สวัสดีครับทุกคน วันนี้แก้วอยู่กับ Flagship Smartphone ตัวล่าสุดจากทาง Xiaomi นั่นก็คือ Xiaomi 12 Pro นั่งเอง ที่แก้วบอกเลยว่า มีหลายจุดที่ปรับปรุงขึ้นจาก Generation ที่แล้วมากพอสมควร และ บางจุดที่เรียกได้ว่า ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตาเลย ไปดูรีวิวกันครับ
SPECIFICATION
Display : 6.73 inches | LTPO AMOLED 10-bit | WQHD+ | Refresh Rate 120Hz | TS 480Hz
Chipset : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 Octa-core
RAM : 8GB/12GB | ROM : 128GB/256GB
Battery : 4600 mAh | Fast Charge 120W | Wireless 50W | Reverse 10W
MIUI 13 | Android 12
5G | Wifi 6E | Bluetooth 5.2 | USB-C | Stereo Speaker Harman/Kardon
Water & Dust Resistant IP68
WHAT'S IN THE BOX
อุปกรณ์ภายในกล่องก็ให้มาค่อนข้างจะครบถ้วนเลย ดังนี้ครับ
ตัวเครื่อง Xiaomi 12 Pro
เคสใสแบบนิ่ม
Adapter Charge 120W พร้อมสาย
SIm card Ejector
DESIGN : การออกแบบ
เรามาเริ่มกันที่งานออกแบบตัวเครื่องกันก่อนเลยนะครับ Xiaomi 12 Pro นั้น ค่อนข้างจะมีความต่างจาก Xiaomi 11 Series อยู่พอสมควรเลยในเรื่องของการออกแบบ ความฉูดฉาดจะลดลง Xiaomi 12 Pro จะเน้นความเรียบหรู คลีนๆ ดูมินิมอลดี
น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ประมาณ 200 กรัม แต่ด้วยความที่หน้าขอและฝาหลัง โค้งเข้าหากันทำให้เวลาจับถือแล้วจะรู้สึกว่ามันก็บางเบาดี จับถือใช้งานแล้วไม่ได้รู้สึกว่าดูหนา หรือเทอะทะอะไร ด้วยความบางแค่ 8.2 มิลลิเมตร
Frame ของตัวเครื่องจะเป็นโลหะ และตัวฝาหลังจะเป็นกระจกแบบขัดด้านนะครับ โดยสีที่แก้วนำมารีวิวในวันนี้จะเป็นสี Gray หรือสีเทานั่นเองครับ ให้ Feeling การสัมผัสที่ดีมากๆ เลย ป้องกันรอยนิ้วมือได้ดีพอๆ กับ Xiaomi 11 Series แต่ผิวจะค่อนข้างลื่นกว่านิดนึงครับ
บริเวณด้านล่างก็จะมี ลำโพงแบบ Stereo ช่อง USB-C | รูไมโครโฟน และช่องใส่ SIM Dual-Slot
และบริเวณด้านบนก็จะมี ลำโพงอีกหนึ่งตัว พร้อมกับ สัญลักษณ์ Sound by harman/kardon
DISPLAY : หน้าจอ
แน่นอนว่า Flagship ในปี 2022 เนี่ยเขาก็ได้เปลี่ยนมาใช้ หน้าจอ LED แบบ LTPO กันหมดแล้ว โดย Xiaomi 12 Pro นั้นจะมีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.73 นิ้ว มีขอบเขตสีอยู่ที่ 10bit และ Resolution ของหน้าจอที่ WQHD+ หรือ 1440 x 3200
โดยเราสามารถที่จะปรับ Resolution หน้าจอได้สองรูปแบบด้วยกัน ก็คือ Full HD + เพื่อใช้งานทั่วไป และเน้นในเรื่องของการประหยัดพลังงาน หรือ WQHD+ เมื่อเราจำเป็นจะต้องใช้งานหน้าจอความละเอียดสูง เช่น เวลาดูภาพถ่าย หรือเวลาดู Content แบบ 4K เป็นต้นครับ
หลังจากใช้งาน Smartphone เครื่องนี้มา 2 สัปดาห์ หน้าจอตัวนี้เนี่ย เป็นหน้าจอที่ใช้งานด้าน Entertainment ได้ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเอาไปเล่นเกม | ดู Streaming Content ต่างๆ ก็แสดงผลภาพออกมาได้สวยงามยอดเยี่ยม
ด้วย Performance ของ CPU Snapdragon 8 Gen 1 และ หน้าจอที่มีคุณภาพสูงๆ แบบนี้ เล่นกันเพลินเลยล่ะครับ มีจุดหนึ่งที่แก้วว่าค่อนข้างหน้าสนใจ คือ Screen on time เวลาใช้งาน Entertainment นั้น ใช้งาน 5-6 ชั่วโมงเนี่ยสบายๆ เลย การจัดการพลังงานทำมาได้ดีใช้ได้เลย
เวลาเราถ่ายภาพมาด้วยไฟล์ภาพแบบ 50MP แล้วเอามา Zoom ดูภาพในขณะที่เปิดหน้าละเอียดหน้าจอ WQHD+ เนี่ยมันฟินจริงๆ ครับ เห็นรายละเอียดของสิ่งที่กล้องเก็บมาได้อย่างชัดเจนดี
CAMERA : กล้องถ่ายภาพ
ชุดกล้องหลังของ Xiaomi 12 Pro นั้นจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ตัวนะครับ แต่ละตัวนั้นเรียกได้ว่า จัดเต็มมาแบบ Top Tier เลยเพราะว่า ทุกกล้องจะมีความละเอียด 50MP ดังนี้ครับ
Main Camera 50MP | f/1.9 มุมมอง 24mm
50mm Telephoto Camera 50MP | f/1.9 มุมมอง 48mm
Ultra Wide Angle Camera 50MP | f/2.2 มุมมอง 115 ํ
ในส่วนของกล้องหน้า ก็จะมีด้วยกัน 1 ตัว ความละเอียดอยู่ที่ 32MP
เห็น Spec ของทั้งกล้องหน้ากล้องหลังกันไปครบแล้ว เราไปดูภาพจากกล้องแต่ละตัวกันดีกว่าครับ
MAIN CAMERA : กล้องหลัก 50MP
หลายคนอาจจะคุ้นชินกับการใช้ Smartphone จากทาง Xiaomi ที่มีกล้องหลักความละเอียด 108MP กันมาตลอด ในครั้งนี้ ได้เปลี่ยนมาเป็นกล้องหลักความละเอียด 50MP ซึ่ง Character ภาพเนี่ย ใกล้เคียงกับ Mi11 Ultra เมื่อปีที่แล้วพอสมควร ในแง่ของรายละเอียดภาพ ไม่มีอะไรต้องพูดเยอะเลย Crop มาแล้วยังคม Detail แน่น
Dynamic Range คือแบบ สุดๆ โดยที่ไม่ต้องเปิด HDR ช่วยเลยสักนิดเดียว สีสันที่ดูเป็นธรรมชาติ ใกล้เคียงกับที่ตาเห็นเลย จะมีโทนสีฟ้าที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ และมี Saturation ที่สดใส ในระดับที่กำลังดี สามารถเอาไปแต่งต่อได้โดยที่ไฟล์ไม่ช้ำ
ความสามารถของ HDR เวลาถ่ายภาพย้อนแสงนี่ ก็คือหายห่วงได้เลย กดแสง Highlight ลงได้ดี และเติมแสงฝั่ง Shadow แบบเป็นธรรมชาติ ไม่พยายามขุดภาพขึ้นมาจนแบนขาด Dynamic
ในเรื่องของ Depth of field ของ กล้องหลัก ด้วย f/stop 1.9 ก็ถือว่า สร้าง Depth ได้ดีประมาณหนึ่ง อาจจะไม่ได้ละลายแบบ หวือหวามาก เหมือนพวก Sensor ใหญ่ และ f/stop ต่ำ แต่ก็เอามาใช้สร้างมิติ สร้าง Foreground ได้เป็นอย่างดี
จริงๆ จะบอกว่ากล้องหลักเนี่ยถ่าย Portrait อย่างโหดเลย แต่เดี๋ยวไปดูใน หมวด Portrait กันนะครับ
Ultra Wide Angle Camera : กล้องมุมกว้างพิเศษ 50MP
ก่อนอื่นเลยต้องขอชมว่า นี่เป็นกล้อง Ultra Wide Angle ที่คุณภาพดีมากๆ สีสันของตัวกล้องนี้ อาจจะเหลืองกว่าเลนส์หลักเล็กน้อย แต่ในเรื่องความคม Dynamic Range และ การทำ HDR เนี่ยทำได้ดีมากจริงๆ ในส่วนของ Chromatic Aberration มีแค่ประมาณ 5% บริเวณแต่ละมุมของภาพเท่านั้นเอง
ความกว้างของเลนส์ถึงแม้จะไม่ได้กว้างสุดในตลาด ตัวนี้จะอยู่ที่ 115 ํ ซึ่งเพียงพอที่จะเก็บอาคารเข้ามาใน Frame ภาพได้ทั้งหมดเลย แถมการย้อนแสง ก็ไม่ได้ทำให้คุณภาพของไฟล์นั้นลดลง หรือมีเงาดำจนเรามองไม่เห็นรายละเอียด HDR สามารถเติมแสงเข้ามาได้อย่างพอเหมาะพอดี และจัดการ Noise ในย่าน Shadow ได้ค่อนข้างจะโอเค
แต่ในเรื่องของสีสันก็ต้องบอกว่า ความสดของสีนั้น จริงๆ มันมีหลายส่วนที่คล้ายกล้องหลัก แต่ว่า สีฟ้าในกล้อง Ultra Wide Angle จะดูสดน้อยกว่าเพียงนิดเดียวเท่านั้น ในฝั่งของรายละเอียดเนี่ย 50MP Crop ออกมายังสามารถอ่านตัวหนังสือได้อย่างชัดเจนเลย
Medium Telephoto 2x : กล้องเทเลโฟโต้ระยะกลาง 50MP
กล้อง Medium Telephoto 2x เนี่ย แต่ก่อนถ้าไม่ใช่รุ่น Ultra เราจะหากล้อง Telephoto ที่แยกเลนส์มาให้เลยใน Xiaomi เนี่ย ได้ไม่กี่รุ่นเท่านั้น การเอากล้อง Telephoto 2x 50MP ใส่เข้ามานี้นั้นมี นัยยะสำคัญมากทีเดียว เพราะคุณภาพของกล้องนั้นมันดีมาก
ด้วยระยะที่มันไม่ได้ Zoom เข้าไปมากจนเกินไป แต่มี Pixel ของภาพค่อนข้างเยอะ ทำให้เราสามารถ ถ่าย Compose กว้างๆ มาได้ก่อน แล้วเอามา Crop เฉพาะจุดที่เราสนใจได้ภายหลัง ช่วยให้การถ่ายภาพของเรามีทางเลือกมากยิ่งขึ้น
ทำให้เวลาที่เราเห็น Element อะไรที่น่าสนใจในระยะไกล เราสามารถจะหยิบมือถือขึ้นมา แล้ว กดถ่ายได้ทันที ทันต่อ Moment ที่กำลังเกิดขึ้น เก็บภาพมาได้ก่อนที่มันจะหายไป โดยที่กล้องแทบ จะไม่มี Shutter Lag เลยสักนิดเดียว
จุดที่ Surprise ทีเดียวก็คือ พลังของการใช้ Hybrid Zoom ระยะไกลเพิ่มเติมเข้าไป นี่แหละ คือ สาเหตุที่ว่าทำให้เขาต้องอัด Resolution มาให้ถึง 50MP เพราะมันสามารถเอามาใช้ Zoom ต่อเข้าไปได้อีก โดยที่ยังให้รายละเอียดที่ดีอยู่ได้
PORTRAIT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพบุคคล
Xiaomi 12 Pro คือการยกระดับการถ่ายภาพ Portrait ของ Xiaomi ให้ขึ้นมาอยู่ใน Top Tier แบบ แก้วไม่รู้จะหาข้อติอะไรจริงๆ รูปเยอะมาก เพราะเลือกไม่ได้จริงๆ ทั้ง Character ของภาพที่มีความนุ่มนวล แต่เรายิ่งเห็นได้ว่า ความคมของรายละเอียดไม่ได้ลดลงไปเลย
Dynamic Range ที่กว้าง ในทุกๆ กล้อง เวลาเอามาใช้ในการถ่ายภาพ Portrait นี่มัน เจ๋งมาก เราสามารถ Control แสงให้ตัวแบบยังเด่นอยู่ และ ให้รายละเอียดส่วนอื่น มีความเข้มแสงที่ลดลงไป ในส่วนของ Shadow ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ HDR ช่วยเติมรายละเอียดเข้ามา
พอมีกล้องระยะ 2x และ Software ในการเบลอฉากหลัง ที่ตัดขอบได้เฉียบคม แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะมันสามารถที่จะไล่ระดับการเบลอ ได้แนบเนียนมากๆ แบบ ถ้าเราถ่าย และกะระยะดีๆ จริงๆ มันแทบจะให้ Depth ที่เหมือนกับ Optical Depth จากกล้องจริงๆ ได้แล้ว
เวลาเราถ่าย Portrait ในช่วงเกือบๆ จะ Full Body แบบนี้ ให้เราลดความเบลอของการละลายฉากหลังลงมาอยู่ที่ f/4 หรือ f/5.6 จะช่วยให้การเบลอออกมาดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
ในแง่ของ Skintone และรายละเอียดของผิว เมื่อเราใช้งานร่วมกับ Beauty Mode แล้ว มันให้คุณภาพที่ดีมากๆ Highlight ตรงสันจมูก และแววตา Balance ความสว่างออกมาได้ดี ไม่ขาวจนรายละเอียดหายไป
ภาพนี้แก้วเปิด HDR ขึ้นมาช่วยเพราะว่าแสงจากฉากหลังนั้น มีความเข้มกว่าด้านหน้า ตัว HDR ก็สามารถที่จะ Balance แสงในฉากหลังให้ Drop ลงเล็กน้อย และเติมแสงบริเวณใบหน้าขึ้นมาในระดับหนึ่ง ไม่ได้เติมจนสว่างเกินความจริง
ความสามารถในการถ่ายภาพแบบย้อนแสง ก็ถือว่าโอเคเลย อย่างภาพนี้แก้วใช้เลนส์หลักแบบ ปิด HDR แล้ววัดแสงที่ใบหน้านางแบบ เพราะอยากให้ฉากหลังหลุดเป็นสีขาวๆ ละลาย ทิ้งไปเลย ตัว Dynamic Range ที่กว้าง ก็ยังสามารถรักษาช่วงของรายละเอียดในส่วนต่างๆ เอาไว้ได้ ไม่ได้ขาวจนหลุดไปซะหมด
ทีนี้มาลองแบบย้อนแสงแบบจังๆ กันบ้างครับ เช่น เคยนะครับ ภาพนี้แก้วไม่ได้เปิด HDR ช่วย เพื่อรักษาความเป็นธรรมชาติของภาพเอาไว้ให้ได้มากที่สุด กล้องยังสามารถดึงรายละเอียดในส่วนของใบหน้าเอาไว้ได้พอสมควร ไม่มืดจนสูญเสียรายละเอียดไป
Portrait ในที่แสงน้อย ตอนถ่ายภาพนี้แก้วพยายามมองหา ไฟ Spotlight รอบๆ เพื่อให้แสงกับตัวแบบ แต่แสงไฟที่ได้มันเป็นสีออกส้มๆ นิดนึง ตัว White Balance ของกล้องก็พยายามจัดการเรื่องของสี ตรงนี้ได้ค่อนข้างโอเค อาจจะไม่ได้เป๊ะมากนัก
เปลี่ยนมาอีกหนึ่งมุม ที่พอจะมีแสงมีขาวๆ ส่องตัวแบบได้บ้าง แก้วเอามือถืออีกหนึ่งเครื่องเปิดแสงหน้าจอสว่างสุด แล้วเปิดภาพสีขาว เพื่อให้แสงบริเวณใบหน้าเพิ่มเติม และประกายสะท้อนในแววตา ถึงแม้จะเป็นในเวลากลางคืน แต่การตัดขอบ การทำ Beauty และ Skintone ก็ยังทำได้ดีไม่แพ้กลางวัน
นอกจากนั้น Xiaomi ก็ยังมี Cinematic Effect พวก Light Flare หรือ Light Leak ให้เราสามารถหยิบมาใช้กับการถ่ายภาพของเราให้ดูมีลูกเล่นเพิ่มเติมมากขึ้นได้ครับ
FRONT CAMERA : กล้องหน้าความละเอียด 32MP
คุณภาพของกล้องหน้าความละเอียด 32MP เนี่ย เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับกล้องหลักเลย ทั้งในแง่ของรายละเอียดภาพ Dynamic Range และการทำ Beauty ต่างๆ แต่แอบสังเกตได้ว่า กล้องหน้าจะมีค่า Saturation หรือความสดของสีที่มากกว่าอยู่นิดหน่อย
เวลาถ่าย Selfie แบบย้อนแสงก็ไม่ต้องกลัวหน้ามืด เพราะว่า ในกล้องหน้าก็ยังมี Backlit HDR ที่ช่วยเติมแสงให้กับตัวเราเวลา Selfie ได้ดีไม่แพ้กับกล้องหลังเลยครับ
แต่ว่าเพื่อที่จะได้ภาพที่มี Frame กว้าง และเห็นตัวเราครบๆ เราจำเป็นจะต้องยื่นแขนออกไปไกลหน่อย เพราะตัวองศาการรับภาพของกล้องหน้านั้น ค่อนข้างที่จะแคบอยู่เหมือนกันครับ
NIGHT TIME PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพกลางคืน
Night Mode ของ Xiaomi 12 Pro นั้นสามารถใช้งานได้ในทุกๆ กล้องเลย อย่างภาพนี้แก้วถ่ายด้วยกล้องหลัก ก่อนจะใช้ Night Mode แก้วแตะโฟกัส ที่จุดที่สว่างที่สุดในภาพ เพื่อวัดแสงใหม่ ก่อนจะกดถ่ายนะครับ
Night Mode เพิ่ม Clarity เข้ามาในภาพเล็กน้อย และจัดการ Noise ที่เกิดขึ้น จากการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีมาก คือ แทบจะไม่เห็น Noise ในภาพ
Ultra Wide Angle ใน Night Mode ก็ให้คุณภาพไฟล์ที่ค่อนข้างดีเลย จุดที่เป็น Shadow ในภาพ เราอาจจะพบเห็น Noise ได้มากกว่ากล้องหลักก็จริง แต่จุดที่สว่างในภาพนี่คมชัดทีเดียวครับ
Telephoto 2x เวลาใช้ Night Mode นี่ก็แทบจะให้ Quality เท่ากับกล้องหลักเลย ทั้งความคม และการจัดการ Noise คือทำได้ดีมากๆ อย่างที่บอกไปว่า Night Mode เนี่ยใช้ได้ทุกระยะ และ Quality ก็ไว้ใจได้ทุกระยะเช่นเดียวกันครับ
Other Interesting Features : ฟีเจอร์ถ่ายภาพอื่นๆ ที่น่าสนใจ
Mode Long Exposure ที่ใช้ถ่ายภาพน้ำตกให้นุ่มนวล อย่าง Oil Painting ก็เอามาถ่ายภาพน้ำพุให้ดูนุ่มนวลแบบนี้ได้ สามารถจะถือถ่ายแบบ Handheld ได้เลยนะครับไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง
ภาพนี้เป็นความซนของแก้ว ที่อยากจะรู้ว่า ถ้าเราเอา Long Exposure มาถ่ายภาพ Portrait จะเป็นยังไง ? ตอนถ่ายแก้วใช้ Long Exposure แบบ Oil Painting แล้วหาแสงไฟมาส่องตัวแบบเอาไว้ระหว่างการถ่าย โดยให้แบบอยู่นิ่งที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ ผลที่ได้ก็คือ ม้าหมุนข้างหลัง จะหมุนติ้วๆ เลย แต่ตัวแบบยังหยุดอยู่กับที่ อาจจะมี Motion เล็กๆ เกิดขึ้นได้บ้าง แต่ไม่ได้ขนาดถึงกับทำให้ภาพไม่คม
เอา Long Exposure ใน Mode ของ Traffic Trail มาลากเส้นไฟของเรือที่แล่นอยู่ในแม่น้ำ ผ่านหน้า Icon Siam ไป ก็ให้ภาพที่เท่ดีครับ ไม่จำเป็นต้องรอให้ฟ้ามืดก็ใช้ได้นะครับ Mode นี้ เขาจะจับเฉพาะแสงที่เคลื่อนไหวเท่านั้น ที่สำคัญ มือนิ่งๆ ล่ะตอนถือถ่าย
และ แน่นอนครับ ขอบมันต้องมี 555 Super Moon นั่นเอง ใครชอบถ่ายพระจันทร์ เข้า Mode นี้กด Zoom 20x ถ่ายได้เลย สนุกไม่แพ้กับ Mi11 Ultra เมื่อปีที่แล้ว Software สามารถ Detect พระจันทร์ได้ง่ายด้วยนะ
VIDEOGRAPHY : การถ่ายวีดีโอ
สำหรับในเรื่องของการถ่าย Video ตัว Xiaomi 12 Pro ก็จัดฟีเจอร์การถ่าย Video มาให้แบบจัดเต็ม ด้วยความละเอียด Video สูงสุดที่ 8K และ ที่ 4K 60fps ตัว OIS ยังทำงานอยู่ ซึ่งให้ความนิ่งของการกันสั่นที่แบบ นิ่งมาก ถือมือเดียวได้สบายๆ เลย และ 4K 60fps เนี่ย ใช้ได้กลับ เลนส์ทุกตัวเลยนะ ตั้งแต่ Ultra Wide Angle | Main | Telephoto ครบๆ เลย
มีลูกเล่นพวก Cinematic Effect มาให้เหมือนเดิม เอาใจสาย Video แต่ก็มีจุดที่แอบเสียดายไปนิดนึงก็คือกล้องหน้าเนี่ย สามารถถ่าย Video ได้แค่ความละเอียด Full HD เท่านั้น แต่ก็ยังดีที่ตัว Microphone นั้นทำมาได้ดีมากทีเดียว การเก็บเสียงต่างๆ ทำได้โอเคเลย
PERFORMANCE : ประสิทธิภาพตัวเครื่อง
สำหรับเรื่องของการถ่ายภาพนั้นเราก็ได้เห็นกันไปครบหมดแล้วเนาะ ว่า Xiaomi 12 Pro มีดี มีความเจ๋งขนาดไหน ? ทีนี้เรามาดูในเรื่องของ การใช้งานตัวเครื่องทั่วๆ ไปกันบ้างครับว่า หลังจากที่อยู่กับเครื่องนี้มา 2 สัปดาห์ แก้วคิดเห็นยังไงบ้าง ?
สำหรับการใช้งานทั่วๆ ไปนั้น เล่น Social ดู Entertainment ต่างๆ โอเคมากๆ เลย ตัวลำโพง harman/kardon ก็ให้เสียงที่น่าพอใจกว่า Xiaomi 11 ในปีที่แล้วอยู่พอสมควร ในแง่ของเสียงเบส ที่มาแน่นกว่าเดิม
สำหรับคนที่ชอบเล่นเกม ก็ต้องบอกว่า Snapdragon 8 Gen 1 สามารถจัดการความร้อนได้ดีกว่า Snapdragon 888 อย่างสิ้นเชิงเลย จะมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นประมาณหนึ่ง แล้วจะอยู่ในระดับนั้นไปเรื่อยๆ ตัวเครื่องสามารถระบายความร้อนได้ดี เล่นเกมนานๆ Frame Rate ก็ไม่ตก
สำหรับในเรื่องของ Battery ด้วยความที่ตัวเครื่องนั้นจะมีความบางพอสมควร แต่ Battery สามารถจะให้มาได้อยู่ที่ 4,600 mAh ก็ถือว่าเยอะพอสมควร ถ้าเป็นการใช้งานตลอดวัน แบบ Screen on time สักประมาณ 4-5 ชั่วโมง ไม่ได้เล่นเกมเยอะ ก็บอกเลยว่าเหลือๆ ครับ แต่ถ้าเอาออกไปถ่ายภาพนอกบ้าน ต้องเร่งแสงหน้าจอสูงสุดอยู่ตลอดเวลา เหมือนตอนที่แก้วทำรีวิว ประมาณ 11.00 - 20.00 แบตเตอรี่ก็คือ หมดพอดีเป๊ะๆ
OVERVIEW & OPINION
Xiaomi 12 Pro เป็นการปรับปรุงจุดด้อยในรุ่นที่แล้ว และเสริมจุดเด่นที่มีให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น Design เครื่องที่ดู Low Profile ลง ไม่ฉูดฉาดแต่ยังคงความหรูหราเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ลำโพงตัวเครื่องที่น่าจะถูกใจสาย Entertainment กว่าเดิมแน่นอน การใช้งานทั่วไป ที่หลายคนอาจจะ ไม่ชอบความร้อนของ Snapdragon 888 ในปีที่แล้ว ครั้งนี้ Snapdragon 8 Gen 1 ก็มไ่ทำให้ผิดหวัง
ในเรื่องของกล้องถ่ายภาพเนี่ย ถือว่าเป็นจุดที่มีความเปลี่ยนแปลงไปมาก อย่างมีนัยยะสำคัญเลย เพราะว่าชุดกล้องทุกตัวนั้นถูกเปลี่ยนใหม่หมดเลย การหยิบกล้อง 108MP ที่เป็นเอกลักษณ์ออกไป คือต้องกล้าหาญ และมั่นใจมากๆ ว่า กล้อง 3 ตัวใหม่ ที่มีความละเอียด 50MP ทุกตัวนั้น จะไม่ทำให้ User รู้สึกผิดหวัง และ พวกเขาก็ทำได้จริงๆ ครับ ชุดกล้องหลังนี้ ลงตัวสุดเลย
สำหรับอีกหนึ่งจุดในเรื่องของการถ่ายภาพที่แก้วว่า พัฒนาขึ้นมาได้ดีแบบ ลืมภาพเดิมๆ ไปได้เลย ก็คือ การถ่ายภาพ Portrait การละลายฉากหลังที่เป็นธรรมชาติกว่าเดิม การตัดขอบที่คมกริบ Skintone ที่นุ่มนวล และยังคงความคมของภาพ และความสมจริง ไม่ beauty เกินเอาไว้ได้ พอใส่กล้อง Telephoto 2x เข้ามาให้อีก Xiaomi 12 Pro ยกระดับตัวเองเป็น Smartphone ที่สามารถถ่ายภาพ Portrait ได้ยอดเยี่ยม อันดับต้นๆ ของตลาดไปเลยครับ
กับ ราคาเปิดตัวที่ xx,xxxx สามารถไปจองกันได้แล้ว .........
[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ]
IG : kaew.ravie
Comments