนโต๊ะ เพื่อใช้ถ่าย Selfie ก็ทำได้ครับ
ในส่วนของฝั่งที่เป็นแกนในการพับก็ทำมาดูแข็งแรง และ Solid มากๆ
ไม่มีอาการ Wobbling โยกเยกให้เราเห็นได้เลยแม้แต่น้อย
สามารถจะกางออกมาในองศาประมาณไหนก็ได้ ตามแล้วแต่การใช้งานของเราเลย ตัว Mechanical ที่ Holding การกางหน้าจอเอาไว้นี่ ทำมาดีจริงครับ แข็งแรงมากๆ
กระจกของจอด้านนอก จะใช้ Gorilla® Glass Victus กระจกที่แข็งแรงที่สุดในตอนนี้ ทนรอยขีดขวด และการตกได้สูงถึง 2 เมตรเลยครับ กันรอยขีดข่วยได้ดีถึง 4 เท่า
น้ำหนักเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟน Flagship ของแบรนด์อื่นๆ ตัวนี้จะหนักว่าอยู่ประมาณ 50-60 กรัม เวลาเรากางหน้าจอออกในการถือ จะไม่ค่อยรู้สึกถึงน้ำหนักได้สักเท่าไหร่ แต่เมื่อพับ จะรู้สึกถึงน้ำหนัก 271 กรัม ได้ชัดเจนมากๆ ครับ
Highlight ใหม่ในงาน Design ก็คงไม่พ้นเรื่องของการกันน้ำ IPX8 เรียกได้ว่า จะถ่ายรูปตากฝน ยืนวาดรูปตอนเล่นสงกรานต์ปีหน้า ( ถ้าได้เล่นอะนะ ) ก็ไม่ต้องกลัวครับ สบายหายห่วง
หน้าจอคุณภาพสูง 120Hz ทุกจอ เปิด - ปิด 2 แสนครั้ง
ทาง Samsung ใช้เทคโนโลยีหน้าจอแบบ Dynamic AMOLED 2X สำหรับหน้าจอด้านนอก ขนาด 6.2 นิ้ว และเช่นเดียวกันกับ ด้านใน Infinity Flex Display ขนาด 7.6 นิ้ว แบบ Dynamic AMOLED และมีค่า Refresh Rate 120Hz เหมือนกันทั้ง 2 หน้าจอเลยครับ
หน้าจอด้านใน Infinity Flex Display ขนาด 7.6 นิ้ว แบบ Dynamic AMOLED 2X ในแง่ของคุณภาพหน้าจอ คงไม่มีอะไรเป็นข้อกังขาได้สำหรับหน้าจอตัวนี้เพราะว่า สีสวย Contrast นี้ไหลลื่น 120Hz
สิ่งที่เปลี่ยนไปค่อนข้างชัดเจนเลยก็คือ กล้อง Selfie นั้นหายไป ทำให้เราสามารถที่จะได้พื้นที่หน้าจอมาเต็มๆ ไม่มีจุดมาให้ขัดตาอีกต่อไปครับ โดยหลักการคือ ผิวหน้าจอจะสร้าง เม็ด Pixel ขึ้นมาปิดรูกล้องเอาไว้เวลาที่เราไม่ได้เปิดกล้องใช้งาน เวลาเปิดแสงจอแรงๆ อาจจะเห็นเม็ด Pixel ได้บ้างครับ
แต่ต้องบอกว่าในบางสภาพแสงนั้น เราจะเห็นรอยพับของหน้าจอ ได้ค่อนข้างชัดทีเดียว ใครที่รับตรงนี้ไม่ได้ อาจจะขัดหูขัดตาได้แน่ๆ ครับ
ในรุ่นนี้ล้ำขึ้นไปกว่าเดิมเพราะว่า Galaxy Z Fold 3 นั้น รองรับเรื่องของการใช้งานปากกา S Pen แล้วด้วย แต่ต้องเป็น S Pen ใน Gen ล่าสุดนะครับ ต้องใช้ S Pen Fold หรือ Pro เท่านั้น เพราะว่ารูปแบบของสัญญาณในการเชื่อมต่อนั้นเป็นคนละแบบกันครับ แต่แก้วไม่ได้ Test ให้ดูครับ ไม่ได้ปากกามา
ในแง่ของสีสันของตัวหน้าจอทั้งสองหน้าจอเลยนั้น เรียกได้ว่าสวยสดใสในสไตล์ Samsung เลยครับ เอามาใช้ในการเล่นเกม ใน Content ต่างๆ นี่สบายเลย การสู้แสงภายนอกก็ยอดเยี่ยมมาก และที่สำคัญนะครับ ในเรื่องของความทนทานในการ เปิด-ปิด ทาง Samsung เคลมไว้ว่า ได้ถึง 2 แสนครั้งเลยครับ
PERFORMANCE ประสิทธิภาพ
สำหรับ Specification ของ Samsung Galaxy Z Fold 3 ตัวนี้เนี่ย ก็เรียกได้ว่าจัดเต็มไม่น้อย แถมตัวนี้ยังได้ Chipset สุดแรงประจำปี อย่าง Snapdragon 888 มาประจำการด้วยนะครับ RAM 12GB | ROM 256GB และ 512GB พร้อมการใช้งาน 5G แบบ Dual-Band กันไปเลยครับ
เล่นเกมก็คือ เหลือๆ เล่นได้ทุกเกม ปรับ Frame Rate ได้สุดเลย
แก้วเองได้เอา Galaxy Z Fold 3 เนี่ยไปลองใช้งานทั้งเรื่องของการเล่นเกม เปิด Browser และ เปิด Application อื่นๆ ไปพร้อมๆ กัน แบบ Multi-view สามารถทำงานตอบสนองเราได้เป็นอย่างดี ไม่มีอาการหน่วงเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ต้องบอกนะครับว่า Ratio การแสดงผลของแต่ละ App อาจจะใช้ยากไปนิดนึง เพราะไม่ใช่ทุก App ที่ Design UI มาเพื่อการใช้งานในลักษณะนี้ครับ
แบตเตอรี่ที่ให้มา 4,400 mAh ถามว่าตอนแรกที่เห็นตัวเลขนี้รู้สึกว่าน้อยไหมกับสมาร์ทโฟนที่หน้าจอใหญ่เบิ้มขนาดนี้ ก็ต้องบอกว่า ใช่ครับ แต่พอได้ใช้จริง Software ในการจัดการ Battery Efficiency ทำได้ดีทีเดียวครับ สามารถที่จะ ดู Netflix ไปได้เลยยาวๆ 4 ชม. โดยที่แบตเตอรี่ลดไปแค่ 25% เท่านั้นเอง ยอดเยี่ยมมาก
การใช้งาน 5G ได้ ทั้งสองรูปแบบสัญญาณบอกเลยว่าสบายหายห่วงครับ เน็ตแรงลื่นแน่นอน แถมใส่ได้สอง Sim 5G พร้อมกันเลยด้วยนะครับ
Flex Mode เวลาที่เรากำลังดู Content ใน Youtube หรือว่าประชุมผ่าน Video Call อยู่แล้วต้องการจะจด Note นั้น ถ้าเราตั้ง Fold 3 ไว้ในลักษณะแบบแนวนอนแล้วละก็ สามารถที่จะเปิด Samsung Note ขึ้นมาด้านล่างเพื่อ จด Note ได้เลยทันที
DeX Mode กับหลายๆ คนที่รู้สึกว่า ทำงานหลาย Application บนหน้าจอขนาดนี้นั้น มันเล็กไป ถ้าที่บ้านใครมีหน้าจอ ที่สามารถเชื่อมต่อ Internet และรองรับ Wireless Projection ได้ ยังไงก็แนะนำให้เป็น Samsung นะครับ จะสามารถ เปิด DeX Mode ไปบนจอทีวี แบบที่แก้วทำนี้ก็ได้
หลังจากนั้น Fold 3 ก็จะกลายเป็น Touch pad ขนาดใหญ่ให้เราสามารถใช้มันเพื่อควบคุมการทำงานต่างๆ ได้ครับ สะดวกมากๆ
ทำแต่งานมาทั้งวัน ได้เวลาดู Series ผ่อนคลายกันสักหน่อย Samsung Galaxy Z Fold 3 นั้นก็ให้ประบการณ์ด้าน Entertainment ที่ดีไม่น้อยเลย ด้วยลำโพงคู่ที่ Tune เสียงโดย AKG เสียงดีเหมือนเดิม รายละเอียดดีมากๆ แต่ในแง่ อัตราส่วนของหน้าจอ เวลาดู Content เนี่ยต้องบอกว่า แอบขัดๆ ตาเหมือนกัน ครับ เมื่อเทียบกับการดูบน Smartphone ทั่วๆ ไป มันเหลือขอบเยอะมาก
เรื่องเล่นเกมเนี่ย ถ้าเราเล่นเกมประเภท TPS หรือ FPS เนี่ย อาจจะเป็นจุดอ่อนของรุ่นนี้ครับ เพราะเครื่องมันหนัก เวลาจับถือเวลาเล่นเนี่ย มันค่อนข้างจะเมื่อยมากๆ เวลาที่กางหน้าจอออกมาเต็มๆ ถ้าจะเล่นเกมแนวนั้นจริงๆ ไปใช้จอด้านนอกจะดีกว่า แต่ถ้าเล่นเกมพวก Simulator หรือ RPG ที่จิ้มๆ จอเอาได้ละก็ ก็ไปใช้ หน้าจอหลัก 7.6 นิ้วนี่ก็จะเต็มตาดีมากๆ เลยครับ
การชาร์จแบตเตอรี่ จริงๆ Samsung จัดมาให้แค่ 25W ซึ่งจริงๆ แล้วแอบรู้สึกว่า อยากได้สัก 40W ขึ้นไป แต่เข้าใจได้แหละ เพราะแบตเตอรี่มันก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย เห็น Watt น้อยๆ แบบนี้เสียบชาร์จจริงๆ ชั่วโมงนิดๆ ก็เต็มแล้วนะครับ
กล้องถ่ายภาพ 3 ตัวที่ดีกว่าที่คิดม๊ากกก
Design ของโมดูลกล้องนั้นจะเรียงตัวกันในแนวตั้งด้วยขนาดหน้ากล้องแต่ละตัวที่เท่ากัน ทำให้ดูสวยงาม และเรียบง่ายดี โมดูลจะมีการนูนออกมาเล็กน้อยเพียงเท่านั้น ซึ่งช่วยลดปัญหาเวลาที่เราวางตัวเครื่องบนโต๊ะ จะค่อนข้างเรียบไปกับโต๊ะได้ดีกว่า Fold 2 นะครับ
กล้องของ Samsung Galaxy Z Fold 3 นั้น ในส่วนของชุดกล้องหลัง จะมีทั้งหมด 3 ตัว
Wide-angle camera 12MP
Ultra wide camera 12MP
Telephoto 12MP (2x)
เอาจริงๆ กับ กล้องใน โทรศัพท์ที่เป็น Lifestyle Phone ในลักษณะนี้ ในตอนแรกเองไม่ได้คาดหวังอะไรไว้มากนักครับ แต่พอได้ลองใช้จริงๆ ก็เรียกได้ว่า ให้มาเหมาะสมกับ Use case ของมัน และใช้งานได้ดีมาก ในหลายๆ สถานการณ์ทีเดียวครับ
กล้อง Wide-angle
เรามาดูคุณภาพของการถ่ายภาพกันดีกว่า เริ่มกันที่ กล้องหลัก Wide-angle camera 12MP ยังคงเป็นกล้องที่อเนกประสงค์ที่สุด มีองศาการรับภาพระดับกลางๆ กล้องนี้เนี่ย เหมาะจะเป็นกล้องที่เหมาะกับการถ่ายภาพ Portrait มากที่สุด
Skintone ที่ทำได้ออกมาสวยงามกำลังดี Contrast ที่ไม่เข้มจนเกินไป แต่สีสันนี้ เรียกได้ว่า สไตล์ Samsung ครับ สีเขียว สีฟ้า โทนสวยงามมากๆ
Beauty Mode และ Skintone ที่บอกว่าสวยเนี่ย ในบางสภาพแสง มีอาการเพี้ยนๆ เกิดขึ้นได้บ้างเล็กน้อย เดี๋ยวแดง เดี๋ยวเหลือง น่าจะมาจากเรื่อง Software White Balance แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ เพราะเราแก้ไขทีหลังได้ ใน App Gallery ได้เลย
กล้องตัวนี้นี่แหละที่ทำให้แก้วรู้สึกว่า กล้องหน้าสำหรับ Selfie เนี่ย แทบไม่ได้ใช้เลย ชอบคุณภาพของกล้องหลังตัวนี้มากกว่า ในการถ่าย Selfie จะตั้งถ่ายแนวตั้ง แนวนอน ก็สะดวกมาก
การเก็บขอบในการละลายฉากหลัง ก็ทำได้ดีทีเดียวครับ ถึงแม้ว่าบางที Bokeh อาจจะมีหน้าตาแปลกๆ ไปบ้าง เวลาเราปรับการเบลอไปจนระดับสูงๆ แต่เรื่องนั้นก็เป็น preference ของแต่ละคน ที่ชอบไม่เหมือนกัน
HDR ประมวลผลได้เร็วในระดับกลางๆ การถ่ายภาพย้อนแสง สามารถวัดแสงได้ฉลาด เฉลี่ยแสงทั้งตัวคน และ ฉากหลังได้ค่อนข้างดีมากได้รายละเอียดครบ แต่ภาพไม่แบน แบบนี้โอเคเลยครับ
เอามาถ่ายภาพแบบปกติ ไม่ได้เปิด Software ช่วยละลายฉากหลัง Bokeh ก็ดูดีทีเดียว ไม่ได้เบลอมาก ถ่ายของชิ้นเล็กๆ ยังชัดทั้ง Object ได้ครบๆ เลย
กล้อง Ultra Wide Angle
มาดูกล้องตัวต่อไปกันบ้างครับ อย่างกล้อง Ultra Wide Angle 12MP กันบ้างครับ เป็น กล้อง Ultra Wide Angle ที่กว้างกว่าที่คิดไว้มากเลย ตอนในมุมมองการถ่ายภาพเนี่ย กว้างจนขอบมี Distortion เลย แต่ Samsung ใส่ Software เข้ามาแก้ไข ให้ Perspective ออกมาดูตรง ดูดี ได้ยอดเยี่ยมครับ
คุณภาพของไฟล์ กับ HDR นี่ทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กับกล้องหลักเลย ย้อนแสงไปจังๆ แบบนี้ฉากหน้าไม่มืด ท้องฟ้ายังเห็นรายละเอียดของก้อนเมฆต่างๆ ได้ดีอยู่
อาจจะติดเรื่องไม่สามารถที่จะกด Focus ได้เพราะว่ากล้องเป็นแบบ Fix Focus นั่นเองครับ
กล้อง Ultra Wide Angle เนี่ยพอเราใช้งานแบบในลักษณะ แบบ Flex Mode หันกลับมาเพื่อถ่ายภาพตัวเอง ก็เจ๋งดีนะครับ ได้ภาพที่มุมมองกว้าง แต่แขนก็จะยืดๆ หน่อย หน้าเล็กดีครับ 555
หรือจะเอามาหาที่ตั้ง แล้วจัดท่าทางของเราแทน ให้ได้ภาพที่ถูกใจก็ได้ครับ
ในส่วนของกล้อง Telephoto ก็ใช้งานดีในระดับหนึ่งครับ แอบน่าเสียดายที่ระยะโฟกัสมันค่อนข้างไกลไปนิดนึง ซึ่งถ้าจะเอามาถ่ายภาพ Product หรือสินค้า อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ กับการถ่ายภาพ Portrait ซะมากกว่าครับ
ซึ่งพอเอามาถ่าย Portrait ก็สวยจริงอะ ตัดขอบดี ไฟล์สวย Bokeh เนียน
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจครับ ปกติเวลาเราถ่ายภาพในที่แสงน้อยเนี่ย เราก็ต้องใช้ Night Mode ถูกไหมครับ แต่ว่า ด้วยความที่โทรศัพท์มันตั้งได้เนี่ย การถ่ายภาพกลางคืน เราใช้ Mode Pro ได้ครับ และนั่นแหละครับ คุณภาพของ Night Mode กับการใช้ Mode Pro ลด Shutter Speed ลง มันคนละระดับกันอยู่แล้ว
กล้องหน้า 2 ตัว ในทั้ง 2 หน้าจอ
กล้องหน้าตัวที่เป็น Highlight จริงๆ ก็คือกล้องหน้าที่อยู่ในหน้าจอด้านใน 7.6 นิ้ว เพราะนี่คือครั้งแรกของ Samsung ที่มีการซ่อนกล้องหน้าไว้ใต้หน้าจอ ซึ่งเนียนมากๆ มีความละเอียด อยู่ที่ 4MP อาจจะดูน้อยนะ แต่ดูเหมือนเขา Design มาไว้ Video Call มากกว่า การที่เราจะเห็น เม็ด Pixel บริเวณกล้องได้เนี่ย เฉพาะเวลาที่มีการปรับแสงหน้าจอสูงขึ้น แต่ถ้าใช้งานทั่วไป ดูหนังนี่แทบจะไม่เห็นเลยครับ
ข้อจำกัดของการใช้กล้องหน้าใต้จอ คือเรื่องของ Reflection บนผิวจอ ถ้าเราถ่ายภาพในที่ที่มีแสงสะท้อนเยอะ เช่นกลางแจ้ง หรือ ภายในห้างร้านต่างๆ เนี่ย อาจจะมี Flare เกิดขึ้นได้บ้างครับ
กล้องหน้าบริเวณหน้าจอด้านนอกความละเอียด 10MP ก็เป็นกล้องหน้าที่ให้ภาพที่คมชัดดีใช้ได้ Software ในการทำเบลอฉากหลัง หรือ Beauty Mode ก็ทำได้ดีไม่แพ้กล้องหลัง จังหวะไหน รีบๆ ก็ ใช้กล้องหน้าตัวนี้ได้ครับ
Feature การถ่ายวีดีโอที่ Practical สุดๆ
Samsung Galaxy Z Fold 3 สามารถถ่าย Video ได้ที่ความละเอียด 4K 60fps ที่กล้องหลักเท่านั้น นะครับ แต่ถ้าลด Frame Rate ลงมาจะสามารถถ่ายได้ Video ได้ทุกกล้องเลย ที่ 4K 30fps และเมื่อเปิด การใช้งานกันสั่น Super Steady ความละเอียดจะลดลงไปเหลือ FHD 30fps แต่ยังสามารถใช้ถ่าย Video ได้ทุกกล้องอยู่ครับ
ความน่าสนใจในงาน Video ตัวนี้ เอาจริงๆ กับ Samsung คงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะ Video เขาค่อนข้างจะทำได้ดีมากอยู่แล้วในทุกๆ รุ่นของเขานะครับ ทั้งการวัดแสง การกันสั่น สบายหายห่วง มีไมโครโฟนมาให้ถึง 4 ตัว เรียกได้ว่า เสียงชัดแน่ๆ
Samsung Galaxy Z Fold 3 นั้นใช้ประโยชน์จากความเป็นสมาร์ทโฟนจอพับได้ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ก่อนเวลาเราจะถ่าย Video Selfie ก็ต้องใช้กล้องหน้าที่มันแคบๆ อาศัยว่าหาไม้ Selfie มาช่วย แต่พอมาเป็น Samsung Galaxy Z Fold 3 เราเปิดกล้อง Ultra wide แล้วเดินถ่ายแบบถือ Handheld ได้เลย ไฟล์ดี ภาพนิ่ง
ในโหมดการถ่าย Video นี้ยังมีความเจ๋งอีกอย่างหนึ่งที่แก้วชอบมาก คือ Feature Auto Framing มันคือการที่เวลาเราถ่าย Video แล้วไม่มีคนช่วยเนี่ย เราสามารถตั้ง Samsung Galaxy Z Fold 3 เอาไว้ในโต๊ะ แล้ว เดินไปเดินมาได้เลยโดยที่กล้องจะทำการ Panning ตาม Action ของเราไปด้วย ดีย์งามมาก
Director View | Slow-mo | Portrait Video หลายๆ Features ที่อยู่ในตัวเทพการถ่ายภาพ อย่าง S21 Ultra 5G ก็มีมาให้ใน Fold 3 เช่นเดียวกันครับ
กล้องหลังสามารถถ่าย Video ได้ที่ 4K 60fps แบบไม่เปิดกันสั่นนะครับ ถ้าเปิดกันสั่น Frame Rate จะลดลงเหลือ 30 Fps แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะไฟล์ภาพดีมาก กันสั่นก็นิ่งมากๆ Love เลย จังหวะที่สภาพแสงเปลี่ยน ก็ปรับได้ Smooth ดี ไม่วูบวาบ
กล้องหน้าด้านนอกเครื่องถ่าย Video ได้ที่ 4K 60 fps จัดเต็มจริงๆ แถมกันสั่นคือแบบ นิ่งมากๆ ภาพอาจจะโดน Crop เข้ามาเล็กน้อยแต่ไม่ใช่ปัญหาครับ ส่วนกล้องหน้าที่อยู่ใต้จอนั้น สามารถถ่าย Video ได้สูงสุดแค่ FHD 30 fps เท่านั้นนะครับ ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้วแห
Conclusion & Opinion
Samsung Galaxy Z Fold 3 นั้นเป็น Smartphone ในลักษณะของ Lifestyle Phone จอพับได้ ที่ถูกอัพเกรดหลายๆ ส่วนขึ้นมาจาก Fold 2 ค่อนข้างมาก Use case ของมันนั้นหลากหลายมากๆ ครับ บางคนอาจจะเอาไปทำงานได้ อย่างแก้วเนี่ย ใช้มันในการถ่าย Video แล้ว Happy มาก ขาต้องกล้องนี่เรียกได้ว่าไม่ต้องเลย
การใช้ Multi-View และ Flex Mode ก็สร้าง Experience การใช้งานใหม่ๆ ที่สะดวกขึ้นมากเลย มี use case ใหม่ๆ ให้เราเอาไปปรับใช้ได้ดีมาก
ในแง่ของการถ่ายภาพนั้น กล้อง 3 ตัวที่ให้มา คือหายห่วงครับ ใช้งานได้ดีทุกตัว ! ไฟล์ภาพดี Shutter Lag ไม่มีเลย กล้องหน้าแทบไม่ได้ใช้ เพราะพลิกเอากล้องหลังกลับมาถ่ายได้ง่ายมากๆ เลย สบาย
กล้องที่อยู่ใต้จอนั้น จริงๆ มองว่าเป็น นวัตกรรมใหม่ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างโอเคเลย แค่ยังมีหลายๆ โอกาสที่พอได้ลองใช้ในถ่ายภาพแล้ว ยังไม่ค่อย Work เท่าไหร่ เพราะมีแสงสะท้อนมาก เวลาอยู่กลางแจ้ง แต่ถ้าจะเอามา Video call ละก็ เหลือๆ เลยครับ
บอกตามตรงว่าชอบ Samsung Galaxy Z Fold 3 มาก และรู้สึกว่า อยากให้แถม S Pen Fold Edition มาให้ในกล่องไปเลย เสียดายมากที่ยังไม่ได้เล่นเอง ได้แต่มองตาปริบๆ ดูคนอื่นเล่น 55 5 เพราะราคาค่าตัวขนาดนี้แล้ว ให้มาเลยก็ดีนะครับ
และนี่ก็คือทั้งหมดของรีวิว Samsung Galaxy Z Fold 3 ครับ ราคาค่าตัวของเขามีด้วยกัน 2 ราคานะครับ
- Samsung Galaxy Z Fold 3 RAM 12 | ROM 256 : 57,900 บาท
- Samsung Galaxy Z Fold 3 RAM 12 | ROM 512 : 61,900 บาท
Pre-order ภายในวันที่ 22 ส.ค. 2564 นี้ รับฟรี คูปองเงินสดมูลค่า 9,000.- และ Samsung Care+ 1ปี มูลค่า 7,089.- ครับ ผ่านการจำหน่ายรอบพิเศษทาง https://www.samsung.com/th/zfold3/buy ภายในวันที่ 22 สิงหาคม 2564
[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ]
IG : kaew.ravie
Comments