สวัสดีครับทุกคน วันนี้มาอยู่กับ แอดมินแก้ว วันนี้แก้วอยู่กับ Vivo V20 น้องเล็กตระกูล V-series ที่มีดีเหมือนรุ่นพี่ อย่างตัว Pro แทบจะทุกอย่าง แค่ไม่มี 5G และลด Chipset ลงมาเป็น 720G เท่านั้นเอง กล้องดี ทั้งหน้า ทั้งหลังเลยล่ะครับ
เริ่มกันที่ Package ของ Vivo V20 กันก่อนเลย Design กล่องมีการเล่น UV เป็นลายตัว V สะท้อนแสง สีน้ำเงิน เหมือนกล่องของรุ่น Pro เป๊ะๆ เป็นเอกลักษณ์ของ Series นี้เลย พร้อมที่ตัวกล่องมี Texture ด้วยนะ เสริมความพรี่เมี่ยมได้มากทีเดียว
Vivo V20 Specification
Vivo V20 รันด้วย Qualcomm Snapdragon 720G ชิปเซ็ตยอดนิยม ที่การันตีได้ความเสถียร แรงในระดับหนึ่ง แต่ที่สำคัญประหยัดแบตมากๆ มาพร้อม RAM 8GB ในส่วนของ ROM ความจุ : 128GB
แบตเตอรี่ : 4000 mAh รองรับชาร์จไว 33W
ระบบปฏิบัติการ : Funtouch OS 11 บน Android 11 เจ้า V20 Pro ก็ได้อัพเดต เร็วๆ นี้เช่นกัน
Bluetooth 5.1,
NFC
USB Type-C 2.0
อุปกรณ์ภายในกล่องมีดังต่อไปนี้
หูฟังแบบ Port Aux
สายชาร์จ แบบ USB-C
Adapter Vivo FlashCharge 2.0 33W
Case ใส (ไม่หนามาก กำลังดีจับถนัด)
ที่จิ้มเปลี่ยนซิม และคู่มือการใช้งาน
มาเริ่มกันที่ Design ของตัวเครื่องครับ สีที่แก้วได้มานั้น ชื่อว่า Sunset Melody ที่เป็น Combination ระหว่าง สีน้ำเงิน สีส้ม สีชม ไล่ระดับกัน เหมือนสีของท้องฟ้า ยาวอาทิตย์ตก ตามชื่อเลยครับ
มาพร้อมเทคโนโลยี AG Matte Glass และ Anti Fingerprint ช่วยลดการเกิดลายนิ้วมือบนเครื่อง ให้ผิวเรียบ ถือถ่ายรูปสบายเลย
หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ อัตราส่วน 20:9 ความละเอียด 408ppi พร้อมเร่งแสงสว่างได้สูงถึง 430 nits สู้แสงตอนกลางวันสบายๆ และความบางตัวเครื่องเพียง 7.48 mm เท่านั้น ( ในรุ่น Sunset Melody )
ชุดกล้องหลักของ Vivo V20
- กล้องหลัก Sensor GW1 / f1.9 ความละเอียด 64MP | พร้อม EIS
- กล้อง Ultra-wide + macro 8 MP (f/2.2) (โฟกัสใกล้สุด 2.5cm) องศารับภาพ 120 ํ
- กล้อง Mono 2MP
- Flash LED 2 ดวง
เริ่มกันที่ความละเอียดสูงสุดของกล้องหลัก 64MP กันก่อนเลยครับคงไม่มีอะไรต้องพูดกันเยอะเนาะ
Sensor GW1 ผ่านมือการ Calibrate และปรับแต่ง Software ของวิศวกร Vivo ออกมาไร้ที่ติ
แล้ว 64MP ตัวนี้มันใช้ได้แค่กลางวันหรือเปล่า ? แก้วมีโอกาสได้ลองถ่ายตอนกลางคืนมาให้ชม บอกเลยว่า กลางคืนก็เอาอยู่ครับ ไม่ต้องพึ่ง Night Mode ด้วยซ้ำเลย อันนี้คือสิ่งที่น่าประทับใจมากๆ
กล้องหลักของ Vivo V20 กล้องหลัก ถึงแม้จะไม่เปิด 64MP ทั้งความคม ทั้ง Dynamic Range และ Depth of Field ที่เราสามารถละลายฉากหน้าออกไปสบายๆ ด้วย f /1.9 ทำให้ภาพมีมิติมากยิ่งขึ้น
และที่สำคัญคือตัว HDR ของ Vivo V20 นั้น ทำงานได้ดีไม่ต่างจากรุ่นพี่เลย วันที่แก้วถ่ายภาพนี้ ท้องฟ้าจะขาวโพลนไปด้วยกลุ่มเมฆ แต่ HDR ช่วยดึงรายละเอียดในตัวเมฆกลับมา ทำให้ภาพมีรายละเอียดที่ดียิ่งขึ้น
มาต่อกันที่กล้อง Super wide angle กันบ้าง ที่ให้ความกว้างถึง องศารับภาพ 120 ํ เท่ากัน (ใช้แทน Macro ได้ด้วยนะครับ โฟกัสใกล้สุด 2.5cm ได้ด้วย ) ความละเอียด 8MP ที่บางคนอาจจะมองดูว่าน้อยไปหน่อย แต่เพียงพอกับการใช้งานครับ
มุมภาพกว้างสะใจ แถม HDR ยังทำงานได้ดีบนกล้อง Super wide angle ตัวนี้เช่นกันครับ
เปรียบความกว้างของมุมภาพให้ชมกันระหว่าง กล้องหลัก กับ กล้อง Super wide angle
เอากล้อง Super wide angle มาใช้แทน Macro โฟกัสใกล้สุด 2.5 cm แถมยังให้ DOF ที่สวยงามมาก ละลายหลังแบบเป็นธรรมชาติ และรายละเอียดครบทีเดียว
หลายคนสงสัยว่า ตัวนี้ไม่มีเลนส์ Telephoto มาให้แบบ X50 Pro 5G จะรอดไหม บอกเลยว่าพลังของ GW1 64MP ช่วยให้มันรอดได้ครับ คมด้วย Bokeh สวยด้วย
เอาล่ะครับมาดู Mode Portrait กันบ้างดีกว่า ว่าจะเป็นยังไงบ้าง ?
การละลายฉากหลัง การเก็บขอบของเส้นผม และเกลี่ยสีผิว ทำได้ดีเหมือนตัว Pro
ขนาดว่าผม ของนางแบบปลิวๆ แบบนี้ ยังสามารถเก็บขอบได้อย่างสวยงามเลย
และ แน่นอนว่าเป็น Vivo ก็ต้องมี AI Portrait Lighting หลังขาวดำ สีรุ้ง ที่คุ้นเคยครับ
วันฟ้าหม่น เมฆฝนครึ้ม ไม่ใช่ปัญหากวนใจอีกต่อไป เราใช้ AI Sky Replace เปลี่ยนฟ้าแย่ๆ ให้สดใสได้ ในไม่กี่วินาทีเท่านั้น แล้วแก้วจะบอกว่า ใช้ได้กับภาพที่ถ่ายจาก " ทุกโหมด " เลยนะ ฉากหลังเบลอ ก็ยังทำได้
นอกจากนั้นยังมี Bokeh ให้เลือกใช้ในการถ่าย Portrait อีกหลากหลายแบบเลย
มาดูภาพจากกล้องหน้า 44MP กันบ้างครับ ด้วยความที่ Vivo V20 ไม่ได้มีกล้อง Super wide angle ในกล้องหน้า ก็จะมีแค่ระยะเดียวเท่านั้นนะครับ
AI Portrait Lighting ก็มีมาให้เหมือนเดิมครับ ในกล้องหน้า โฟกัสนี่เข้าดวงตาดีจริงๆ ด้วย Eye Auto Focus จับดวงตาได้ดีตลอด ไม่มีหลุดโฟกัสแน่นอน
มาดูภาพ Selfie ในที่แสงน้อยกันบ้าง Vivo V20 มี AI Soft light band ช่วยเติมแสงให้กับใบหน้าเวลา Selfie ถ้าดูจากภาพเปรียบเทียบนี้จะเห็นว่า มันช่วย ลดเงาที่เกิดขึ้นจากแสงไฟบนใบหน้า และทำให้สีผิวเนียนเสมอกันมากขึ้นด้วย
Super Night Selfie ก็ให้ใบหน้าที่เนียน ภาพสว่าง หรือจะใช้ Soft light Band Selfie ช่วยเติมแสง แล้วละลายฉากหลังให้มีมิติ ก็ทำได้ตามใจชอบเลย ดูดีทั้ง 2 แบบครับ
Super Night Mode คือสุด ไม่ต่างจากรุ่นพี่ตัว Pro เลย สามารถใช้ได้ทั้ง กล้องหลัก และ กล้อง Super wide angle รายละเอียดภาพ ความสว่าง คือ ทำออกมาได้ดีงามมาก แทบจะแอบประมวลผลภาพ นานกว่าตัว Vivo V20 Pro นิดนึง น่าจะเพราะ CPU ที่ต่างกัน
รายละเอียดของภาพที่ถ่ายด้วย Night Mode ในกล้องหลัก ต้องใช้คำว่า ไม่รู้จะติยังไงดี สีตรงภาพคม
และ Filter สำหรับภาพกลางคืนสวยๆ ช่วยปรับ Mood & Tone ให้ภาพแต่ล่ะใบ Unique ยิ่งขึ้น
มาดูงาน Video กันบ้างครับ เริ่มที่กันสั่นก่อนเลย ถึงแม้ตัวนี้จะไม่มี Gimbal แบบ X50 Pro แต่บอกเลยว่ากล้องหลังเนี่ย แค่ EIS ก็นิ่งมากๆ ความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ 4K 30fps ทั้งกล้องหน้า กล้องหลังเลยครับ แค่นี้ก็พอแล้ว ถือดีๆ หน่อยนี่ ถ่าย Vlog สบายเลยล่ะ
เปลี่ยนสี Background ของภาพให้เป็นขาวดำ ใน Video ก็สามารถทำได้ทั้งกล้องหน้า กล้องหลังเลยนะ
หรือ จะเป็นการถ่าบ Video แบบละลายฉากหลัง ทั้งกล้องหน้า กล้องหลังเลย
อีกหนึ่ง Highlight ที่น่าสนใจก็คือ กล้องหน้า สามารถถ่าย Slow Motion ได้ด้วยนะครับ
กล้องหน้าก็มีโหมดกันสั่นที่เรียกว่า SteadiFace Selfie Video นิ่งใช้ได้เลยทีเดียว
หรือจะเป็นการถ่าย Video กล้องหน้า กล้องหลังพร้อมกันก็ทำได้ครับ
ปิดท้ายด้วย Features ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ลองเล่น นั่นก็คือ Memory Recaller นั่นเอง เปลี่ยนภาพประทับใจในอดีตที่อาจจะไม่คมชัด ให้ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง ง่ายๆ แค่ปลายนิ้วสัมผัส ภาพที่ใช้ก็เป็น ภาพวัยเด็กของนางแบบเรานี่เองครับ
Opinion & Overview
สำหรับแก้ว Vivo V20 ถึงแม้จะเป็นรุ่นเล็กใน V-series ที่ลด CPU และตัด Module 5G ออกไป แต่นอกนั้น มีประสิทธิภาพทัดเทียมรุ่น Vivo V20 Pro 5G ได้เลยในแทบทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องกล้องเนี่ย แทบจะเหมือนกันในทุกๆ ส่วนเลย ในราคาเบาๆ หมื่นกว่าๆ เท่านั้น ที่ใครๆ ก็เป็นเจ้าของได้ ที่ https://www.vivo.com/th
ถ้าคุณไม่ได้ ซีเรียสเรื่องความเร็วเครื่อง และการใช้ 5G แต่อยากได้ Smartphone ที่มีกล้องดีๆ ทั้งหน้าหลังไว้ใช้ V20 คือคำตอบครับ
[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ]
IG : kaew.ravie
กำลังตัดสินใจอยู่ระหว่าง Vivo V20 กับ Mi 10T Pro ตัวไหนน่าใช้กว่ากัน ถ้าต้องการไว้ใช้ถ่ายรูปสวยๆ