top of page
  • รูปภาพนักเขียนแอดมินแก้ว

Trick การถ่ายภาพสินค้า ภาพอาหารให้สวย ด้วยมือถือ ที่ใครๆ ก็ทำได้

สวัสดีครับทุกคน วันนี้แอดมินแก้ว มี Trick ในการถ่ายภาพด้วยมือถือ มาฝากทุกคนกันอีกแล้วนะครับ สำหรับวันนี้จะเป็นเรื่องของการถ่ายรูปสินค้า และรูปอาหาร จะมี Trick อะไรบ้าง ไปชมกันเลยครับ

เข้าใจประเภทสินค้า และ Character ของสินค้าที่เราจะถ่าย

โดยปกติแล้วมนุษย์เราเกินกว่า 50% เวลาเราตัดสินซื้อสินค้าอะไร มักเริ่มต้นด้วยอารมณ์ ใช้เหตุผลในการหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจ แต่พอตัดสินใจได้ว่าจะซื้ออะไรก็กลับมาที่อารมณ์อีกอยู่ดี ภาพถ่ายจึงเป็นส่วนสำคัญมากๆ ที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อ ทั้งในช่วงแรก และช่วงหลัง


ยกตัวอย่างเช่น เครื่องประดับ 2 สิ่งหลักๆ ของคนที่สนใจสินค้าประเภทนี้และอยากจะซื้อนั้น อยากรู้ อยากเห็น ก็คือ 1. หน้าตาสินค้านั้นเป็นอย่างไร สวยงามขนาดไหน ? , 2. เมื่อสวยใส่แล้ว เหมาะกับตัวเองหรือไม่ หรือช่วยเปลี่ยนลุคเขาไปได้ขนาดไหน ?

อีกหนึ่งตัวอย่าง เช่น รถยนต์ ตัวรถยนต์เองก็มีหลากหลายประเภท หลากหลายช่วงราคา ฉะนั้น ความรู้สึกในการเลือกซื้อนั้นก็ต่างกัน ถ้าเป็น รถยนต์ประเภท รถหรู หรือ รถ Sport สิ่งที่คนเห็นภาพแล้วกระตุ้นความรู้สึกก็คือ Shot เท่ๆ ใน Location ที่ช่วยส่งเสริม Character ของรถยนต์คันนั้นๆ แต่ถ้าหากเป็นรถครอบครัว เราก็สามารถไปโฟกัสกับ ห้องโดยสาร หรือฟังค์ชั่นการใช้งานอื่นๆ มากกว่ารูปลักษณ์ของตัวรถยนต์

ซึ่งสินค้าแต่ละประเภท ก็มี Trigger ในการกระตุ้นให้คนตัดสินใจซื้อแตกต่างกันออกไป ทั้งประเภท และช่วงระดับราคาของสินค้านั้นๆ เพราะกลุ่มคนที่เลือกซื้อสินค้านั้นๆ ก็จะแตกต่างกันออกไปด้วย

หากคุณไม่มีไฟ Studio แสงธรรมชาติก็ถ่ายได้

แน่นอนว่าคงไม่ใช่ทุกคนที่จริงจังกับการถ่าย Product ด้วยมือถือ ถึงกับมี Studio Light ติดบ้านกันไว้ทุกคน งั้นเรามาเรียนรู้วิธิการใช้แสงที่ฟรี และทุกคนมีเหมือนกัน กันดีกว่าครับ นั่นก็คือ " แสงอาทิตย์ "

ลักษณะของแสงอาทิตย์นั้น ในแต่ละช่วงเวลาของวันจะให้ความเข้มแสง และองศาของแสงที่แตกต่างกันออกไป โดยจากแผนภาพด้านบนนั้น แอดมินจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ช่วงเวลาดังนี้ครับ


  • แสงช่วงเช้า : จริงๆ แล้วแสงในช่วงเวลานี้เนี่ยถ่ายสินค้าได้เกือบจะทุกประเภทเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นที่มีความเข้มกำลังดี และค่อนข้างนุ่มนวล จะเอามาถ่ายภาพอาหาร หรือจะเอามาถ่ายภาพ เสื้อผ้าที่มีนางแบบ นายแบบ ก็จะเห็น ลุคที่ดี เงาไม่แข็ง ช่วงเวลาที่เหมาะสมก็คือ 7.30 - 10.00 โดยประมาณ

  • แสงช่วงกลางวัน : แสงในเวลากลางวัน หรือตั้งแต่ 11.00 ไปจนถึง 15.00 จะเป็นแสงที่มีความเข้มสูงมาก ก็ประเทศอะเนาะ ใครก็รู้ว่ามันร้อน ซึ่งเมื่อแสงเข้ม เงาก็จะเข้มไปด้วย การถ่ายภาพ Portrait หรือสินค้ากลางแจ้งนั้น เงาจะตกลงพื้นแบบเข้มๆ เลย หากเราต้องการลดปัญหาตรงนี้ลง ให้ ย้ายไปถ่ายในตัวอาคาร หรือที่ร่ม โดยเลือกจุดที่อยู่ใกล้หน้าต่าง เพื่อช่วยในการกำหนดทิศทางแสง และ ลดความเข้มของแสงลง

แต่ถ้าเราต้องการถ่ายภาพให้ออกมาลุค Street แบบเสื้อผ้า Jean ที่ต้องการเน้นความเท่ การถ่ายกลางแจ้งในช่วงเที่ยง หรือบ่ายก็สามารถจะช่วย สร้าง Look ตรงนี้ให้แข็งแรงขึ้นได้ครับ

  • แสงช่วงเย็น : จริงๆ แล้วค่อนข้างจะมีคุณลักษณะ คล้ายๆ กับแสงในช่วงเช้า แต่องศาของแสงนั้นจะตรงกันข้ามกัน และความเข้มของแสงจะมากกว่าเล็กน้อย ในบางฤดู ทำให้บางทีเวลาถ่ายภาพในตอนเย็น Contrast และ Saturation ในภาพ จะสูงกว่าช่วงเช้าเล็กน้อย สามารถถ่ายภาพกลางแจ้ง ถ่าย Portrait ในช่วงนี้ก็จะค่อนข้างสวยทีเดียว

สีสันของภาพที่ได้จากแสงในช่วงเย็นจะดูสดใส และได้โทนสีที่ค่อนข้างอุ่นกว่าตอนเช้าเล็กน้อย

Camera View & Composition ในการถ่าย

จริงๆ Composition เหล่านี้หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นกันอยู่แล้ว ไม่มากก็น้อยนะครับ แต่ว่าวันนี้จะเอามาแนะนำกันอีกครั้งว่า มันสามารถเอามาใช้ในการถ่ายภาพสินค้าได้อย่างไร มาดูกัน

กฏ 3 ส่วน ( Rule of Thirds )

เรียกได้ว่าเป็น Composition สำหรับมือใหม่ ไปยันคนที่เป็น Pro เลยก็ว่าได้ครับ เพราะว่า เป็น Composition ที่สามารถฝึกฝนได้ง่าย และเมื่อใช้งานได้จนชินแล้ว วาง Compose ได้แบบไม่ต้องเสียเวลาคิดแล้วนั้น สามารถเอาหลักการนี้ไป Mix กับ Composition อื่นๆ ได้ง่ายอีกด้วย

ในการใช้กฏ 3 ส่วน นั้นปกติแล้ว เรามักจะจัดวาง Subject หรือจุดเด่นหลักในภาพเอาไว้บนจุดตัด จุดใด จุดหนึ่งในภาพ แต่ว่า จริงๆ แล้วเราสามารถจัดวาง Subject ให้ Cover ลงไปบน จุดตัดกี่ช่องก็ได้พร้อมๆ กัน ตามความต้องการของเรา

จะเลือกวางทางขวา หรือทางซ้ายก็ได้แล้วแต่ความต้องการในการใช้งานของเราเลยครับ

Symmetry ( ความสมมาตร )

องค์ประกอบในการจัดวางแบบ Symmetry หรือสองด้านเท่ากันนั้น จริงๆ เรียกว่าเป็น Compose ที่ใช้งานได้ง่ายอยู่แล้ว เพราะคนส่วนใหญ่ที่เริ่มถ่ายภาพนั้น มักจะมาจากการจัดวาง Subject ไว้กลางภาพ เป็นส่วนใหญ่ Symmetry ก็เหมือนกัน เพียงแต่ว่า ต้องเฉลี่ยน้ำหนักในภาพทั้งสองฝั่งให้เท่ากันด้วย

การเฉลี่ยน้ำหนักของภาพทั้งสองฝั่งให้เท่ากันนั้นไม่ได้หมายความว่า หน้าตาของสิ่งที่อยู่ในภาพทั้งหมดนั้น จะมีหน้าตาที่เหมือนกัน เป๊ะๆ แต่อาจจะมีรูปทรงที่คล้ายกัน จัดวางอยู่ในตำแหน่งที่เหมือนกัน กินพื้นที่ Frame ในภาพแต่ละด้านในปริมาณที่เท่ากัน แบบนั้นก็ได้ครับ

ซึ่งองค์ประกอบภาพในลักษณะแบบนี้ค่อนข้างจะเหมาะกับการถ่ายภาพสินค้า ที่มีลักษณะทั้งสองด้านเท่ากัน หรือหน้าตาเหมือนกัน จำพวก นาฬิกา แก้วน้ำ อาหารที่มี Shape เป็นวงกลม หรือ สี่เหลี่ยม เช่น Pizza เค้ก เป็นต้นครับ

Shooting Angle : Top View ( มุมสูง )

การถ่ายภาพมุมสูงนั้น เพื่อนๆ อาจจะทำกันอยู่แล้วเป็นประจำแต่รู้ไหมครับว่า Top View เป็นอีกหนึ่ง Angle ที่ถ่ายออกมาได้สวย และลงตัวได้ยากพอสมควรเลย เพราะมันต้องอาศัยการวางสิ่งต่างๆ ใน Frame ภาพที่น่าสนใจ และตัวสินค้าเองก็ต้องมีรายละเอียด บริเวณด้านบนที่หน้าสนใจด้วย

สองภาพด้านบนนี้ ภาพซ้าย เราสามารถใช้กล้อง Ultra Wide Angle เข้ามาช่วยในการถ่ายภาพ Top View ได้ ข้อควรระวังก็คือ ถ้ากล้อง Ultra Wide ของเรากว้างจนเกินไป จนมี Distortion ให้พยายามวาง Compose สิ่งต่างๆ ไว้ตรงกลางภาพ ประมาณ 70% แล้ว Crop ภาพส่วนที่ไม่คม หรือยืดบริเวณขอบภาพออกไป


ภาพทางขวา ถ้าหน้าตาของสิ่งที่เราถ่ายนั้นมี Detail ที่ดูน่าสนใจ และมีรายละเอียดบริเวณด้านบนที่ดึงดูดสายตา มีมิติ ไม่ดูแบน การถ่ายภาพ Top View ด้วยกล้อง Telephoto เจาะลงไป ก็ช่วยให้เห็นรายละเอียดในภาพได้ดีมากขึ้น

หรือในการถ่ายภาพ Top view นั้นเราอาจจะเติมตัวแสดง หรือ Extra เข้าไปในภาพเพื่อให้ภาพมันดู Lively ดูมีชีวิตชีวา และน่าสนใจมากขึ้น โดยอาจจะใช้ Ultra Wide Angle เข้ามาช่วยก็ได้เพื่อให้ได้มุมภาพที่ดูแปลกตามากขึ้น

Shooting Angle : Close up shot & 45 ํ shot

Close up shot เป็นอีกหนึ่ง shot ที่เราควรจะถ่าย Stock เอาไว้ในอัลบั้มของสินค้าต่างๆ เช่น ภาพอาหาร ถ้าเราใช้วัตถุดิบที่หายาก และเราอยากจะให้เข้าโฟกัสกับมัน การใช้ Close up Shot อาจจะด้วย เลนส์หลัก crop 2x หรือ ใช้ Macro Camera ก็ดีครับ

Shot แบบ 45 ํ หรือถ่ายภาพภาพแบบ เฉียงๆ ข้อดีของมันคือ เวลาเราถ่ายสินค้าที่มันมีความยาว หรือมีช่วงลึกของตัวสินค้าค่อนข้างมาก Shot แบบนี้จะทำให้คนดูภาพเห็นขนาดของสินค้าทั้งหมด แบบมีมิติ ได้ใน Shot เดียว สินค้าพวก Smartphone หรือ Tablet จึงค่อนข้างนิยม ถ่าย Shot ลักษณะนี้ ในพวกโฆษณากันเยอะ

เลือก Background และ Props เพื่อตกแต่ง Scene

จริงๆ แล้ว Background ค่อนข้างจะส่งผลค่อนข้างมากเวลาเราถ่ายภาพด้วยมือถือ เพราะว่า ด้วย Sensor ที่เล็ก และค่า f stop ของกล้องมือถือ ที่ไม่ได้ต่ำมาก การจะเบลอฉากหลังออกไป เพื่อทำให้สินค้าโดดเด่นขึ้น นั้นทำได้ค่อนข้างยาก วิธีการที่ดีที่สุด คือ ทำให้ Background น่าสนใจ แต่ไม่มาแย่งซีนตัวสินค้าของเรา

นอกจากจะช่วยทำให้ภาพดูน่าสนใจมากขึ้นแล้วนั้น Background ยังช่วย Setup Mood & Tone ให้กับตัวภาพได้อีกด้วย ช่วยขับให้สินค้าดูเด่นขึ้นได้ และช่วยสร้างความรู้สึกเพิ่มเติมได้อีก เช่น ถ้าเราเอาแผ่นรองที่ใช้ในการถ่ายรูปที่เป็นหนัง มาใช้กับของที่หรูหรา หรือ เครื่องประดับ ก็จะทำให้ สินค้าดูดีขึ้น ดูมีราคามากขึ้นได้

คำว่า Background นั้น อาจจะไม่จำเป็นจะต้องเป็น พื้นโต๊ะ หรือหาแผ่นกระดาษลายสวยๆ สีสวยๆ มารองเสมอไป บางครั้ง ถ้าเราอยู่ในที่ที่โล่ง และมีแสงไฟ หรือสีสันโดยชอบที่น่าสนใจ เราสามารถเปิดโหมด Aperture หรือ Portrait Mode ขึ้นมาละลายฉากหลัง ให้เป็นโบเก้ ทดแทน การใช้ฉากหลังทั่วๆไปได้ ส่วนความเนียนในการตัดขอบ ก็อยู่ที่ Smartphone แต่ละรุ่นแล้วละครับ

 

และ นี่คือ Trick ในการถ่ายภาพสินค้าที่แอดมินแก้วนำมาฝากกันในวันนี้ครับ ถ้า Content นี้เป็นประโยชน์อย่าลืม กดไลค์ กดแชร์ Fanpage Mobile Photographer เอาไว้ด้วยนะครับ จะได้ไม่พลาด Content ใหม่ๆ ครับ

 

[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ]

IG : kaew.ravie

0 ความคิดเห็น
bottom of page