top of page
  • รูปภาพนักเขียนแอดมินแก้ว

รีวิว vivo X100 Series 5G | รุ่งอรุณครั้งใหม่ ของ vivo X Series 5G ZEISS APO บนมือถือตัวแรกของโลก

อัปเดตเมื่อ 8 ก.พ.

สวัสดีครับทุกคน วันนี้แก้วอยู่กับ Smartphone สำหรับสายถ่ายภาพที่หลายคนรอคอยรีวิวจากแก้วกันเยอะมาก ๆ นั่นก็คือ vivo X100 Series 5G นั่นเองครับ โดยครั้งนี้เนี่ย แก้วจะรีวิวให้ชมกัน ทั้ง 2 รุ่นเลยก็คือ vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G รุ่งอรุณครั้งใหม่นี้จะสดใสสักแค่ไหน ไปดูรีวิวกันครับ

SPECIFICATION

[ CHIPSET ]

- vivo X100 Pro 5G : Mediatek Dimensity 9300 | Chip V3

- vivo X100 5G : Mediatek Dimensity 9300 | Chip V2+

[ RAM & STORAGE ]

- vivo X100 Pro 5G : RAM 16GB LPDD5X | Storage 512GB UFS 4.0

- vivo X100 5G : RAM 12GB LPDD5X | Storage 256GB UFS 4.0

[ DISPLAY ]

- vivo X100 Pro 5G : LTPO AMOLED 6.78 inches Curved Display | Resolution 1.5K | Refresh Rate120Hz | 3000nits | Optical Fingerprint Scanner |

- vivo X100 5G : LTPO AMOLED 6.78 inches Curved Display | Resolution 1.5K | Refresh Rate120Hz | 3000nits | Optical Fingerprint Scanner |

[ SYSTEM & SOFTWARE ]

- vivo X100 Pro 5G & vivo X100 5G : Funtouch OS 14 base on Android 14

[ BATTERY & CHARGING ]

- vivo X100 Pro 5G : Battery 5400mAh | vivo FlashCharge 100W | Wireless Charge 50W

- vivo X100 5G : Battery 5000 mAh | vivo FlashCharge 120W

[ CONNECTIVITY & SPEAKERS ]

- vivo X100 Pro 5G : Dual Speaker | Bluetooth 5.4 | Wifi 7 | USB 3.2 | NFC

- vivo X100 5G : Dual Speaker | Bluetooth 5.4 | Wifi 7 | USB 2.0 | NFC

WHAT'S IN THE BOX : อุปกรณ์ภายในกล่อง
  • ตัวเครื่อง vivo X100 5G | vivo X100 Pro 5G

  • Case กันกระแทกแบบนิ่ม สีใส | สีดำ

  • USB-C Cable | USB-C Dongle

  • Adapter Charge 120W

  • Sim card ejector | Manual Document

DESIGN งานออกแบบ

เรามาเริ่มกันที่การออกแบบตัวเครื่องของ vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G กันก่อนเลยนะครับ Layout ในการจัดวางสิ่งต่าง ๆ บริเวณฝาหลัง และรอบ ๆ ตัวเครื่องนั้น ค่อนข้างจะทำออกมาคล้ายกันมาก ๆ Dimension ตัวเครื่องก็พอ ๆ กัน แต่ความหนาตัวเครื่อง vivo X100 5G จะบางกว่าอยู่ที่ 8.5mm ส่วน vivo X100 Pro 5G จะอยู่ที่ 8.9mm ปุ่มเพิ่มลดเสียง และปุ่ม Power ก็จะอยู่ด้านขวาเหมือนกันครับ

สีตัวเครื่องที่แก้วนำมารีวิวให้ดูในวันนี้ จะมีด้วยกัน 2 สีนะครับ สำหรับ vivo X100 Pro 5G จะวางจำหน่ายสีเดียวเท่านั้น ก็คือ สี Asteroid Black ซึ่งแก้วเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เป็นแฟน vivo X Series น่าจะคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ vivo X70 Series 5G แล้วแหละ ให้ ผิวสัมผัสเนียนนิ้ว ป้องกันรอยนิ้วมือได้ดีมาก ๆ

และ สำหรับ vivo X100 5G จะวางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 2 สี โดยที่ ในมือแก้วตอนนี้ก็จะเป็น สีฟ้า Startrail Blue ที่ได้รับแรงบันดาลใจ มาจากภาพถ่ายท้องฟ้ายามค่ำคืน แบบ Long Exposure ที่เราจะเห็นดวงดาวหมุนเป็นวงกลมนั่นเอง ของจริง สวยกว่าที่เห็นในภาพมาก ๆ มีผิวสัมผัสที่ด้านกว่าเล็กน้อย แต่ป้องกันรอยนิ้วมือได้ดีเยี่ยมเหมือนกันครับ ( vivo X100 5G มีสี Asteroid Black วางจำหน่ายด้วยนะครับ )

DESIGN MODULE กล้องแบบใหม่

Design Module กล้องนั้น ก็เปลี่ยนมาใช้ วงกลมใหญ่ ๆ แบบนี้ โดยที่จะกระจายตัวกล้องไปรอบ ๆ ดู Symmetry ดี พร้อมกับการวาง Logo ZEISS กับ T* Coating เอาไว้ตรงกลาง และตัวกระจกครอบ Module กล้องจะใช้เป็นกระจก Gorilla Glass Victus แบบ 2.5D พร้อมเคลือบ Coating ป้องกันแสงสะท้อนมาให้อีกหนึ่งชั้น ซ่อนฟังค์ชั่น ไว้ใน Design ได้อย่างน่าสนใจ

อีกหนึ่งเอกลักษณ์ ในแง่ของ Design Language ของ vivo คือการหยิบปรากฏการณ์ธรรมชาติ มาปรับใช้กับการออกแบบสมาร์ทโฟน ซึ่งใน vivo X100 Series 5G เรื่องนี้จะถูกแฝงมาอยู่ในการออกแบบ วงแหวนรอบ Module กล้อง ที่ใช้วัสดุ เป็น Stainless Steel ขัดเงาอย่างสวยงาม ตามขอบวงแหวน จะมีการเล่น Pattern คล้าย ๆ กับขอบ Bezel ของนาฬิกาหรู จุดที่จะความแตกต่างกัน ระหว่าง 2 รุ่นนี้ ก็คือ องศาการ Curve ของ วงแหวนนั้นแตกต่างกัน

วงแหวนของ vivo X100 Pro 5G จะได้รับ แรงบันดาลใจมาจาก ปรากฏการณ์ สุริยุปราคา
วงแหวนของ vivo X100 Pro 5G จะได้รับ แรงบันดาลใจมาจาก ปรากฏการณ์ จันทรุปราคา

บริเวณด้านบนของตัวเครื่องก็จะมี Choker ที่เราคุ้นเคย Professional Photography และ ช่องไมโครโฟน วางคู่กับ IR Blaster สำหรับใช้งาน Application Remote ต่าง ๆ ครับ

ด้านล่างของตัวเครื่อง ก็จะเป็นที่อยู่ของ Port USB-C ช่องใส่ Sim Card และ ช่องลำโพง Dual Speaker มาให้ และในช่องไมโครโฟน มาให้ในทั้งสองรุ่นเลยครับ พอมองดูเครื่องในมุมนี้แล้วรู้สึกว่า ความหนาตัวเครื่องนั้น อาจจะไม่ได้ต่างกันมากนัก

Feeling ในการจับถือใช้งาน ของทั้ง 2 เครื่อง ในแง่ของความกระชับ Grip ในการจับถือจะทำได้ดีเหมือนกันทั้งคู่ แต่เรื่องน้ำหนักตัวเครื่อง ต่างกันพอสมควร vivo X100 Pro 5G จะอยู่ที่ 225 กรัม ส่วน vivo X100 5G จะอยู่ที่ 206 กรัม การกระจายน้ำหนัก ตัว vivo X100 Pro 5G ก็จะแอบถ่วง ๆ ส่วน Module กล้อง มากกว่าอยู่นิดหน่อยนะครับ Frame ตัวเครื่องจะเป็นโลหะ ที่ Build Quality กับงานประกอบคือ กริ๊บมาก ไม่รู้จะติอะไร แล้วก็ทั้งสองรุ่นได้รับการรับรอง IP Rating อยู่ที่ IP68 ด้วยนะครับ

DISPLAY : หน้าจอแสดงผล

ทีนี้เราพลิกมาดูที่เรื่องของหน้าจอกันบ้างนะครับ นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งจุดเด่น ที่พอใครได้ลองแล้ว ต้องชอบหน้าจอตัวนี้แน่ ๆ ขนาดหน้าจอของทั้ง 2 รุ่นอยู่ที่ 6.78 นิ้ว รูปแบบหน้าจอจะเป็นจอโค้งเหมือนกันทั้งคู่

Panel หน้าจอจะใช้เป็น LTPO AMOLED มี Resolution อยู่ที่ 1.5K มีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 120Hz ขอบเขตสีอยู่ที่ 1 พันล้านสี และรองรับ HDR10+ และอีกหนึ่ง Highlight ก็คือ Peak Brightness อยู่ที่ 3,000nits และ Typical brightness ที่ประมาณ 1,500nits ซึ่ง เพียงพอต่อการใช้งานในทุกสภาวะแสงแน่นอน

คุณภาพการแสดงผลของหน้าจอ ในทุก ๆ รูปแบบการใช้งานนั้น ตอบสนองเราได้อย่างดีเยี่ยมมาก ๆ นะครับ ให้สีสันที่สวย Contrast ดีมาก ๆ รองรับการรับชม Content คุณภาพสูงจากทุก ๆ Platform ยิ่งเวลามาทำงานคู่กับลำโพงคู่ ที่เสียงดีขึ้นกว่ารุ่นที่แล้วพอสมควรด้วยเนี่ย Immersive มากทีเดียว

  • Youtube 4K HDR

  • Prime Video 1080p HDR

  • Netlflix 4K HDR | L1

CAMERA SPECIFICATION

มาต่อกันที่เรื่องที่หลาย ๆ คนรอคอยกันอยู่ นั่นก็คือ เรื่องของกล้องถ่ายภาพนั่นเองนะครับ ชุดกล้องหลังของ vivo X100 Series 5G ในทั้ง 2 รุ่นนั้น จะมีจำนวนกล้อง และประเภทกล้องที่คล้ายกัน อยู่ที่ 3 ระยะ แต่ในเรื่องของ ชิ้นเลนส์ และ Sensor นั้น ต่างกันมากพอสมควรเลยเลย ไปดูกันครับ

vivo X100 5G

  • MAIN CAMERA 50MP | f/1.57 | IMX920 OIS | PDAF | Laser AF

  • ULTRA WIDE ANGLE 50MP f/2.0 | JN1 | f/2.0 | AF

  • 3x TELEPHOTO 64MP f/2.57 | OV64B | OIS | PDAF

  • FRONT CAMERA 32MP | f/2.0 | WIDE

vivo X100 PRO 5G

  • MAIN CAMERA 50MP | f/1.75 | IMX989 OIS | PDAF | Laser AF

  • ULTRA WIDE ANGLE 50MP f/2.0 | JN1 | f/2.0 | AF

  • 4.3x TELEPHOTO 50MP f/2.5 | APO | OIS | PDAF

  • FRONT CAMERA 32MP | f/2.0 | WIDE

Picture Profile ที่เราเลือกได้จาก vivo X100 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น จะมีด้วยกัน 3 แบบ ก็คือ ZEISS Natural Tone ( แก้วแนะนำตัวนี้นะ สีนวลตามาก ) แล้วก็มี Vivid ที่สีสดหน่อย ปิดท้ายด้วย Textured ซึ่ง Profile สุดท้ายเนี่ย จะมี Clarity และ Sharpness ที่เยอะ เหมาะกับการถ่ายภาพที่เน้น Detail จัด ๆ นะ

อย่างที่ทุกคนได้เห็นกันไปนะครับว่า มาในรอบนี้ ทั้งรุ่นน้อง และรุ่นพี่ จัดเต็ม Hardware กล้องมาก ๆ แต่ว่าถ่ายออกมาแล้ว จะได้ภาพที่สวยสักแค่ไหน ไปชมภาพจากกล้องแต่ละตัวกันดีกว่าครับ

vivo x100 Pro 5G : กล้องหลัก 50MP | IMX989 | f/1.75

เรามาเริ่มกันที่กล้องหลักของ vivo X100 Pro 5G ที่ใช้ Sensor Sony IMX989 กันก่อนเลยนะครับ สำหรับ Character ของภาพ จะค่อนข้างต่างจาก vivo X90 Series 5G เมื่อปีที่แล้ว คือในแง่ของความเป็นธรรมชาติของเนื้อไฟล์ และ Dynamic Range เนี่ย ดูจะออกมาคล้าย ๆ กัน ก็จริง

แต่ว่าเขาจะมีการเติม Contrast และ Sharpness เข้ามาเพิ่มเล็กน้อย เพื่อให้ภาพดูมีความสำเร็จรูปมากขึ้นเวลาถ่ายออกมา สามารถจะเอาไปใช้งาน ลง Social Media ได้ทันที ไม่ว่าจะใช้ Picture Profile แบบไหนก็ตามนะครับ

ตัว White Balance ก็ทำได้ดีในทุกสภาพแสงเลย ตั้งแต่วันที่ฟ้าใส ๆ ไปจนถึงวันที่ มีเมฆเยอะ ๆ หรือในสภาพแสงที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตก อุณหภูมิแสงออกมาเป็นสีเหลือง White Balance ก็จัดการให้เราได้เป็นอย่างดี ให้สีสันที่ตรง

Depth of field หรือการละลายฉากหลัง เวลาที่เราใช้การ In sensor zoom 2x ก็ให้มิติ และ Bokeh ที่สวยงามมาก ๆ และถ้าทุกคนสังเกตดี ๆ Auto HDR สามารถดึงรายละเอียดท้องฟ้ากลับมาได้ดีมาก ๆ แถมด้วย การเคลือบ T* Coating มา ทำให้ไม่มี Flare เลย

vivo x100 5G : กล้องหลัก 50MP | IMX920 | f/1.57

ทีนี้เรามาดูกล้องหลักในฝั่งของ vivo X100 5G ตัวรุ่นน้องกันบ้างนะครับ ได้ Sensor ตัวใหม่ จาก IMX 900 Series มาด้วย นั่นก็คือ IMX920 ที่ถึงแม้ ขนาด Sensor จะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ Dynamic Range ที่ได้ ไม่น้อยหน้ารุ่นพี่ ที่ใช้ IMX989 เลยครับ

ส่วนลักษณะในการ Post Process ไฟล์ภาพ ทั้งสีสัน และการทำ HDR สำหรับแก้ว ไม่ได้ต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญอะไรมากนัก แต่ White Balance ในกล้องหลักของทาง vivo X100 5G นั้น ค่อนข้างจะอมเหลืองมากกว่าอยู่นิดหน่อยนะครับ เราจะสังเกตได้ชัดในส่วนเงาของภาพ

ตอนถ่ายย้อนแสงแบบตรงนี้ Dynamic Range ที่เกิดจากการ ทำงานร่วมกับ Software HDR คือ ไว้ใจได้ว่า ภาพที่ได้นั้น จะไม่มืดแน่นอน และลักษณะในการทำ HDR ของเขา จะไม่ได้ขุดหนักไป หรือน้อยไป ทำให้ เราได้ภาพที่ Dynamic Range กว้างอย่างเป็นธรรมชาติครับ

แล้วก็ในเรื่องของ Depth of field ของกล้องหลักตัวนี้ อาจจะยังสู้รุ่นพี่ vivo X100 Pro 5G ที่ใช้ Sensor 1 นิ้วไม่ได้ก็จริง แต่ด้วยรูรับแสงที่กว้าง และระยะ Focus ใกล้สุดที่ใกล้กว่า ทำให้เราเข้าใกล้วัตถุได้มากกว่านั่นเองครับ แทบจะใช้ถ่าย Macro ได้เลย

หรือจะใช้การ In Sensor Zoom เพื่อปรับ Perspective ของภาพ แล้วเอามาถ่ายอาหาร นอกจากจะได้สีสันที่สวย ก็ยังได้การเบลอหลังอ่อน ๆ ที่กำลังสวยเลยครับ

PORTRAIT PHOTOGRAPHY : ภาพถ่ายบุคคล

มาถึงอีกหนึ่ง Highlight ของ vivo X100 Series 5G กันแล้วนะครับ ก็คือ การถ่ายภาพ Portrait นั่นเอง ซึ่งในครั้งนี้ vivo ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังเหมือนเคย ได้มีการเพิ่ม ระยะที่ใช้สำหรับการถ่ายภาพ Portrait มาให้เราใช้งาน หลากหลายกว่า โดย จะมีอยู่ด้วยกัน 5 ระยะ ได้แก่ 24mm | 35mm | 50mm | 85mm และ ระยะ 100m คือ ระยะที่ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ ให้กับ ทั้ง 2 รุ่นเลย

อย่างภาพนี้ แก้วก็ใช้ ระยะ 100mm ใน vivo X100 Pro 5G จับคู่กับ ZEISS Bokeh Biotar ปรับค่า f/stop ไปที่ f/1.4 ถ่ายห่างจากตัวแบบประมาณ 2 เมตร โดยวาง Foreground ด้านหน้าเพื่อสร้างมิติ แล้วเล็งแสงที่ลอดจากส่วนใบไม้ด้านหลัง เพื่อให้ Bokeh ขึ้นแบบกระจาย ๆ ตัว

ส่วนภาพนี้ แก้วใช้ระยะ 100mm ใน vivo X100 5G ปรับ ZEISS Bokeh ไปที่ Biotar และใช้ค่า f/stop ที่ 1.4 เช่นกัน ยืนถ่ายห่างจากตัวแบบประมาณ 1 เมตร โดยที่แก้วเลือกฉากหลังเป็นแนวของรถตุ๊ก ๆ ที่จอดเรียงกัน เพื่อสร้างมิติให้กับภาพ และใช้แสงสะท้อนจากไฟหน้า มาสร้าง Bokeh

แต่ สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะถ่ายระยะไหนดี ทาง vivo ก็ได้ออกแบบ UI " Portrait Lens Package " จับคู่ระยะในการถ่าย กับ Bokeh และโทนสี ให้เราแบบอัตโนมัติเลย

สำหรับการถ่ายภาพ Portrait ในระยะ 24mm และ 35mm จะเป็นระยะที่มีองศาในการรับภาพค่อนข้างกว้าง ได้รายละเอียดในส่วนของฉากหลังมาเยอะ เหมาะกับ Shot ที่ต้องการจะเก็บบรรยากาศ ของสถานที่ในฉากหลังเข้ามาในภาพด้วย และเราไม่ควรจะปรับ f/stop ต่ำมากจนเกินไปนะครับ ไม่งั้นภาพจะดูลอย

สำหรับการถ่ายภาพ Portrait ในระยะ 50mm | 85mm นี่คือ 2 ระยะที่แก้วชอบมากที่สุด สำหรับการถ่ายภาพแนวนี้ อย่างแรกเลยคือ องศาในการรับภาพของระยะนี้ มันไม่ได้ดูแคบเกินไป และกว้างจนเกินไป แต่เพียงพอที่เราจะสามารถ เปิดการสร้าง Bokeh ด้วย f/stop ต่ำ ๆ ระดับ f/1.4 ได้สบาย จะใช้กับ Shot ประมาณ ครึ่งตัวก็ได้ หรือ จะประมาณ 75% ของร่างกาย หรือ เหนือเข่าก็สวยเช่นกัน

ซึ่งต้องบอกว่า ตอนแรก แก้วแอบกังวลนิด ๆ ในเรื่องของคุณภาพไฟล์ภาพ Portrait ในระยะ 85mm เพราะว่า ไม่ได้มี ชิ้นเลนส์จริงๆ มารองรับ แต่เป็นการ In Sensor Zoom เข้าไปแทน แต่พอได้ลองถ่ายแล้ว ก็หายห่วงครับ เพียงพอต่อการที่เราจะเอาไปใช้ ลง Social ได้สบายๆ

แต่ในทางกลับกัน vivo X100 5G รุ่นน้อง ที่มีชิ้นเลนส์มารองรับในช่วง 85mm จะทำให้คุณภาพไฟล์ ออกมาดีกว่าอยู่พอสมควรเลยครับ

มาต่อกันที่ระยะ 100mm กันบ้างนะครับ ต้องบอกว่าระยะนี้ เป็นระยะที่แก้วเคยใช้งานบนกล้องถ่ายภาพมาก่อน แต่ส่วนใหญ่ จะไม่ได้ใช้เพื่อถ่ายภาพบุคคลมากนัก ตอนแรก ๆ เลยรู้สึกต้องปรับตัวอยู่บ้าง เพราะ ค่อนข้างจะมี Focal Length ที่แคบ

มาดูเรื่อง ZEISS Bokeh กันบ้างนะครับ อย่างที่ แฟนๆ vivo หลาย ๆ คนทราบกัน ในทุก ๆ Generation จะมีการเพิ่ม Bokeh ใหม่ ๆ เข้ามาให้เราได้เลือกใช้งานกัน ซึ่งในครั้งนี้ vivo ได้เพิ่ม B-SPEED ที่ Shape ของ Bokeh จะเป็นรูป สามเหลี่ยมขอบมน แปลกตาดี

พอมานับรวม ๆ ZEISS Bokeh ใน vivo X100 Series แล้ว ในทั้ง 2 รุ่นจะมีให้ใช้งานทั้งหมด 7 Bokeh แล้วครับ เยอะมากเลย

อีกหนึ่งจุดที่จะค่อนข้างต่างกันก็คือ การถ่ายภาพ Portrait ในช่วงกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นระยะไหนก็ตาม vivo X100 Pro จะให้คุณภาพไฟล์ที่ดีกว่าหมดเลย เพราะขนาด Sensor และค่ารูรับแสง ของ เลนส์สำหรับการถ่ายภาพ Portrait ใหญ่กว่าทั้งหมดเลย

แต่ไม่ใช่ว่า X100 แย่นะ ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ สูสี และน่าจะดีกว่าเรือธงหลาย ๆ ตัวในปีนี้ได้ด้วยซ้ำ

[ vivo X100 Pro 5G ] กล้อง TELEPHOTO 4.3x | f/2.5 | APO | OIS PDAF

ดูภาพ Portrait กันไปจุใจแล้ว เรามาดูภาพจาก กล้อง Telephoto 4.3x ตัวนี้ ในแง่มุมอื่น ๆ กันบ้างดีกว่านะครับ สำหรับตัว Sensor ของกล้องตัวนี้ พยายามหา Final ข้อมูลเป๊ะ ๆ แล้วยัง Confirm ไม่ได้นะ แต่ขนาดจะอยู่ที่ ½ นิ้ว อาจจะเป็น IMX758 หรือ OV64B ที่มีการ Crop เข้ามาก็ได้ เพราะ Resolution เต็มอยู่ที่ 50MP เนอะ

คุณภาพไฟล์ในกล้องตัวนี้ แก้วบอกเลยว่า ดีมาก ๆ ดีที่สุดในช่วง Focal Length 100mm - 125mm ในตลาดตอนนี้แล้ว รวมไปถึงทั้ง White Balance และการจัดการ Noise ไว้ใจได้ทุกสภาพแสงเลย

ซึ่งนอกเหนือจากเรื่องของการเอาไปถ่ายภาพ Portrait แล้ว ที่ Focal Length ประมาณ 100mm เป็นอีกระยะที่เราสามารถใช้งานได้หลากหลาย แรก ๆ จะรู้สึกแคบ ๆ หน่อย แต่ใช้ไปเรื่อย ๆ จะชินขึ้นเองนะครับ สามารถจะเอาไปถ่ายภาพ สถาปัตยกรรม ถ่ายภาพอาหาร ถ่ายภาพ Urban Photography หรือถ่ายภาพ Street ก็ยังได้

ด้วยระยะ Telephoto 4.3x ที่มาพร้อมกับ รูรับแสงที่กว้าง ทำให้เราสามารถวาง Foreground เพื่อใช้สร้างมิติในการถ่ายภาพ Street ได้สนุกมากขึ้น บอกลาภาพแบน ๆ จาก Telephoto ในยุคก่อน ๆ ได้เลย

และ แน่นอนครับ ประสิทธิภาพในการถ่ายภาพย้อนแสง ที่ใสเคลียร์ Flare ต่ำ Detail ดี ต้องยกให้ ZEISS APO ใน กล้อง Telephoto 4.3x ตัวนี้จริง ๆ ซึ่งแก้วเชื่อว่าทุกคนคงจะได้เห็นภาพ Promote กันไปเยอะแล้วแน่ ๆ

ส่วนภาพนี้แก้วถ่ายที่ปักกิ่งตอนที่ไปงานเปิดตัว vivo X100 Series 5G ที่ประเทศจีนปีที่แล้ว Software Auto Exposure เวลาถ่ายภาพแนวนี้ คือ สุดจริง ๆ ใช้ง่ายมาก

อีกหนึ่งประโยชน์ของ เทคโนโลยี Floating Telephoto คือการที่ เลนส์ Telephoto ตัวนี้ มีระยะโฟกัสใกล้สุด ที่ใกล้มาก ๆ ใกล้ในระดับที่เราเอามาใช้ถ่ายภาพ Super Macro ได้เลย แก้วได้ลองเอาไปถ่ายดอกไม้ ถ่ายนาฬิกา มาแบบ ฟินมาก ๆ 

และด้วยความที่ Sensor ในกล้อง Telephoto ตัวนี้ มี Resolution สูง 50MP ทำให้เราสามารถใช้การ In sensor zoom เข้าไปได้อีก lossless อยู่ที่ 10 เท่า จะใช้เจาะถ่าย Macro ให้ใกล้กว่าเดิม หรือจะเอาไป Zoom สิ่งต่าง ๆ ในระยะไกลก็ได้เหมือนกันครับ

[ vivo X100 5G ] กล้อง TELEPHOTO 3x | f/2.5 | OVD64B | OIS PDAF

มาดูกล้อง Telephoto ระยะ 3x ของ vivo X100 5G เป็นยังไงบ้าง ด้วยความที่ใช้ Sensor OV64B ซึ่ง Sensor ตัวนี้ใน Generation หลัง ๆ มีการปรับปรุงเลือก Noise ให้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ ทำให้ในเรื่องคุณภาพไฟล์ ในการถ่ายภาพทั่ว ๆ ไป แก้วว่า สูสีกับตัว Pro เลย

ด้วยความที่เป็นระยะ Telephoto 3x แก้วเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ใช้ Smartphone เรือธงกันอยู่ตลอด น่าจะคุ้นชินกับระยะ Telephoto ประมาณนี้อยู่แล้ว และเป็นระยะที่ค่อนข้างใช้งานง่าย อเนกประสงค์ Frame ภาพ ไม่แคบมาก แต่ยังคงได้ระยะซูมวัตถุ ที่ดี

ความแตกต่าง ของ Telephoto 2 ตัวนี้ มันจะไปแสดงผลลัพธ์ออกมาประมาณ 2 สถานการณ์หลัก ๆ อันแรกคือ เวลาที่เราถ่ายภาพ Macro เพราะถึงแม้ ระยะโฟกัสใกล้สุด จะเท่ากัน แต่เวลาที่เรา Crop Zoom มากกว่าระยะ Sensor เข้าไป เท่า ๆ กัน Detail และการจัดการ Noise ในรุ่น Pro จะทำได้ดีกว่า

และ อีกสถานการณ์ก็คือ เวลาที่เราถ่ายภาพย้อนแสงดวงอาทิตย์ตรง ๆ การที่ไม่ได้ชิ้นเลนส์ APO มา ในบางครั้ง แก้วยังเจอ Chromatic Abberation อยู่บ้าง รวมไปถึง ความสวยคมกริบของดวงอาทิตย์นั้น vivo X100 5G ก็ทำได้ไม่เท่าตัว vivo X100 Pro 5G นะครับ 

ทีนี้ Performance ในการ Zoom ไกล 100x เนี่ย เป็นอะไรที่แก้วค่อนข้าง Surprise นะ เพราะรุ่นน้อง กับรุ่นพี่ ทำได้ดีไม่ต่างกันมากนัก ซึ่งถ้าเอาแบบที่หวังผลได้จริง ๆ กับการ Zoom แก้วว่าที่สัก 20x - 30x กำลังดี

ตอน Test ระยะซูม vivo X100 Pro 5G เสร็จ มา Test ของ vivo X100 5G ต่อ คือตกใจเลย ไม่คิดว่าจะดีขนาดนี้ เพราะปกติแล้ว รุ่นรองของเรือธง จะโดนตัดพลังการ Zoom ออกไปกันประจำ แต่ไม่ใช่กับ vivo X100 Series 5G จริง ๆ คุณภาพต่างกันแค่ 10% - 15% เท่านั้นเอง

ULTRA WIDE : กล้องมุมกว้าง 50MP | ISOCELL JN1 | AF

มาปิดท้ายชุดกล้องหลังกันด้วย กล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 50MP ที่ใช้ Sensor ISOCELL JN1 ตัวนี้กันนะครับ สำหรับกล้องตัวนี้ ในทั้งสองรุ่น Spec กล้องคือ เท่ากันเป๊ะเลย มีองศาในการรับภาพที่ค่อนข้างกว้าง จัดการ Distortion ได้ดีกว่า vivo X90 Series 5G พอสมควร

สีสันของภาพที่ได้มีความใกล้เคียงกับกล้องหลัก การจัดการ Chromatic Abberation ก็ทำได้ดีมาก ๆ ไม่มีอาการขอบเขียว ขอบม่วงเลย ความคมของภาพ อยู่ที่ประมาณ 95% ของภาพ มีความ Soft ตามสี่มุมเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เห็นได้บ้าง

สำหรับคุณภาพไฟล์ที่ได้ ในช่วงเวลากลางวันนั้น ทำได้ดีครับ ทั้งการถ่ายภาพตามปกติ และการถ่ายภาพย้อนแสง Dynamic Range ที่ทำงานควบคู่กับ Auto HDR เติมรายละเอียดในส่วนเงาขึ้นมาได้กำลังดี ไม่มากไปจนดูแบน

ในเรื่องของ White Balance ของกล้อง Ultra Wide Angle ตัวนี้ vivo X100 Pro 5G ในบางสภาพแสง ส่วนเงาจะแอบติดแดง ๆ อยู่นิด ๆ เมื่อเทียบกับ vivo X100 5G นะครับ แต่ปัจจุบันใน Patch ล่าสุดหลังการวางขาย ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

LOW LIGHT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพในที่แสงน้อย

เรามาต่อกันที่ Low Light Photography หรือการถ่ายภาพในที่แสงน้อยกันบ้างนะครับ สำหรับ Night Mode ใน vivo X100 Series 5G ตั้งต้นเราสามารถใช้งานได้ใน 5 ระยะเท่ากัน ทั้งสองรุ่น ตั้งแต่ Ultra Wide Angle ไปจนถึง Telephoto 10x

สำหรับลักษณะของการ Process ไฟล์ภาพใน Night Mode ของ vivo X100 Pro 5G ถ้าสภาพแสงเพียงพอ หรือ เราถ่ายภาพในเวลากลางคืน ในที่ที่มีแหล่งกำเนิดแสงอยู่บ้าง ภาพจะไม่ค่อยแข็งมาก Clarity Sharpness ก็จะไม่ได้เติมเยอะ

คุณภาพไฟล์ของ Night Mode ในชุดกล้องหลัง vivo X100 Pro 5G เป็นยังไงบ้าง ? เริ่มกันที่กล้องหลักก่อนเลย จุดนี้จะเป็นจุดที่ค่อนข้างได้เปรียบรุ่นน้องมากทีเดียว เพราะ Sensor มีขนาดที่ใหญ่กว่าค่อนข้างมาก ทำให้รับแสงได้มากกว่า และมีชิ้นเลนส์แก้ว ช่วยให้ภาพใสกว่าเดิม

ส่วน Night Mode ในกล้อง Telephoto 4.3x เป็นระยะที่แก้ว Happy กับการใช้งานมาก เพราะนี่น่าจะเป็น Telephoto ระยะไกลที่สุดในตอนนี้ ที่สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อย ได้ใส และมี Detail ที่ดีขนาดนี้ ต้องชมทาง vivo จริง ๆ

ส่วนการถ่ายภาพกลางคืน ใน vivo X100 5G นั้น ลักษณะในการ Process เนื้อไฟล์ จะต่างจากรุ่นพี่เล็กน้อย ก็คือ จะมีการเติม Clarity และ Sharpness เพื่อให้ภาพดูคม และ Boost สีสันขึ้นมาพอสมควร ซึ่งแก้วคิดว่า หลาย ๆ คนจะต้องชอบแน่นอน เพราะมันสำเร็จรูปดี

คุณภาพของไฟล์ภาพนั้น ถึงแม้ว่ากล้องหลักของ vivo X100 5G จะใช้ Sensor ที่มีขนาดเล็กกว่าพอสมควร แต่ด้วย เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย และสดใหม่กว่า ทำให้เรื่องการรักษารายละเอียดนั้น ใกล้เคียง IMX989 ในรุ่นพี่มาก ๆ

ส่วนในกล้อง Telephoto 3x นั้น เมื่อใช้ในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย อาจจะไม่ได้ Perfect ในเคลียร์ทุกสถานการณ์เหมือนกับรุ่นพี่ แต่ก็ถือว่าให้คุณภาพไฟล์ที่เราไว้ใจได้ในระดับ Flagship และถ้าให้พูดกันจริง ๆ ก็ดีกว่า 3x ของเจ้าตลาดเรือธงหลาย ๆ ตัวด้วยซ้ำ

สำหรับ Ultra Wide Angle ที่แก้วหยิบมาพูดเป็นกล้องตัวสุดท้ายเพราะว่า ถ่ายออกมาแล้ว คุณภาพไฟล์แทบจะเหมือนกันเป๊ะ จะไปต่างที่ลักษณะในการ Process ไฟล์ภาพที่ตัว vivo X100 Pro 5G จะมีความเป็นธรรมชาติมากกว่าเท่านั้นเองครับ

เรียกได้ว่า เรื่องถ่ายกลางคืน เอาอยู่ทั้ง 2 ตัว แบบไม่ต้องคิดเยอะ

RAW File Performance : ประสิทธิภาพของ RAW File

เรามาต่อกันที่ RAW File Performance ใน vivo X100 Series กันบ้างนะครับ สำหรับ vivo X100 Pro 5G เราสามารถจะถ่าย Raw File ได้ 2 รูปแบบ ก็คือ Sensor RAW และ S RAW หรือ Computational RAW นั่นแหละ ส่วนใน vivo X100 5G จะถ่าย RAW ได้แค่ Sensor RAW เท่านั้นนะครับ

ระยะที่เราสามารถถ่าย RAW File ได้ จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 กล้องเหมือนกันทั้งคู่ 0.6x | 1x | และ 4.3x กับ 3x แยกกันไปตามแต่ละรุ่นนะครับ

สำหรับตัว RAW File ในรูปแบบ Sensor RAW ของทั้งสองรุ่น ความยืดหยุ่นทำมาได้โอเคมาก ๆ อาจจะยังไม่ได้โหดสุดในตลาดแต่ แต่ก็ดีกว่าตอน vivo X90 Series พอสมควร การจัดการ Noise ตั้งต้นทำมาให้ได้ค่อนข้างดี

แต่จะมีเรื่องหนึ่งที่อยากบอกทุกคนเอาไว้ก่อน ก็คือ Sensor RAW ในกล้อง Ultra Wide Angle นั้น ไม่มีการ แก่ Distortion มาให้นะ ต้องมานั่งแก้เอง ใครที่ทำไฟล์ไม่เก่ง แนะนำให้เลี่ยงเลยนะครับ

ส่วน SRAW หรือ SuperRAW จะเป็นเหมือนการเอาตัว RAW File ดั้งเดิมเนี่ย มาใส่ Color Profile เข้าไปให้พอเห็นสีสันบ้าง และ จัดการทำ Noise Reduction ดึงรายละเอียดในส่วน Highlight กลับมาได้เยอะกว่า ขุดส่วนเงาก็จะ Noise ต่ำกว่า ซึ่ง ใครที่เป็นสาย Pro ถ่าย RAW บ่อย ๆ แบบแก้ว แนะนำให้ซื้อ vivo X100 Pro ครับ จบ ๆ ทีเดียว

FRONT CAMERA : กล้องหน้าความละเอียด 32MP

ตอนนี้ทุกคนก็ได้เห็นภาพนิ่งจากกล้องหลังกันไปครบถ้วนแล้วนะครับ เรามาดูภาพถ่ายจากกล้องหน้ากันบ้างดีกว่า กล้องหน้าของ vivo X100 Series จะมีความละเอียดอยู่ที่ 32MP เป็นแบบ Fix Focus มีองศาในการรับภาพที่ค่อนข้างกว้างเลย โดยเราสามารถจะปรับได้ 2 ระยะในการถ่าย คุณภาพไฟล์ ถือว่า ไม่ได้ต่างจากตอน vivo X90 Series มากนัก

Skintone ในกล้องหน้า จะไม่เหมือนกับ vivo V Series คือ จะไม่ได้ใสปิ๊งจนดู Beauty แต่จะให้ความเป็นธรรมชาติด้วย และ Software Beauty ของกล้อง จะ Detect เพศด้วยนะครับ ถ้าเป็นผู้ชาย การบีบหน้า การเกลี่ยผิว ก็จะไม่มามากเท่าของ สาว ๆ

แต่สิ่งที่เพิ่มมาก็ ZEISS Bokeh ในกล้องหลัง เราใช้กับกล้องหน้าได้หมดเลยครับ การทำ Beauty ดี ใช้ได้ แต่ถ้าเทียบการตัดขอบละลายฉากหลังแล้ว ยังไม่เนียนเท่ากล้องหลังนะครับ แอบเสียดายจุดนี้ไปนิดหนึ่ง

เวลาที่เรา Selfie ย้อนแสง ตัว Software Backlit HDR ในกล้องหน้า เอาอยู่เลยหน้าไม่มืดแน่นอนครับ

VIDEOGRAPHY : การถ่ายวีดีโอ

เรามาต่อกันที่การถ่าย Video กันบ้างนะครับ สำหรับการถ่าย Video ใน vivo X100 Pro 5G นั้นจะทำได้ดีมากกว่า ในเกือบจะทุก ๆ แง่เลย ตั้งแต่ Resolution ที่มากสุดที่ 8K 30fps ได้กล้องหลัก และ Telephoto 4.3x ส่วนใน vivo X100 5G จะทำได้สูงสุดที่ 4K 60fps ในกล้องหลังทุกกล้อง 


ตัวคุณภาพไฟล์ และ Bitrate ของ Video ใน Resolution 4K 30fps นั้น ของ vivo X100 Pro 5G นั้น จะอยู่ที่ประมาณ 70mbps โดยเฉลี่ย และ vivo X100 5G จะอยู่ที่ 50mbps ทำให้คุณภาพไฟล์นั้น รุ่นพี่เหนือกว่าอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นในกล้องไหนก็ตามนะครับ


แต่สิ่งที่ทำได้ดีเหมือนกับ ก็คือ การ Zoom ใน Mode Video ที่ Smooth มาก ๆ โดยที่ระยะไกลสุดจะทำได้เท่ากันอยู่ที่ 10x นะ แต่ด้วยความที่แก้วไม่ได้ไปดู Concert อะไรมากมาย เลยไม่ได้ใช้เท่าไหร่ ชอบใช้ในระยะ Optical มากกว่า 


อีกหนึ่งจุดที่เป็น Highlight Features ในรุ่นนี้สำหรับการถ่าย Video คือ Cinematic Portrait Video ใน Resolution 4K 30fps สำหรับ vivo X100 Pro 5G และ 1080p 30fps สำหรับรุ่น vivo X100 5G นะครับ การเก็บขอบการเบลอ คือกริ๊บสวยมาก และพวก Depth ที่สร้างขึ้น อ้างอิงมาจาก ลักษณะของเลนส์ถ่ายหนัง จากทาง ZEISS ด้วย ทำให้ถึงแม้ว่า เรือธงแบรนด์อื่นจะมีฟีเจอร์นี้เหมือนกัน แต่ Character ของการ Blur vivo ก็มีเอกลักษณ์มากกว่านั่นเองครับ จัดแสงดี ๆ เอาขึ้น Gimbal สักหน่อยนี่ Film Maker มือสมัครเล่น เอาไปใช้ฝึกได้เลย

PERFORMANCE | ประสิทธิภาพ

ทีนี้ Performance ตัวเครื่องในการใช้งานจริงเป็นยังไงบ้าง ? ถ้าให้แก้วสรุปสั้น ๆ 2 รุ่นนี้ ประสบการณ์ที่ได้แทบไม่ต่างกันเลย อย่างแรกคือ Chipset Dimensity 9300 จูนมาใน Speed ที่พอ ๆ กัน และมี RAM ที่ต่างกัน 4GB เท่านั้น

ทำให้การใช้งานทั่ว ๆ ไปก็แน่นอนว่าลื่นไหลอยู่แล้ว เปิด App ทิ้งไว้เยอะ ๆ ได้ ใช้ App สำหรับชีวิตประจำวัน หรือการทำงานได้เป็นอย่างดี

แล้วก็ในเรื่องของการเล่นเกมนี่แหละ ที่ทำให้ แก้วต้องหันกลับมามอง Dimensity ใหม่เลย ทำมาดีเกินคาดจริง ๆ เกมที่แก้วเล่น และเอามา Test ให้ทุกคนดู จะเป็น MMORPG Open World โดยจะมีทั้งหมด 2 เกม คือ Moon Light Sculptor และ Immortal Kingdom

ซึ่งทั้งสองเกมนี้ ปรับกราฟิกได้ในระดับ Ultra ที่ 60fps นิ่ง ๆ เทียบเท่ากับ Smartphone ที่ใช้ Snapdragon 8 Gen 3 อีกตัวที่แก้วมี แค่ตอนเล่นเกม อุณหภูมิเครื่องอาจจะสูงกว่านิดหน่อย อยู่ที่ 40-42C แล้วแต่ว่าเปิดแสงหน้าจอสว่างแค่ไหน

สำหรับในเรื่องของ Battery Life แก้วขอแยกออกมาเป็น 2 ลักษณะในการใช้งาน ถ้าเป็นวันชิว ๆ ใช้แค่เล่น Social เช็คเมล์ เล่นเกม ใช้กล้องนิดหน่อย สูงสุดที่เคยทำได้อยู่ที่ 9 ชั่วโมง

ถ้าเล่นเกมเยอะหน่อยก็อาจจะลดลงมา แต่ว่า วันไหนที่ใช้กล้องหนัก ๆ แล้วเปิด 5G Standby ไว้ด้วย เราอาจจะได้เห็นกันที่ 6 ชั่วโมงปลาย ๆ ซึ่ง สำหรับแก้ว ถือว่ากินแบตเอาเรื่องเลย ถ้าตั้งถ่าย 4K 30fps แบบ ต่อ Wifi ไว้ 1 ชั่วโมง แบตจะหายไป 16-18% ซึ่งแก้วคิดว่า เพราะตัว Chip V3 ที่ใส่เข้ามาเพื่อการประมวลผลภาพ นั่นแหละ ที่ใช้พลังงานค่อนข้างเยอะ จุดนี้ต้องรอ Optimize กันต่อไปนะครับ

ความเร็วในการชาร์จของ vivo X100 Pro 5G นั้น รองรับ vivoFlashCharge 100W ใช้เวลา 0-100% ที่ 32- 34 นาที รวมไปถึงรองรับการชาร์จไร้สายที่ 50W อีกด้วย ส่วน vivo X100 5G รองรับ vivoFlashCharge 120W ใช้เวลา ต่ำกว่า 30 นาที ประมาณ 27-28 นาที ซึ่งเร็วมาก ๆ

 
OVERVIEW & OPINION

สำหรับแก้วแล้ว vivo X100 Series 5G มันไม่ใช่แค่เรือธงประจำปี ที่ทำให้เรารู้สึกว้าวกับเรื่องกล้องถ่ายภาพ แต่เพียงอย่างเดียว แต่เราได้เห็นการปรับเปลี่ยน Hardware ภายในตัวเครื่องครั้งใหญ่ ที่มาจาก Exclusive Partner ของ vivo หลาย ๆ แห่ง ไม่ว่าจะเป็น ZEISS , Mediatek , ผู้ผลิตหน้าจออย่าง Visionnox ไปจนถึง การปรับมาใช้ Battery ไปจนถึง Design ที่ยกเครื่องใหม่หมด

.

ขุมพลังที่ขับเคลื่อน vivo X100 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น อย่าง Dimensity 9300 ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า พวกเขาก็ทำ Chipset เรือธง ที่มี ISP ในการประมวลผลภาพ ได้ดีไม่แพ้กับ Qualcomm Snapdragon ทำงาน ประสานกับ Chip V3 ในรุ่น Pro และ V2+ ในรุ่นน้อง ช่วยให้การประมวลผลภาพที่ซับซ้อน แม่นยำขึ้น รวดเร็วขึ้น และใช้พลังงานน้อยลง

.

แน่นอนว่าสำหรับคนที่รักการถ่ายภาพ ปีนี้ ZEISS ได้นำเทคโนโลยี ที่เป็นเอกสิทธิ์ของตัวเอง ในเรื่องของ การจัดวางชิ้นเลนส์อย่าง APO มาใช้กับกล้อง Telephoto ของ vivo X100 Pro 5G ช่วย ลด Chromatic Abberation และ Spherical Abberation ทำให้ได้ภาพที่คมจนถึงขอบภาพ และลดการบิดเบือนของค่าสี ได้สีสันที่ตรง และสวย ไร้อาการขอบเขียว ขอบม่วง 100% ปิดท้ายด้วยการเคลือบ ZEISS T* Coating แบบ High Grade

.

นอกจากคุณภาพของชิ้นเลนส์ เทคโนโลยีที่ทำให้ชิ้นเลนส์ในกล้อง Telephoto สามารถเคลื่อนปรับระยะได้อย่างอิสระ อย่าง Floating Telephoto นั้น ทำให้กล้องตัวนี้ มีระยะโฟกัสใกล้สุดที่มากพอ จะใช้ในการถ่ายภาพ Macro ได้คุณภาพระดับ Pro และใช้งานกับ การถ่าย Video ได้อีกด้วย

.

ทาง vivo เองก็ไม่ได้เอาแต่อัพเดตจุดอื่น จนลืมอัพเดตทีเด็ดของตัวเอง อย่างการถ่ายภาพ Portrait นอกจากจะมีการปรับ หน้าตา UI ของกล้องใหม่ มีระยะ Portrait ให้ใช้งานมากขึ้น และใช้ได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นมีการได้ออกแบบ Portrait Lens Package มาให้มือใหม่ ที่ปรับแต่งไม่เก่ง สามารถใช้ Preset มาถ่ายได้ทันที และเพิ่ม Bokeh ใหม่อย่าง B-Speed มาอีกด้วย

.

ปิดท้ายด้วยจุดที่แก้วเองรอให้ vivo ทำสิ่งนี้มานานมากแล้ว ก็คือ อัพเกรดเรื่องการถ่าย Video สักที สิ่งหนึ่งที่ vivo ทำมาได้ดีตลอด คือ Look ของ Video ที่ดูเป็นธรรมชาติ มีความใกล้เคียงกล้อง แต่ก่อนหน้านี้ การ Compress ไฟล์ และ Bitrate อาจจะไม่ได้ดีมากนัก ในรุ่นนี้ ปรับแก้มาให้เราใช้งานได้จริงจังกว่าเดิม สูสีกับเรือธงสายวีดีโอตัวอื่น ๆ ได้ไม่ยาก

.

จากทั้งหมดที่แก้วพูดถึงมานี้ ทำให้คำว่า vivo X100 Series 5G เป็นรุ่งอรุณครั้งใหม่ของพวกนั้น ไม่ใช่คำที่พูดเกินจริงแต่อย่างใด

 
ราคาวางจำหน่าย vivo X100 Series 5G
  • vivo X100 5G 12GB + 256GB ราคา 26,999.-

  • vivo X100 Pro 5G 16GB + 512GB ราคา 37,999.-

  • vivo TWS 3e ราคา 1,799.-

ราคาพร้อม Package (ผู้ให้บริการทางเครือข่าย)
  • vivo X100 5G 12GB + 256GB ราคา 19,599.-

  • vivo X100 Pro 5G 16GB + 512GB ราคา 29,599.-


สิทธิ์พิเศษสำหรับ X100 Series 5G จะได้รับหูฟัง TWS 3e สีขาว มูลค่า 1,799 บาท และ EVIP Card มูลค่า 8,999 บาท รวมประกันตัวเครื่องเพิ่มเป็น 2 ปี ประกันจอแตก 1 ครั้ง ภายใน 2 ปีแรกมูลค่ารวม: 10,798 บาท (สงวนสิทธิ์เฉพาะลูกค้าที่สั่งซื้อในระยะเวลาที่กำหนด ตั้งแต่ 31 ม.ค. -29 ก.พ. 67)


ผ่านช่องทางการจำหน่าย ดังนี้ vivo Brandshop | vivo official website รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ผ่าน Shopee, Lazada, TikTok และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

 

อ่านรีวิวอื่นๆ ของ โมบายโฟโตกราฟเฟอร์

0 ความคิดเห็น
bottom of page