top of page
  • รูปภาพนักเขียนแอดมินแก้ว

[ สรุปเปิดตัว iPhone X-series ] จากมุมมองของ ทีมแอดมิน Mobile Photographer

-

แฮร่สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนที่อดหลับอดนอนกันดู งานเปิดตัว iPhone กันครับ วันนี้แอดมินแก้วมีแขกพิเศษ มาร่วมเขียน บทความนี้นั่นก็คือ แอดมินอาร์ม #ThavornKamolsin แฟนพันธุ์แท้ iOS มาแจมด้วยครับ

เมื่อคืนที่ผ่านมาทาง Apple ได้มีการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ถึง 3 ตัวด้วยกันนั้นคือ iPhone XS, iPhone XS Max ที่จะเป็นเรือธงของทาง Apple ในปีนี้ และตัวสุดท้ายคือ iPhone R จะเป็นรุ่นรอง

โดยสเปกในรอบนี้ถือว่า Apple ให้ความสำคัญกับการใช้งานของผู้ใช้งานเยอะพอสมควร

ไม่ว่าจะเป็นเล่นเกมและการใช้งาน Multitasking ที่ลืนกว่าเดิมรวมไปถึงการใช้งานทางด้าน AR และตัว Core ML ที่เป็นฟังชั่นที่ช่วยในการเรียนรู้หรือที่เรียกกันติดหูว่า Machine learning

ซึ่งทั้งหมดนี้ Apple เองนั้นได้พัฒนา CPU ขึ้นมาขึ้นมาในปีนี้ชื่อว่า A12 Bionic โดยตัว A12 นั้นถูกแบบสัดส่วนการทำงานที่ชัดเจนมากขึ้นโดยการทำงานทางด้าน Graphic หรือ GPU มีการทำงานถึง 4 Core การประมวนผลหลักมีถึง 6 core และสำหรับปีนี้ที่ได้มีการเพิ่มเข้ามาคือ Neural engine ที่จะเข้ามาช่วยการทำงานของการใช้งาน Machine learning เพื่อไม่ให้เหมือนตัวก่อนๆก่อนต้องใช้รวมกับการประมวลผลทั่วไป


มุมมองจากพวกเรา : การที่ iPhone พัฒนาตัว CPU อย่างต่อเนื่องและเน้นสิ่งนี้เสมอมา เพราะว่าความลื่นไหลในการใช้งาน และ Stability ของมือถือนั้น คือหัวใจในการทำงานของ Apple มาตลอด พวกเขามาถูกทางแล้ว

มาดูเรื่องสเปกของตัวเรือธงอย่าง iPhone XS, iPhone XS Max กันบ้างจริงๆแล้ว 2 รุ่นนี้มีความแตกต่างกันแค่ขนาดของหน้าจอเท่านั้น และมีให้เลือก 3 สีมี สีเงิน สีทอง และสีดำ โดยหน้าจอของตัว iPhone XS Max จะมีขนาดหน้าจอที่ 6.5

ความละเอียดหน้าจออยู่ที่ 2688*1242 และตัว iPhone XS จะมีขนาดหน้าจอที่ 5.8 ความละเอียดหน้าจออยู่ที่ 2436*1125 ส่วนสเปกต่างๆเรียกได้ว่าเท่ากันเลย

ตัวหน้าจอเป็นแบบ Super Ratina OLED display, HDR Display, Dolby Vision and HDR10, 3DTouch, Tap To Wake, True Tone Display และสามารถกันน้ำได้โดยใช้มาตราฐานที่ IP68

ตัวกล้องของตัวเรือธงนั้นกล้องหลังมี 2 กล้อง 1 Flash ตำแหน่งการว่างเหมือนเดิมเหมือนตัวรุ่น iPhone X โดยกล้องหลัง 2 ตัว

ตัวแรกเป็นเลน Wied-angle มีความละเอียดที่ 12 MP F/1.8

และอีกกล้องเป็น Telephoto ที่มีความละเอียดถึง 12 MP F/2.4

การถ่าย VDO เป็น 4K สูงสุดถึง 60 fps กล้องหน้า มี RGB Camera

กล้องหน้า มี RGB Camera ที่ 7 MP F/2.2 เป็นรูปแบบของ

Fast Sensor iR Camera และ Dot Projector 2

อันสุดท้ายนั้นเข้ามาช่วยในเรื่องของการทำ Login เข้าเครื่อง

โดยใช้ใบหน้า ใครว่าไม่แม่น คราวนี้จะ แม่นแล้วนะจ้ะ

มุมมองจากพวกเรา : สำหรับกล้องในรุ่นนี้ จากการดู Spec กล้องแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ แต่สิ่งที่ Apple ทำได้ดีเสมอมาคือ Quality ของ Pixel ภายใน และยิ่งบวกกับ ลูกเล่นใหม่ๆ (ที่ถึงแม้จะมีอยู่ในตลาดมานานแล้ว)

ทั้งนี้ตัวกล้องตัว Apple เองได้พรีเซ้นตัว Smart HDR

ที่มีการเก็บขอบภาพและแสงเงาได้ดียิ่งขึ้น และยังไม่หมดเพียงแค่ตัว Smart HDR


มุมมองจากพวกเรา : ท้ายที่สุดแล้ว Apple ได้มีการพัฒนา Software เพื่อที่ให้ทำการปรับค่า f เพื่อทำให้รูปด้านหลังเป้นหน้าชัดหลังเบลอหรือทำเป็น Bokeh ได้ง่ายขึ้นด้วย (ซะทีนะ) แต่เป็นเรื่องที่ดีครับ ไม่ได้แซะนะ 55 5

รุ่นรองของ Apple iPhone XR ตัวนี้ถ้าพูดภาษาบ้านๆเลยนั้นบอกได้เลยว่าเป็นรุ่นราคาประหยัด โดยเจ้าตัว iPhone XR เนี่ยมีสีมาให้เลือกกันนั้นก็คือ สีฟ้า สีขาว สีดำ สีเหลือง สีส้ม และ สีแดง เรียกได้ว่างานนี้ Apple Color Full กันเลยทีเดียว

ตัว iPhone XR ใช้หน้าจอเป็นแบบ Liquid Ratina LCD Display

มีขนาดหน้าจอที่ 6.1 นิ้ว ความละเอียดที่ 1792*828

เรื่องการใช้งานนั้นตัวนี้จะถูกตัดการใช้งานที่ไม่เหมือนเรือธงออกไปนิดหน่อยเช่น HDR Display, Dolby Vision and HDR10, 3DTouch, True Tone Display และสามารถกันน้ำได้โดยใช้มาตราฐานที่ IP67

เรื่องกล้อง ตัวรุ่นรองอย่าง iPhone XR มีแค่ 1 กล้องโดยมีความละเอียดถึง 12 MP f/1.8 กล้องหน้าอยู่ที่ 7 MP และเขาบอกว่าสามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ ได้เช่นกัน ด้วยกล้องแค่ตัวเดียว (เหมือน Google Pixel)

เรื่องราคาและหน่วยความจำตัวเรือธงอย่าง iPhone XS, iPhone XS Max นั้นมีขนาดความจุให้เลือกซื้อที่ 64GB 256GB และ 512 GB

โดยราคาเริ่มต้นสำหรับตัว iPhone XS 999$ หรือตีเป็นราคาไทย 39,960 บาท

ในราคาเริ่มต้นและ iPhone XS Max 1099$ หรือตีเป็นราคาไทย 43,960 บาท

ส่วนราคารุ่นรองอย่าง iPhone XR มีให้เลือกซื้อ 3 สเปกด้วยกันนั้นก็คือ

64GB 128GB และสุดท้าย 256 GB ราคาเริ่มต้นของตัวเครื่อง 749$

หรือตีเป็นราคาไทย 29,960 บาท *


มุมมองจากพวกเรา : การวาง Range ราคาของ iPhone ในปีนี้ถือว่าน่าสนใจครับ คนที่งบน้อยสามารถเข้าถึงรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงได้ ในขณะที่คนที่จ่ายไหว ก็ไม่จำเป็นจะต้องจ่ายแพง เพื่อได้รุ่น Top เพราะต่างกันแค่ ขนาดหน้าจอ และ Storage เท่านั้น

-------------------------------------------------------------

รุ่นนี้เป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคนที่จะหันมาเล่น iOS แต่ถ้าหาก คุณยังมี iPhoneX หรือ 8 plus อยู่ จริงๆ แล้วรุ่นนี้จะผ่านก็ได้ นะครับ (ยกเว้นจะอยากเปลี่ยน Design) กล้องของ iPhone รุ่นนี้มีความสมบูรณ์แบบที่สุดจากพื้นฐานเดิมของ กล้องถ่ายรูปทั่วไป (ไม่ได้มี Top-up Features อะไรที่น่าสนใจมาก) แต่คุณภาพสูงสุด


ขอบคุณที่อ่านกันมาถึงตรงนี้ สวัสดีครับ

------------------------------------------------------------------------------

[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ]

IG : kaew.mobilefoto

0 ความคิดเห็น
bottom of page