top of page
  • รูปภาพนักเขียนแอดมินแก้ว

realme GT 2 Pro ดีไซน์หรู รักโลก และ กล้องคู่ 50MP พร้อมมุมกว้างสูงสุด 150 ํ ที่ใช้งานได้จริง

อัปเดตเมื่อ 30 มี.ค. 2565

สวัสดีครับ กลับมาเจอกับแก้ว แล้วก็ realme กันอีกครั้งหนึ่งนะครับ รอบนี้ก็ได้เวลาของ สุดยอด Flagship ประจำปีจากทาง realme นะครับ นั่นก็คือ realme GT 2 Pro นั่นเองครับ ปีนี้ขนทีเด็ดกันมาเพียบ โดยเฉพาะเรื่องกล้องเนี่ย เก่งขึ้นกว่าเดิมเป็นกอง ไปดูรีวิวกันดีกว่าครับ

SPECIFICATION
  • CPU : Snapdragon 8 Gen 1

  • RAM 12GB | ROM 256

  • Display : 6.7 inch AMOLED LTPO 2.0 | 2K | 120Hz | 1400 nits

  • Operation system : realme UI 3.0 | Android 12

  • Stereo Speaker | Hi-Res | Microphone ตัดเสียงรบกวน

  • Bluetooth 5.2 | NFC | USB Type-C 2.0

  • Battery 5,000mAh | 65W SuperDartCharge

WHAT'S IN THE BOX : อุปกรณ์ภายในกล่อง
  • ตัวเครื่อง realme GT 2 Pro

  • เคสซิลิโคนสีเทาแบบนิ่ม

  • คู่มือ | Sim-card pusher

  • สายชาร์จ และ Adapter 65W

อุปกรณ์ภายในกล่องคือให้มาครบๆ เลย ไม่ได้มีการตัดอะไรออกไปเลยครับ เรียกได้ว่า รักโลกได้ และยังรักลูกค้าได้ในเวลาเดียวกันเหมือนเดิม

DESIGN : การออกแบบ

งาน Design เนี่ย เป็นจุดเด่นมากๆ realme ได้จับมือกับบริษัท Sabic* เพื่อสร้างงานออกแบบตัวเครื่อง จากวัสดุ ที่เรียกว่า bio-mase หรือ โพลิเมอร์ชีวภาพ ซึ่งลดการสร้าง Carbon ลงถึง 35.5% สวยงามมาก Texture ของตัวฝาหลัง แกะสลักด้วย Laser ซึ่งคนที่มาควบคุมการออกแบบทั้งหมด ก็ยังคงเป็น Naoto Fukasawa เจ้าเดิมครับ

Texture ฝาหลังเวลาสัมผัสลงไปให้ Feeling ที่แบบ ดูแพงอะ ความรู้สึกเหมือนจับพวก Canvas เคลือบ ที่นิยมเอามาใช้ทำกระเป๋าเลย สวยด้วย แล้วก็ดูทั้งดูทนทาน ด้วยในเวลาเดียวกัน

ขอบของตัวเครื่อง Frame ทั้งหมดทำจากโลหะ ที่มีสีประมาณ Silver สว่างๆ หน่อย แข็งแรงแน่นหนา บริเวณด้านล่างจะเป็นที่อยู่ของ USB-C Port | Dual Speaker | ไมโครโฟน | ช่องใส่ SIM

DISPLAY : หน้าจอแสดงผล

ขนาดของหน้าจอแสดงผลของ realme GT 2 Pro นั้นจะมีขนาดอยู่ที่ 6.7 นิ้ว ก็กำลังดีไม่ใหญ่จนใช้งานมือเดียวลำบาก Panel ของหน้าจอเป็น AMOLED พร้อมเทคโนโลยี LTPO 2.0 ช่วยปรับความลื่นไหลของหน้าจอตาม Content โดย Refresh Rate สูงสุดอยู่ที่ 120Hz

ตัว Resolution ของหน้าจอ จะอยู่ที่ 2K WQHD+ 525 ppi ความสว่างสูงสุดที่ 1400 nits ขอบเขตสีกว้าง 10bit พร้อมมาตราฐานความแม่นยำสี 100% DCI-P3 และ Contrast 5,000,000 :1 เรียกได้ว่าเรื่องหน้าจอเนี่ย จัดเต็มสุดๆ

คุณภาพหน้าจอนี่ ไม่รู้จะติอะไร สีสัน ความคม Contrast นี่ดีมาก ดีเกินหน้าเกินตา Smartphone ในช่วงราคาไม่เกิน 25000 บาทไปหลายตัวเลย สายเล่นเกม Entertainment เนี่ย แก้วว่าฟินมากๆ แต่ถ้าเรื่องภาพถ่าย ก็ต้องบอกว่า มันแอบจะ Over Saturation นิดๆ นะครับ

และ จุดที่จะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ คือ พลังของ Touch Sampling ที่จัดไปเต็มๆ 1,000Hz ทำให้การ Touch เนี่ย ติดนิ้วสุดๆ Sensitivity ของหน้าจอเวลาเล่นเกม คือ ฟินมาก ขนาดแก้วเล่นแค่ RPG ยังฟินขนาดนี้ คนเล่น MOBA หรือ FPS คงจะฟินมากๆ แน่นอน

ความสว่างหน้าจอที่ 1,400 nits นั้น ค่อนข้างจะหายห่วงกับการใช้งานกลางแจ้งได้สบายๆ ตามภาพนี้เลย ถ่ายรูปกลางแดดเปรี้ยงๆ ตอนบ่าย 2 ก็เอาอยู่ครับ เห็นภาพในหน้าจอชัดเจนเลย แต่เวลาเปิดแสงจอสว่างมากๆ ตัวเครื่องแอบจะร้อนเร็วนิดหนึ่งนะครับ

CAMERA : กล้องถ่ายภาพ

ปีนี้ต้องบอกว่า realme จัดเต็มในเรื่องของกล้องถ่ายภาพแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนจริงๆ Sensor กล้องเทพๆ อย่าง IMX766 ที่เคยใส่ไปแล้วใน realme 9 Pro+ ทำเอาประทับใจมากๆ ก็มาอยู่ในตัวนี้ด้วย แต่ก็ได้เพิ่มกล้องใหม่ๆ มาอีก 2 ตัว ดังนี้ครับ

  • - กล้องหลัก 50MP | f/1.8 | IMX766

  • - กล้อง Ultra Wide 50MP | f/2.2 | JN1 | กว้าง 150 ํ

  • - กล้อง Ultra Macro | กำลังขยาย 40 เท่า | โฟกัสใกล้สุด 4.67 มิลลิเมตร

พร้อม Mode การถ่ายภาพที่เป็นทีเด็ดมากๆ คือ Fisheye Mode ในกล้อง Ultra wide angle เกือบทุกภาพที่แก้วถ่ายในรีวิวใช้ จะใช้ AI Scene ช่วยหมดเลยนะครับ ไปดูภาพจากกล้องแต่ละตัวกันดีกว่าครับ

MAIN CAMERA : กล้องหลัก 50MP บน Sensor IMX766

เรียกได้ว่าเป็น Sensor ที่ทาง realme หยิบมาใช้ได้อย่างคุ้มค่า และน่าสนใจมากๆ กับ IMX766 จาก Sony ซึ่งเราเคยได้เห็นไปแล้วใน realme 9 Pro+ ว่ามันยกระดับการถ่ายภาพได้ยอดเยี่ยมขนาดไหน จุดเด่นในเรื่องของ โทนสีที่เป็น ธรรมชาติกว่าเดิม Dynamic Range ที่ไล่ระดับย่านความสว่างได้อย่างนุ่มนวล และจัดการ Noise ได้ดีมากๆ

คุณภาพของ Sensor ตัวนี้เวลาถ่ายภาพใน Mode Hi-Res ก็ยังสามารถเอามา Crop ใช้งานได้ดีเหมือนเดิม ให้รายละเอียดได้ยอดเยี่ยม และจากที่เห็น ถ้ามัน Crop แล้วยังดีขนาดนี้ การนำไปใช้ Digital Zoom 2x ก็ทำได้สบายๆ

ด้วยขนาด Resolution ภาพที่มันใหญ่ และการทำ Pixel Binning ที่ทำมาได้ดีมากๆ ทำให้การจะ Zoom 2x ใน Mode Hi-Res แล้วเอามาใช้งานเป็นเรื่องปกติธรรมดามากๆ แทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างจากการใช้งานในระยะ 1x เลย

Depth of field ของกล้องนี้ สามารถละลายฉากหลังได้ค่อนข้างสวยเลย อาจจะไม่ได้ Bokeh ขึ้นชัดมากเหมือนพวกเลนส์ f/1.57 แต่ก็เพียงพอ ต่อการจะลายฉากหลังให้สวยได้ แถมความสามารถของ HDR ในการกด Highlight ลงนี่แบบ ดีอะ

เอากล้องหลักมากด Zoom 2x แบบ Digital ใช้ถ่ายอะไรที่มีขนาด เล็กๆ ได้สบายเลย ได้ทั้ง Depth ที่สวย และ Perspective ที่ค่อนข้างตรงกับความเป็นจริง มากกว่าการเอาหน้าเลนส์เข้าไปจ่อมากๆ

ULTRA WIDE : กล้องมุมกว้าง 50MP บน Sensor JN1

ถือว่ากล้องตัวนี้คือ Highlight ที่สุดใน Smartphone รุ่นนี้เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากขนาดภาพที่ใหญ่แล้ว ความกว้างของตัวกล้อง และคุณภาพเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้ กล้อง Ultra Wide Angle ตัวนี้น่าใช้มากๆ

ทีนี้เรามาลองดูการเปรียบเทียบความกว้าง ระหว่างตอนที่เราใช้ Ultra Wide Angle แบบปกติ กับการเปิด Mode Fisheye หรือ 150 ํ กันว่าต่างกันขนาดไหน ? จากที่เห็นในภาพ เราจะเห็นว่าองศาการรับภาพกว้างขึ้นมากๆ เมื่อใช้ 150 ํ แน่นอนว่า Distortion ตามมาแน่นอน แต่ในเมื่อมันเป็น Fisheye ใครจะสน Distortion กันล่ะ

เราสามารถใช้ Mode นี้ได้ภาพสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ให้ดูมีความ Grand และดูมีมุมภาพที่แปลกตาได้ไม่ยากเย็นเลย จากที่เห็นในภาพ พลังของ HDR และ Sensor ที่เก็บรายละเอียดในช่วงแสงต่างๆ ได้ดี ทำให้การถ่ายภาพย้อนแสง ในกล้องตัวนี้ ให้คุณภาพแบบเดียวกับกล้องหลักเลย

มันไม่ใช่แค่การเอาไปถ่ายภาพ สถาปัตยกรรมได้อย่างเดียว ถ้าเรามี Idea ที่แปลกใหม่ มันหยิบไปใช้กับ ภาพ Portrait ก็ได้ โดยจะต้องจัดวางตัวแบบให้อยู่บริเวณตรงกลางภาพให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกัน การบิดเบี้ยวของภาพจะทำให้ตัวแบบเสียสัดส่วน ที่แท้จริงไป

ใน Mode 150 ํ เรายังมีลูกเล่น ที่คนถ่ายภาพมักจะเรียกว่า Sphere หรือ คือ Effect ที่เราจะบิดตัวภาพให้กลายเป็นวงกลม ซึ่งก็จะให้ความแปลกตาในภาพถ่ายเราได้ แต่ปกติแก้วไม่ได้ใช้เท่าไหร่ครับ มีมาให้ดีกว่าไม่มีเนอะ

PORTRAIT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพบุคคล

นี่เป็นอีกจุดที่แก้วกล้าพูดเลยว่า realme ยกเครื่อง เรื่องการถ่าย Portrait มาได้ดีจริงๆ ตั้งแต่รุ่น realme 9 Pro+ แล้ว พลังของ IMX 766 ช่วยให้ Skintone และ Dynamic Range เป็นธรรมชาติมากๆ

อย่างภาพนี้เนี่ย ไม่เปิด Software Portrait เลยนะ และปิด HDR อันนี้ ถ่ายที่ Mode Auto แบบ Crop 2x Zoom ลองสังเกตที่ฉากหลัง Depth of field เริ่มเบลอแล้ว แต่เรายังเห็นรายละเอียดได้ชัดเจนอยู่ ถึงแม้จะเปิด HDR รายละเอียดในฝั่ง Midtone , Shadow คือเก็บมาได้หมดจริงๆ แต่ highlight ก็หลุดบ้างเล็กน้อย

ทีนี้ลองมาเปิด Software Portrait กันบ้างครับ คือการตัดขอบ และ Depth of field ที่ สร้างขึ้นเนี่ย มันทั้งแม่นยำ และ ไล่ระดับได้สวยงาม และค่อนข้างเป็นธรรมชาติกว่า realme 9 Pro+ ในระดับหนึ่งเลย

ความใสของ Skintone และการเกลี่ยผิวที่กำลังดี ไม่ได้เนียนจนดูลอย หรือ สูญเสีย Texture ของผิวไป ทำให้ภาพดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น รวมไปถึง Software ในการทำ HDR ก็เติมแสงให้เราแบบ Auto เลย ถ้ากล้องรู้สึกว่าไม่จำเป็น มันก็จะไม่ทำ HDR ให้ (สามารถบังคับเปิดได้ ถ้าต้องการ)

แต่มีเรื่องหนึ่งที่แก้วเจอนะ คือเวลาเปิด Mode Portrait เนี่ย สีของท้องฟ้า จะมีเฉดที่ไม่ค่อยเท่ากัน ในการถ่ายแต่ละครั้ง บางครั้งอมเขียว บางครั้งอมม่วง เหมือน White Balance อาจจะยังไม่ได้นิ่ง หรือ เป๊ะในทุกสภาพแสง แต่ยังดีที่ มันไม่ได้ส่งผลกับ Skintone ของตัวแบบ เดี๋ยวพอเป็น Software ในเครื่องจำหน่ายจริง คิดว่าตรงนี้น่าจะได้รับการแก้ไขให้แล้ว

ความสามารถในการถ่ายภาพย้อนแสง ก็ตามภาพเลยครับ HDR เปิดรายละเอียดในฝั่ง Shadow ได้แบบ ดีงามจริงๆ ไม่รู้จะหาอะไรมาติในเรื่องนี้เลย ทำมาดีมากๆ และถึงแม้จะเป็นการถ่ายภาพย้อนแสง Software ในการทำ Depth และตัดขอบเนี่ย ทำงานได้ Perfect เหมือนเดิมเลย

ในสภาพแสงที่ ฉากหลัง โดนแสงในปริมาณที่เข้มกว่าตัวแบบ ระบบวัดแสง ยังสามารถทำให้ตัวแบบ หน้าไม่มืด และใช้ HDR ไปลดแสงบริเวณฉากหลังลง เพื่อเก็บรายละเอียดกลับมาแทนได้ดี

Effect ของ Portrait Mode ก็มีมาให้แบบครบๆ เลย ครับ อย่างที่เราคุ้นเคยกัน ก็จะมี 3 แบบดังนี้

  • - Dynamic Bokeh : จะเป็น Effect แบบ Motion Blur

  • - AI Color Portrait : เป็นการดูดสีฉากหลังออก เหลือแค่ตัวแบบ

  • - Bokeh Flare Portrait : จะเป็นการเบลอฉากหลังที่ละลายหนักมาก โบเก้ดวงใหญ่ๆ

STREET MODE : โหมดถ่ายภาพ Street

ตรงนี้อาจจะเป็นจุดที่แก้วแอบผิดหวังนิดหนึ่ง คือ Street Mode ใน realme GT2 Pro มันยังเป็น Street Mode แบบเดิมอยู่ คือมีการบอกระยะในการถ่าย เลือก Peak Focus ได้ ปรับ Output Files ได้

ตัว Long Exposure ที่มีใน realme 9 Pro+ ยังไม่มีนะ อยากให้ realme อัพเดตเข้ามาให้หน่อย รับรองจะน่าใช้ขึ้นอีกมากเลยครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะน่าเบื่อซะทีเดียวนะครับ เพราะ Filter ที่อยู่ใน Street Mode เนี่ย สวยทุกอันจริงๆ

NIGHT TIME PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพในที่แสงน้อย

ตั้งแต่ช่วงเย็นๆ ที่อาทิตย์กำลังจะตกเนี่ย จริงๆ แล้ว เราสามารถถ่ายภาพ Landscape แบบย้อนแสงได้เลย โดยที่ยังไม่ต้องมี Night Mode มาช่วยในส่วนนี้ แค่ HDR อย่างเดียวก็ เอาอยู่มากๆ แล้ว

พอท้องฟ้าเริ่มมืดลงไปอีก ก็ได้เวลาที่งัด Night Mode ออกมาใช้งานแล้วครับ ภาพนี้แก้วใช้ Ultra wide angle ในการถ่าย จะเห็นได้ว่าในเรื่องของความคม และการจัดการ Noise คือค่อนข้างดีมากเลย เติมแสงขึ้นมาได้สว่างมาก นึกว่าแสงตอนบ่ายแก่ๆ เลย ทั้งที่จริงๆ 6 โมงครึ่งเข้าไปแล้ว

เปลี่ยนมาใช้กล้องหลัก รวมกับ Night Mode Filter กันบ้างครับ จะเห็นได้ค่อนข้างชัดเจนว่า คุณภาพไฟล์ จะค่อนข้างดีกว่ากล้อง Ultra Wide พอสมควร ด้วย f/stop ที่ต่ำกว่า และ Sensor ที่อยู่ใน Tier ที่สูงกว่านั่นเองครับ

แต่พอท้องฟ้ามืดลงกว่าเดิมอีกหน่อย เราจะเห็นได้ว่า Night Mode จะเริ่มอัด Clarity เข้ามาในภาพค่อนข้างเยอะ เพื่อทำให้ภาพดูคมชัด และก็ยังสามารถจัดการ Noise ได้ดีงามเหมือนเดิมเลย

นอกเหนือจาก การใช้ Night Mode ในการถ่ายภาพเวลากลางคืนแล้ว การถ่าย Portrait ในเวลากลางคืน realme GT 2 Pro ตัวนี้ ไม่ทำให้ผิดหวังเลยครับ ภาพนี้แก้วไม่ได้ใช้ Portrait หรือ Night Mode เลยนะ นี่คือ Hi-Res 50MP โดยใช้ไฟ Flash จากมือถือ อีกตัวส่องให้แสงกับตัวแบบ Dynamic Range ดีมากๆ ชอบ Depth of field ที่มาจากชิ้นเลนส์จริงๆ มันดูธรรมชาติดี

และช่วงเวลากลางคืนนี่แหละครับ ที่เราควรจะหยิบ Bokeh Flare Portrait ออกมาใช้ที่สุด เพราะผลลัพท์เนี่ย มันลงตัวกว่าตอนกลางวันมากๆ เม็ด Bokeh ดวงใหญ่ๆ ที่ขึ้นเฉพาะในตำแหน่งที่มีแสงไฟสะท้อน ไม่ได้ขึ้นมั่วๆ ทั้งภาพ จุดนี้ดีงามจริงๆ

การตัดขอบในเวลากลางคืน ก็ยังสุดเหมือนเดิม แม่นยำมากๆ

Ultra Macro Camera : กล้องจุลทรรศน์ กำลังขยาย 40x

อีกหนึ่งกล้องตัวใหม่ที่ทาง realme ไม่เคยมีมาก่อนนั่นก็คือ กล้อง Ultra Macro หรือจริงๆ ก็คือ กล้องจุลทรรศ ที่มีกำลังขยายสูงสุด 40x นั่นแหละครับ นอกจากนั้นยังสามารถถ่าย Video ได้ด้วยนะ ความละเอียดสูงสุดที่ 1280 x 720 ครับ

ขณะที่เราถ่ายด้วย Ultra Macro ไฟแฟลชทั้งสองดวงจะเปิดขึ้น ไม่ต้องกลัวว่าจะมืดนะครับ ถ้าเข้าโฟกัสแล้วละก็คมชัด คุณภาพไฟล์เอาไปใช้งานได้แน่นอน คนทำงานที่ต้องส่องอะไรเล็กๆ อยู่บ่อยๆ เช่น ขายเพชร ขายนาฬิกา ขายพระ กล้องตัวนี้ใช้งานได้จริงครับ

Front Camera : กล้องหน้าความละเอียด 32MP

กล้องหน้าความละเอียด 32MP ตัวนี้ น่าจะเป็นกล้องหน้าที่ดีที่สุดแล้ว ของ realme ทั้งองศาการรับภาพที่ไม่ได้แคบจนเกินไป รายละเอียด และ Dynamic Range ที่สู้กล้องหลังได้แบบสบายๆ

จะย้อนแสงแรงๆ ก็ทำได้ กล้องหน้าก็มี HDR ด้วยนาา ไม่ธรรมดาเลย

โทนสีของกล้องหน้าเนี่ย พอเจอแดดตอนเย็นๆ เข้าไป สีสดมาก ใครชอบกล้องสีสดๆ น่าจะถูกใจครับ

แล้วก็จริงๆ เขามี Filter ให้เล่นเยอะมากเลย สาย Selfie ไว้ใจกล้องตัวนี้ได้เลยครับ

VIDEOGRAPHY : การถ่ายภาพเคลื่อนไหว

ความอลังการของ realme GT2 Pro ยังไม่จบ เพราะ กับวีดีโอเนี่ย realme GT2 Pro สามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุดคือ 8K 24fps ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนเลย ปกติจะได้แค่ 4K เท่านั้นนะครับ ซึ่งการใช้งาน 8K จริงๆ แล้วเนี่ย มันถูกออกแบบ มาให้ถ่ายเป็น Shot Insert หรือ Shot ที่เราต้องการจะเอามา Capture เป็นภาพนิ่งใช้งานทีหลัง มากกว่าจะเอาไปเป็น A Roll ของ Video

สำหรับ Setup ของงาน Video ที่แก้วค่อนข้างโอเคกับมันคือ 4K 30fps ตอนถ่าย 4K 60fps มันยังมีความย้วยให้เห็นอยู่บ้างของตัวกันสั่น เวลาที่เราเดินลงน้ำหนักแรงๆ แต่ 30fps เนี่ยนิ่งกริ๊บเลย ทั้งกล้องหลัก และกล้อง Ultra Wide Angle เนื้อไฟล์ดีมากๆ การเก็บเสียงก็ดีมากเช่นเดียวกันครับ ใครบอก realme ถ่าย Video ไม่เวิร์ค ปี 2022 ต้องคิดใหม่แล้วนะ

PERFORMANCE : ประสิทธิภาพของตัวเครื่อง

realme GT 2 Pro แน่นอนว่าเมื่อ Run ด้วย Snapdragon 8 Gen 1 การใช้งานทั่วไป ถือว่าผ่านได้เลยสบายๆ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเลย Entertainment ในทุกๆ แง่ผ่านฉลุยหมดครับ

ประสิทธิภาพในการเล่นเกม แก้วเล่นเกม Project A3 Still Alive อยู่ตอนนี้ ที่เป็นเกม RPG โดยกราฟิกจะอยู่ในระดับเดียวกับ Genshin Impact นั่นแหละ โดยเล่นได้ลื่น Smooth ดีครับ สีสันหน้าจอ และระบบเสียง ลำโพงคู่ที่ให้มา ดีมากๆ

สามารถจะปรับ Graphic ได้ในระดับ High และ Frame Rate สูงสุด 60fps ได้แบบสบายๆ เลย แต่เมื่อเล่นไปได้สักระยะ ด้วย Stainless Steel Vapor Cooling การระบายความร้อนตัวเครื่องจะออกมาเร็วมาก เราสามารถจะจับสัมผัสได้เลยในขณะที่เล่น มันไม่ได้ร้อนมากจนจับเครื่องไม่ได้นะ ถ้าใส่เคสก็แค่อุ่นๆ ที่น่าสนใจคือ เมื่อเราปิดเกมลงไป หรือปิดหน้าจอ เครื่องเย็นแบบ เร็วมาก ไม่ถึงนาที กลับไปอุณหภูมิปกติเลย

แน่นอนว่าเป็น GT Series ทั้งทีก็ต้องมี GT Mode มาให้อยู่แล้ว ทำให้การเล่นเกม และประสิทธิภาพตัวเครื่อง ไปอยู่ในระดับสูงสุด โดยที่จะไม่สนแล้วว่าแบตเตอรี่จะลดลงเร็วขนาดไหน ? หรือ ความจะเยอะขึ้นขนาดไหน ?

ด้วย Battery 5,000 mAh ต้องบอกว่า ถ้าเราไม่ได้หยิบมันขึ้นมาใช้บ่อยๆ ในตลอดทั้งวันเนี่ย มันสามารถจะจัดการพลังงาน และแบตเตอรี่ได้ยอดเยี่ยมมากๆ 12 ชั่วโมง ถ้าเป็นการใช้งานทั่วไป ไม่ได้เล่นเกม มี Screen on time สักประมาณ 3-4 ชั่วโมง แบตเตอรี่จะลดลงไปเพียง 40% เท่านั้นเอง

แบตเตอรี่เยอะแล้วยังไม่พอ มาพร้อมกับชาร์จไว 65W SuperDartCharge ใช้เวลาในการชาร์ตเต็มไม่ถึง 50 นาที วันไหนลืมชาร์จก่อนนอน เช้ามาเสียบปุ๊บ ไปอาบน้ำแต่งตัวกลับมา ก็เต็มแล้วครับผม

OVERVIEW & OPINION

เห็นรายละเอียดกันมาครบแล้ว ตอนนี้เราก็มาพูดถึงภาพรวมกันดีกว่า ว่า realme GT 2 Pro เหมาะกับใครบ้าง ด้วยความที่ realme เป็นแบรนด์ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการทำ Spec ตัวเครื่องออกมาให้เหนือกว่าราคาอยู่เป็นประจำ ในแง่ของวัสดุที่นำมาใช้ในการทำตัวเครื่อง และงานออกแบบเนี่ย เป็นจุดที่แก้วชอบมากเป็นการส่วนตัวเลย มันคลีน สัมผัสมันดี น้ำหนักไม่เยอะ จับถือแล้วถนัดมือ

ในส่วนของกล้องถ่ายภาพก็เป็นอีกสิ่งที่ทำได้ยอดเยี่ยมสมการรอคอยมากๆ ตั้งแต่ได้จับ realme 9 Pro+ เมื่อต้นปีมา คือเครื่องนั้นมันก็ดีมากๆ แล้ว โดยเฉพาะกล้องหลักเนี่ย สุดจริงๆ ทีนี้พอมาได้จับ realme GT 2 Pro มันก็ฉีกความเก่งของกล้องขึ้นไปอีกระดับได้ค่อนข้างชัดเจน มีจุดเด่น ในเรื่องของกล้อง Ultra Wide Angle 50MP ที่มีโหมด Fisheye 150 ํ และการถ่าย Portrait ตัว Software ในการตัดขอบนี่ก็ เนียนกว่า realme 9 Pro+ มากๆ

แต่ใช่ว่าจะมีแต่จุดที่ดีนะครับ แก้วเจอจุดที่น่าเสียดายอยู่ 2 ข้อ ข้อแรกคือ Street Mode ในรุ่นนี้ Software ปัจจุบัน ยังไม่สามารถใช้ Long Exposure ได้ คือ คงไม่ใช่ทุกคนได้ใช้ แต่ถ้า Mid Range มี Flagship ก็น่าจะมี ข้อที่ 2 ก็คือ การไม่มี Wireless Charge คือก็เข้าใจแหละครับว่า ไม่ถึง 25k จะมาเรียกร้องของ Wireless Charge ก็จะดูเกินไปนิดนึง แต่ก็แอบอยากได้นะครับ

ราคาเปิดตัวของ realme GT 2 Pro (12GB + 256GB) ราคา 24,990 บาท และถ้าเรา Pre-order ในช่วงนี้จะได้ Early bird price อยู่ที่ 22,999 บาทเท่านั้นครับ
 

[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ]

IG : kaew.ravie

0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page