สวัสดีครับทุกคน กลับมาเจอกับแก้ว และ Smartphone จากทางแบรนด์ vivo กันอีกครั้งนะครับ โดยในช่วงปลายปีแบบนี้ vivo ก็จะออก vivo V Series ในรุ่นคุ้มค่าออกมากระตุ้นตลาดกัน อย่างในปีนี้ ก็คือ vivo V29e 5G ตัวนี้นั่นเองครับ ที่สำคัญ ยังได้ Aura Light Portrait 2.0 เหมือนรุ่นพี่ด้วยนะ เดี๋ยวเรามาดูกันว่า จะถ่ายสนุก เหมือนรุ่นพี่ไหม ? ไปชมรีวิวกันครับ
SPECIFICATION
Chipset : Qualcomm Snapdragon 695
RAM 12GB + Extended Ram 3.0 8GB | Storage 256GB
Display : 6.67-inch AMOLED | DCI-P3 100% | 120Hz | FHD+
Operation system : Funtouch OS 13 | Android 13
Fine quality mono speaker
Bluetooth 5.1 | USB Type-C 2.0 | Wifi5
Battery 4800mAh | 44W FlashCharge
WHAT'S IN THE BOX : อุปกรณ์ภายในกล่อง
- เครื่อง vivo V29e 5G
- 44W Adapter Charge | USB-C Cable
- Protection Case Transparent
- Protection Film
- Sim Card Ejector
- Manual Guide
DESIGN : การออกแบบ
งานออกแบบตัวเครื่องของ vivo V29e 5G นั้น ถ้าเราดูในภาพรวมแล้ว จะมีหลายส่วนที่เหมือนกับรุ่นพี่ vivo V29 5G ที่เปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ก็มีหลายส่วนที่ดูแตกต่างกัน และพอได้ใช้งานมาสักพักหนึ่ง แอบจะรู้สึกชอบ Design ของเจ้า vivo V29e 5G ตัวนี้มากกว่าอีก
การจัดวางสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวเครื่องก็ค่อนข้างคล้ายกันมาก แต่รายละเอียดของส่วน Module กล้องจะมีความแตกต่างกันนิดหน่อย คือ จะมีขนาดที่เล็กกว่า และสีของฐาน Module จะเป็นสีเดียวกับตัวฝาหลังนะครับ
สีตัวเครื่องที่วางจำหน่าย จะมีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีฟ้ากลาเซียร์ (Ice Creak Blue) และ สีดำฟอเรสท์ (Forest Black) ซึ่งผิวสัมผัสบนฝาหลังจะแตกต่างกัน ถ้าเป็นสี Ice Creak Blue จะเป็นการทำสีแบบ Glossy ที่มี Effect สะท้อนแสง เหมือนผิวของธารน้ำแข็ง ซึ่ง สวยมากสาว ๆ น่าจะชอบกัน
และอีกสี อย่าง Forest Black จะเป็นสีดำ ที่มีความอมเขียวนิด ๆ เวลาโดนแสง จะสะท้อนขึ้นมาเป็น เม็ด Glitter ระยิบระยับเต็มไปหมด พร้อมผิวสัมผัสจะเป็นแบบ เรียบลื่น ป้องกันรอยนิ้วมือได้ดี และวัสดุตัวฝาหลังของทั้ง 2 สี จะเป็น AG Glass แบบ 2.5D เหมือนกันทั้งคู่ครับ
Frame ตัวเครื่องจะเป็นแบบ Flat หรือแบบเรียบแล้ว หมายความว่า vivo V29e 5G เครื่องนี้หน้าจอ ก็จะเป็นจอแบนนั้นเอง โดยที่ความบางเพียงแค่ 7.69 มม. และน้ำหนัก 190 กรัมเท่านั้น รองรับ IP Rating IP54 และ Build Quality ที่แน่นหนา
ด้านล่างก็จะเป็นที่อยู่ของ Port USB-C 2.0 | ช่องใส่ Sim | ไมโครโฟน | ลำโพงแบบ Mono Speaker ซึ่งคุณภาพอาจจไม่ได้ดีเท่า vivo V29 5G แต่ก็ถือว่าใช้ได้ Sound Stage อาจจะไม่ได้กว้างอะไรมากนัก แต่ทดแทนด้วยเสียง Bass และ ความดัง ที่สามารถปรับได้สูงสุดถึง 150%
DISPLAY : หน้าจอแสดงผล
หน้าจอของ vivo V29e 5G จะมีขนาดอยู่ที่ 6.67 นิ้ว ซึ่งจะมีขนาดเล็กกว่า vivo V29 5G อยู่เล็กน้อย แต่สำหรับแก้วแล้ว ถือว่าเป็นขนาดที่ดี ใช้งานมือเดียวได้สะดวก ไม่ต้องเอื้อมนิ้วมากก็สามารถ Touch ได้ทั่วหน้าจอ และขอบหน้าจอก็ถือว่าบางเป็นอันดับต้น ๆ ของระดับราคานี้เลยก็ว่าได้
ส่วน Panel หน้าจอจะเป็น AMOLED มี Resolution อยู่ที่ FHD+ มีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 120Hz ความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 1,150 nits แต่ค่า PPI ของหน้าจอจะต่ำกว่า vivo V29 5G อยู่เล็กน้อยนะครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
สำหรับคนที่ใช้จอ Smartphone ใน การ Prove สีงาน Artwork หรือ เช็ค Grading สีงานวีดีโอต่าง ๆ vivo V29e 5G มีขอบเขตสีระดับ DCI-P3 100% และยังสามารถ ปรับแต่ง Color Profile ของหน้าจอได้อย่างอิสระด้วยนะครับ
คุณภาพในการแสดงผล ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีมาก ๆ สีสันสวย Contrast ดี ซึ่งอย่างที่แก้วบอกไปข้างต้นว่า Pixel Density อาจจะต่ำกว่า vivo V29 5G ที่อยู่ที่ 452 PPI แต่ตัวนี้อยู่ที่ 394 PPI ซึ่งตัวเลขนี้ ก็ยังเยอะกว่า vivo V27 5G นะครับ
Feeling ในการ Touch ของหน้าจอนั้น ก็ถือว่าตอบสนองได้รวดเร็วดี เกือบ ๆ จะเท่ารุ่นพี่ vivo V29 5G แล้ว และ พอเป็นจอ Flat แบบนี้ หลาย ๆ คนที่เคยไม่ชอบจอโค้ง เพราะกลัวว่าจะเกิดอาการลั่น ตัวนี้ จบปัญหานั้นได้แน่นอน Animation ต่าง ๆ ของ FuntouchOS 13 ก็ทำได้ดี เวลาเรา Scroll หน้า Feed Social Media ต่าง ๆ ทำได้อย่างลื่นไหลที่ 120Hz เลยครับ
เวลาเอาไปใช้งานในด้าน Entertainment การรับชม Content บน Platform ต่างๆ จะได้ความละเอียดสูงสุดใน บาง Application เท่านั้น เช่น Netflix , Prime Video จะได้ที่ HD เพราะ Security Level เป็น L1 ส่วน YouTube สูงสุดที่ดูได้จะเป็น 1080p 60fps นะครับ
การใช้งานนอกบ้าน ในสภาพแสงที่แดดแรง ๆ ของบ้านเรา บอกเลยว่าเอาอยู่ครับ Peak Brightness ที่เขาให้มาอยู่ที่ 1,150 ที่ถือว่าเป็นอันดับต้น ๆ ของช่วงระดับราคานี้เลย บางรุ่นที่แพงกว่านี้ ความสว่างหน้าจอยังไม่ได้เท่านี้เลยนะครับ เรื่องสู้แดดเนี่ย สบายหายห่วง
รูปแบบการปลดล็อคหน้าจอ จะเป็น Under display optical fingerprint หรือการสแกนนิ้วใต้จอ แบบ Optical นั่นเอง ซึ่งมี Response ที่รวดเร็ว สแกนติดได้ง่าย ตำแหน่งในการจัดวางตัว Sensor ก็สูงกำลังดี ไม่ต่ำจนเกินไป
CAMERA : กล้องถ่ายภาพ
เราจะมาต่อกันที่เรื่องของกล้องถ่ายภาพกันนะครับ ชุดกล้อง ของ vivo V29e 5G ในเรื่องของ Sensor จะมีความแตกต่างจากรุ่นพี่ค่อนข้างเยอะ โดยจะมีกล้องหลัง 2 ตัว และ กล้องหน้า 1 ตัว ดังนี้ครับ
- Main Camera 50MP | f/1.79 | OMNIVISION OV64B | AF
- Ultra Wide Angle 8MP | f/2.2 | 116 ํ | Fix-Focus
- Front Camera 50MP | ISOCELL JN1 | f/2.0 AF | Focal Length 22mm
MAIN CAMERA : กล้องหลัก 50MP | OV64B
เรามาเริ่มดูภาพจากกล้องหลัก ความละเอียด 64MP ที่ใช้ Sensor OV64B ตัวนี้กันเลยนะครับ ลักษณะของภาพที่เราจะได้จากกล้องตัวนี้ จะมีความต่างจากกล้องหลักของ vivo V29 5G ที่ใช้ Sensor ISOCELL GN5 อยู่พอสมควร คือ เขาจะพยายาม Process ออกมาให้ดูสำเร็จรูปมากกว่า แบบพร้อมจะลง Social Media ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการเติม Sharpness หรือเพิ่มความคมให้กับตัวภาพที่มากกว่า และ สีสันที่มีความสดกว่าค่อนข้างมาก
รวมไปถึงใน vivo V29e 5G เราไม่สามารถจะปรับ Color Profile เป็น Natural Tone เหมือนใน vivo V29 5G ได้นะ ใครที่อยากได้ภาพที่มีสีธรรมชาติ ไม่ฉูดฉาดมาก อาจจะชอบรุ่นพี่มากกว่า
ตัว Auto White Balance ก็ถือว่าทำได้โอเคเลย ในสภาพแสงที่ดี ๆ ถ่ายกลางแจ้ง ในวันที่ฟ้าเปิด สีสวยตรงดีเลย แต่วันที่ฟ้าปิด เมฆเยอะ ๆ หรือในที่แสงน้อย จะรู้สึกว่า WB จะโทน Warm เข้ามาพอสมควรนะ
Auto Exposure ของ vivo V29e 5G เหมือนเขาจะวัดแบบ ติด Under ประมาณ 1 stop อยู่ตลอดเวลา ทำให้ถ้าเราปิด Auto HDR ไปเนี่ย Dynamic Range จะค่อนข้างแคบลงพอสมควร แต่อันนี้แก้ว แต่คิดว่า พอ Software ขายจริงอัพเดตมา น่าจะลงตัวมากขึ้น
Depth of field หรือการถ่ายภาพละลายฉากหลัง จุดนี้เป็นจุดที่ vivo V29e 5G อาจจะทำได้ดีกว่ารุ่นพี่ vivo V29 5G เพราะว่า สามารถจะเข้าใกล้วัตถุได้มากกว่าพอสมควร และเมื่อใช้งานร่วมกับการ Digital Zoom ในระยะ 2x ถึง 3x จะชัดมาก ๆ
การเลือกมาพัฒนา Software ในการ Digital Zoom ให้ได้รายละเอียดดี มี Noise ที่ต่ำ แทนที่จะใส่เลนส์ Macro 2MP มาให้ แก้วถือว่าเป็น Choice ที่ vivo เลือกได้ดี และใช้งานจริงหวังผลได้เลยครับ
PORTRAIT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพบุคคล
ทีนี้เรามาต่อกันที่การถ่ายภาพ Portrait กันบ้างนะครับ ใน vivo V29e 5G เครื่องนี้ เราสามารถถ่ายภาพ Portrait ได้ใน 2 ระยะ เหมือนกับรุ่นพี่ ก็คือ 1x และ 2x นะครับ ซึ่งระยะ 2x จะเป็นการ Crop on sensor นะครับ
แน่นอนว่าระยะที่แก้วชอบที่สุด ก็คงยังเป็น 2x เหมือนเดิมนะครับ คุณภาพไฟล์ใน Mode Portrait ทำออกมาได้ค่อนข้างดีใกล้เคียงกับรุ่นพี่ ตัว Skintone จะมีความแตกต่างจาก vivo V29 5G เล็กน้อย คือจะ สีผิวจะสดกว่า และ Texture ผิวจะชัดกว่าด้วย
Beauty Mode ก็ยังมีตัวเลือกในการปรับแต่งมาให้เราเยอะเหมือนเคย แต่ในรุ่นนี้ แก้วไม่ค่อยชอบ การปรับ Beauty Mode แบบ Natural แบบ Auto สักเท่าไร มันดูปรับน้อยไปนิดหนึ่ง เห็น Texture ผิวค่อนข้างชัด ส่วนใหญ่แก้วก็เลยจะปรับ Smooth เพิ่มขึ้นมาประมาณ 40%
ความแม่นยำในการตัดขอบละลายฉากหลัง ก็แม่นยำใช้ได้ มีการไล่ระดับการเบลอ ก็ทำได้ดีไม่แพ้กับรุ่นพี่ vivo V29 5G แต่ว่า ในระยะ Portrait 2x ถ้าฉากหลังรก ๆ หรือรายละเอียดเยอะ จะยังมีการตัดขอบที่หลุด ๆ ให้เราเจอได้บ่อยกว่า vivo V29 5G อยู่นะครับ
แต่เวลาเราถ่ายภาพ Portrait ถ้าเราเปิดทั้ง Beauty Mode เปิดทั้งการละลายฉากหลัง และใช้ระยะ Zoom 2x ในการถ่ายด้วย ระยะเวลาในการประมวลผลภาพ Preview หลังจากกดถ่ายไปแล้ว จะช้านิดหนึ่ง คิดว่า น่าจะมาจาก Performance ของตัว Snapdragon 695 ที่ไม่ได้แรงเท่า Snapdragon 778G
เวลาถ่ายภาพ Portrait แบบย้อนแสง Software HDR ก็ทำงานได้ค่อนข้างดีเลยครับ หน้าไม่มืด ฉากหลังไม่จม แต่ในส่วนมืดของภาพจะมี จุดรบกวน หรือว่า Noise ปรากฏขึ้นมาบ้างเล็กน้อยครับ
ULTRA WIDE ANGLE : กล้องมุมกว้าง 8MP | FOV 116˚
มาต่อกันที่กล้อง Ultra Wide Angle หรือกล้องมุมกว้าง ความละเอียด 8MP แบบ Fix Focus ตัวนี้กันบ้างครับ คุณภาพไฟล์ก็ผ่านมาตราฐานของ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8MP ตามปกติ ถ้าต้องให้คะแนน ก็คงให้เท่ากับ vivo V29 5G ครับ คือ 7/10
สีสันของภาพที่ได้มีความตรงกับกล้องหลักมาก ๆ ในทุกสภาพแสงเลย เอาจริง ๆ พอแก้วไปหยิบ vivo V29 5G มาลองถ่ายเทียบกัน คุณภาพของกล้องตัวนี้แทบไม่ต่างกันเลยครับ เวลาย้อนแสง Software Auto HDR ก็ใช้ได้
ความกว้างของกล้อง Ultra Wide Angle ตัวนี้ อยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ได้กว้างมาก อยู่ที่ 116 ํ พื้นที่ 80% ในส่วนกลางภาพ รายละเอียดดี คมชัด ส่วนประมาณ 5% ตามขอบภาพทั้ง 4 ด้านจะเจออาการ Soft อยู่บ้างครับ แต่ Distortion จัดการมาได้ดี และ Chromatic Aberration อาการขอบเขียว ขอบม่วง ก็ไม่มีเลยครับ
FRONT CAMERA : กล้องหน้าความละเอียด 50MP | JN1
นี่คืออีกหนึ่งจุดที่ vivo V29e 5G จัดหนัก จัดเต็มไม่แพ้รุ่นพี่เลย ได้ Sensor ตัวเดียวกัน คุณภาพไฟล์ใกล้เคียงกันมาก ๆ เวลาใช้งานภาพนิ่ง และน่าจะเป็นอันดับต้น ๆ ในช่วงราคานี้ที่ให้กล้องหน้า Spec ขนาดนี้มา องศาในการรับภาพกว้าง 22mm หรือ 0.8x การ Selfie ในระยะแบบยื่นสุดแขนนั้น Frame ภาพที่ได้จะกว้างมาก เห็นรายละเอียดในฉากหลังได้ครบถ้วน
หรือใครที่ไม่ชอบกล้องหน้า ที่กว้างเกินไป เราสามารถจะเลือก Zoom ได้ด้วย โดยจะมีระยะ Zoom ให้ทั้งหมด 2 ระยะ คือ 1x | 2x และ Software Bokeh ละลายฉากหลัง ยังทำให้ในทุกระยะด้วยนะครับ
การ Selfie ในที่แสงน้อย แล้วมีการเปิดไฟ Flash ของกล้องหน้าขึ้นมา ช่วยเกลี่ยความสว่างได้ทั่วใบหน้าดีมาก คุณภาพไฟล์ก็จะดีขึ้น ภาพไม่แข็ง และจุดรบกวนต่ำ
การละลายฉากหลัง อาจจะไม่ได้มีการไล่ระดับที่ดูแนบเนียนเท่ากับ กล้องหลัง แต่ถ้าสภาพแสงดี ๆ ฉากหลังไม่รกมาก ตัดขอบ คือ เนียนกริ๊บ และ Beauty Mode ในกล้องหน้า แก้วแนะนำให้เปิดใน Mode Classic ผิวจะดูใสกว่า Natural ค่อนข้างเยอะเลยครับ
NIGHT TIME PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพกลางคืน
เดินถ่ายภาพมาได้ 2-3 ชั่วโมง พอแดดร่ม ลมตก ก็ได้เวลาที่ Aura Light Portrait 2.0 ตัวนี้ จะแสดงพลังสักที ใน vivo V29e 5G นั้น ขนาดของวงแหวน Aura Light จะเล็กกว่า vivo V29 5G อยู่เล็กน้อย แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไป เพราะกำลังไฟ และแสงสว่างที่ได้นั้น แรงไม่ต่างกัน
จุดประสงค์ในการใช้งาน Aura Light ตัวนี้ ของแก้ว จะมีด้วยกันหลัก ๆ 2 สถานการณ์ อันแรก ก็คือ ในสถานการณ์ที่ แสงสว่างในขณะนั้นไม่เพียงพอ เช่น การถ่ายภาพ Portrait ช่วงกลางคืน การถ่ายภาพในสถานที่ ที่เป็น Indoor มีแสงเข้ามาได้น้อย การเปิด Aura Light ก็จะทำให้ภาพสว่างขึ้น และ ลดโอกาสการเกิดจุดรบกวนในภาพลงไปได้มาก
สถานการณ์ที่ 2 ก็คือ เวลาที่เราไปตามสถานที่ต่าง ๆ ในเวลากลางคืน ที่มันมีแสงไฟ Ambience Light โดยรอบเยอะ ๆ เข้ามากวนตัวแบบ เช่น ตามตลาดกลางคืน ร้านอาหาร หรือ Night Club ต่าง ๆ การมี Aura Light จะช่วยลด Effect จากแสงเหล่านั้น ที่ทำให้สีผิวเพี้ยน ออกไปได้เป็นอย่างดีเลย
และ ความแรงของไฟ Aura Light ในเวอร์ชั่นนี้ ก็สบายหายห่วง เราสามารถจะใช้ ระยะ Crop Zoom 2x ในการถ่ายภาพคนได้สบาย แสงไฟแรงพอ ส่งไปถึงตัวแบบแน่นอนครับ
นอกจากนั้นก็มี Portrait Style ให้เราเลือกใช้งาน คู่กับ Aura Light ได้ด้วย หรือจะใช้ Filter สีสันต่างๆ คู่กับไฟ Aura Light ก็ทำได้เช่นเดียวกัน
ทีนี้เรามาดูภาพจาก Night Mode ตามปกติกันบ้างนะครับ เราสามารถใช้งาน Night Mode ได้ใน 3 กล้องด้วยกัน ก็คือ กล้องหลัก | กล้อง Ultra Wide Angle และ กล้องหน้า
คุณภาพของ Night Mode ในกล้องหลักนั้น ตัวเนื้อไฟล์ และความสว่าง ทำออกมาได้ดีพอ ๆ กับรุ่นพี่เลย แต่ว่า ระยะเวลาในการเปิด ชัตเตอร์ และการประมวลผลภาพ จะค่อนข้างนานกว่าชัดเจน เช่น ถ้า vivo V29 5G ใช้ 2 วินาที vivo V29e 5G จะใช้ประมาณ 3 วินาที
อีกหนึ่งสิ่งที่แก้วรู้สึกว่า Night Mode ในกล้องหลักนั้น ดีไม่แพ้กับรุ่นพี่ ก็คือ เราสามารถเอา Mode Portrait มาใช้ในการถ่ายภาพทั่วไปเวลากลางคืน แล้ว Night Mode จะทำงานอยู่เบื้องหลัง บางครั้งเราอยากได้ภาพสิ่งของละลายฉากหลังเป็น Bokeh สวย ๆ ตัวนี้ก็ทำได้
Night Mode ในกล้องหลัก เราสามารถจะ Crop zoom 2x ได้ด้วย แต่คุณภาพไฟล์ จะค่อนข้างลดลงชัดเจนนะครับ แนะนำว่า ใช้ 1x แล้วเอามา Crop ภาพภายหลังคุณภาพไฟล์จะดีกว่า
Night Mode ในกล้อง Ultra Wide Angle นั้น คุณภาพ ถือว่าตามมาตรฐานครับ ให้รายละเอียดที่ดี สว่างขึ้นประมาณหนึ่ง มีการ เติม Clarity เติม Sharpness เข้ามาให้ภาพดูคมขึ้น สามารถเอา Filter สีสันต่าง ๆ มาใช้สร้างความน่าสนใจให้กับภาพเพิ่มเติมได้
มี Mode การถ่าย Super Moon มาให้เหมือนรุ่นพี่ด้วยนะครับ แต่แอบเสียดาย ระยะการ Zoom ที่ให้มาน้อยไปหน่อย มีให้แค่ 10x เท่านั้น ถ้าได้สัก 30x พระจันทร์คงจะใหญ่เต็มตากว่านี้มากเลย
RAW FILE PERFORMANCE | ประสิทธิภาพ RAW FILE
สำหรับ vivo V29e 5G ตัวนี้ การถ่ายภาพด้วย RAW File จะสามารถใช้งานได้แค่กล้องหลักเท่านั้น ซึ่งคุณภาพไฟล์ของ RAW File ต้องบอกว่า ใช้งานได้โอเค แต่เมื่อเทียบกับ RAW File จาก Sensor ISOCELL GN5 ที่อยู่ใน vivo V29 5G ในแง่ของ Dynamic Range นั้น รุ่นพี่ยังทำได้ดีกว่ามาก
ทำให้การจะใช้งาน RAW File ใน vivo V29e 5G นั้น เราอาจจะต้อง ใส่ใจในเรื่องของการวัดแสงเพิ่มเติมสักหน่อย ระวังไม่ให้ Highlight สว่างเกินจน Detail หาย หรือ Shadow ทึบเกิน จนขุดขึ้นมาแล้ว Noise เยอะ
ถ้าจะให้ดี แก้วแนะนำให้พยายาม ควบคุม ISO ไม่ให้เกิน 400 และใช้การควบคุมแสงผ่าน Shutter Speed จะทำให้เนื้อไฟล์ตั้งต้นที่ได้นั้น Dynamic Range กว้าง Noise ต่ำ เวลาเอามา Process ต่อไฟล์ก็จะไม่ช้ำง่ายนั่นเองครับ
VIDEOGRAPHY การถ่ายวิดีโอ
ตอนนี้ทุกคนก็ได้เห็นภาพนิ่งจากกล้องหลัง และกล้องหน้ากันไปครบถ้วนแล้วนะครับ เราจะมาต่อกันที่การ Video กันบ้างนะ สำหรับการถ่ายวีดีโอใน vivo V29e 5G ตัวนี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่โดดเด่นมากนัก เพราะว่า Resolution สูงสุด จะได้เพียงแค่ Full HD เท่านั้น เนื้อไฟล์ก็ถือว่าพอใช้ได้ ถึงแม้ Frame Rate สูงสุดจะได้ที่ 60fps ก็ตาม ในส่วนของตัวกันสั่นที่เขาใส่มาให้ แก้วรู้สึกว่า เหมือนมันไม่ Active ในการถ่าย Video สักเท่าไหร่ เวลาที่เปิด Mode ภาพนิ่งแล้ว แพนไปมา ยังรู้สึกว่านิ่งกว่า ซึ่งจุดนี้แก้วไม่แน่ใจว่า จะมีการออก Software มาปรับปรุงให้หรือเปล่านะครับ
PERFORMANCE | ประสิทธิภาพ
แก้วเชื่อว่า หลาย ๆ คนจะมีข้อสงสัยกันว่า Chipset Snapdragon 695 กับ RAM 12GB ใน vivo V29e 5G นั้น กับการใช้งานจริงในปี 2023 แบบนี้ สามารถจะให้ประสบการณ์ได้ดีสักแค่ไหน ซึ่งหลังจากแก้วใช้งานเครื่องนี้มาประมาณ 2 สัปดาห์ สำหรับการใช้งานทั่วไป ยังเอาอยู่สบาย ๆ
หรือจะเป็นการใช้งานที่มีความซับซ้อน มากขึ้นมาอีกหน่อย เช่น การเปิด แอปพลิเคชัน พร้อมกัน 2 แอป ด้วยการแบ่งหน้าจอ ยังสามารถใช้งานได้ดีอยู่ ความลื่นไหล ความเร็วในการ Refresh ในแต่ละจอนั้น ทำได้ดี แต่ Refresh Rate จะลดลงจาก 120Hz ไปอยู่ที่ 60Hz เท่านั้น
การใช้งานด้าน Entertainment ต่าง ๆ ก็ค่อนข้างโอเคเลยนะ ไม่ว่าจะเป็น YouTube , Netflix , Prime Video ดูภาพสวยคมชัด ที่ความละเอียดสูงสุด แต่ว่าจะขาดเรื่อง HDR10+ ไปนะครับ แล้วก็ลำโพงเดี่ยวที่ให้มาเสียงดังมาก ๆ แต่ต้องยอมรับว่าคุณภาพไม่ได้ดีเท่ากับรุ่นพี่ vivo V29 5G นะ
ในเรื่องของการเล่นเกม Chipset Snapdragon 695 ก็สามารถที่จะเล่นเกมในแนว Casual หรือ เกมที่กราฟิกไม่ได้สูงมากนักได้ค่อนข้างดี อย่างเกมที่แก้วนำมาทดสอบก็จะเป็น Luna Online Origin และ Ragnarok Origin
ถ้าเป็น Ragnarok Origin เราจะสามารถปรับกราฟิกได้สูงสุดที่ประมาณ HD โดยที่ Frame Rate ไปตกลงไปกว่า 30fps แต่ถ้าต้องการเล่น 60fps นิ่ง ๆ ต้องปรับอยู่ที่ประมาณ Low หรือ Medium นะครับ
ส่วน Luna Online Origin ที่ไม่ได้มีกราฟิกสูงมาก และใช้ทรัพยากรเครื่องน้อยกว่า สามารถจะปรับภาพได้ที่ความละเอียดสูงสุด พร้อมกับ Effect ต่าง ๆ ได้เต็มที่เลยครับ
ในส่วนของ Battery Life ก็ยังคงเจริญรอยตามรุ่นพี่ไป ในเรื่องของความอึด ถ้าเป็นการใช้งานทั่ว ๆ ไป ไม่ได้เล่นเกม หรือใช้กล้องมากนัก ใช้แค่การทำงาน กับตอบแชท เล่น Social Media ตัว Screen on time สูงสุดจะอยู่ที่ เกือบ ๆ 9 ชั่วโมงเลย อึดมาก ส่วนวันที่ใช้กล้องเยอะ ๆ เปิดแสงจอสว่างสุดตลอด Screen on time ก็จะลดลงมา แต่ไม่น้อยกว่า 7 ชั่วโมงครึ่งเลยครับ
ใช้เวลาในการชาร์จ ไม่นานก็ได้ Battery กลับมาพร้อมใช้งานแล้ว ด้วย vivo FlashCharge 44W
OVERVIEW & OPINION
สำหรับแก้วแล้ว vivo V29e 5G เป็นการหยิบยก ฟีเจอร์ในการใช้งานของ vivo V29 5G ทั้งในแง่ของการใช้งานตัวเครื่องทั่ว ๆ ไป ไปจนถึงกล้องถ่ายภาพ มาอยู่ใน Body ใหม่เอาใจคนที่ชอบสมาร์ทโฟนจอแบน และมี Frame ตัวเครื่องที่ Flat จับถือได้สะดวก แม้ไม่ได้ใส่เคส
ถึงแม้ลักษณะการ Design ตัวเครื่องอาจจะไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก แต่ก็มีสีตัวเครื่องที่มีลูกเล่นที่สวยงาม แปลกใหม่ไม่เหมือนรุ่นพี่ ไม่ว่าจะเป็น สีฟ้ากลาเซียร์ (Ice Creak Blue) ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก แสงสะท้อนบน ธารน้ำแข็ง หรือจะเป็น สีดำฟอเรสท์ (Forest Black) เป็นสีดำที่เราคุ้นชินกัน แต่แฝงลูกเล่นการเหลือบสะท้อนสีเขียวเอาไว้ และป้องกันรอยนิ้วมือได้ดีเหมือนเดิม
ในส่วนของกล้องถ่ายภาพนั้น ถึงแม้จะมีการเปลี่ยน Sensor หลักมาใช้เป็น Omnivision OV64B แต่ก็ได้มีการเอา ฟีเจอร์การถ่ายภาพ Portrait ที่สามารถถ่ายได้ 2 ระยะมาจากรุ่นพี่ พร้อมกับไฟ Aura Light Portrait 2.0 ที่ทำงานประสานกันได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของกล้องหน้า จุดนี้อาจจะเป็นจุดที่แก้วรู้สึก ผิดคาดไป เพราะว่าได้ Hardware ตัวเดียวกับรุ่นพี่ อย่าง Sensor ISOCELL JN1 ความละเอียด 50MP เหมือนกัน องศาในการรับภาพเท่ากัน แต่การถ่าย Video ในกล้องหน้านั้น ความละเอียดสูงสุด ได้แค่ 1080p 30fps เท่านั้น ยังดีที่คุณภาพของภาพนิ่ง ยังทำได้ดีสูสีกับ vivo V29 5G
[ ราคาวางจำหน่ายของ vivo V29e 5G ]
vivo V29e 5G จะวางจำหน่ายเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น ก็คือ 12GB + 256GB : 11,999 บาท
ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป ผ่านทาง ช่องทางการจัดจำหน่าย ดังนี้
- vivo Brand Shop ทุกสาขา - ช่องทางออนไลน์ vivo Official Store - ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
ของสมนาคุณ: V29e 5G Exclusive Box Set มูลค่า 8,389 บาท ประกอบด้วย
1) เคส 2 ชิ้น
2) VIP Card รับประกันตัวเครื่อง 2 ปี และรับประกันจอแตก 2 ปี 1 ครั้ง
[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ] Fanpage : https://www.facebook.com/mobile.fotographer IG : kaew.ravie #Mobilephotographer #โมบายโฟโตกราฟเฟอร์ #vivo #vivoV29e5G