top of page

[ สรุปเปิดตัว iPhone X-series ] จากมุมมองของ ทีมแอดมิน Mobile Photographer

  • รูปภาพนักเขียน: แอดมินแก้ว
    แอดมินแก้ว
  • 13 ก.ย. 2561
  • ยาว 2 นาที

-

ree

แฮร่สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนที่อดหลับอดนอนกันดู งานเปิดตัว iPhone กันครับ วันนี้แอดมินแก้วมีแขกพิเศษ มาร่วมเขียน บทความนี้นั่นก็คือ แอดมินอาร์ม #ThavornKamolsin แฟนพันธุ์แท้ iOS มาแจมด้วยครับ

ree

เมื่อคืนที่ผ่านมาทาง Apple ได้มีการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ถึง 3 ตัวด้วยกันนั้นคือ iPhone XS, iPhone XS Max ที่จะเป็นเรือธงของทาง Apple ในปีนี้ และตัวสุดท้ายคือ iPhone R จะเป็นรุ่นรอง

ree
โดยสเปกในรอบนี้ถือว่า Apple ให้ความสำคัญกับการใช้งานของผู้ใช้งานเยอะพอสมควร

ไม่ว่าจะเป็นเล่นเกมและการใช้งาน Multitasking ที่ลืนกว่าเดิมรวมไปถึงการใช้งานทางด้าน AR และตัว Core ML ที่เป็นฟังชั่นที่ช่วยในการเรียนรู้หรือที่เรียกกันติดหูว่า Machine learning

ree

ซึ่งทั้งหมดนี้ Apple เองนั้นได้พัฒนา CPU ขึ้นมาขึ้นมาในปีนี้ชื่อว่า A12 Bionic โดยตัว A12 นั้นถูกแบบสัดส่วนการทำงานที่ชัดเจนมากขึ้นโดยการทำงานทางด้าน Graphic หรือ GPU มีการทำงานถึง 4 Core การประมวนผลหลักมีถึง 6 core และสำหรับปีนี้ที่ได้มีการเพิ่มเข้ามาคือ Neural engine ที่จะเข้ามาช่วยการทำงานของการใช้งาน Machine learning เพื่อไม่ให้เหมือนตัวก่อนๆก่อนต้องใช้รวมกับการประมวลผลทั่วไป


มุมมองจากพวกเรา : การที่ iPhone พัฒนาตัว CPU อย่างต่อเนื่องและเน้นสิ่งนี้เสมอมา เพราะว่าความลื่นไหลในการใช้งาน และ Stability ของมือถือนั้น คือหัวใจในการทำงานของ Apple มาตลอด พวกเขามาถูกทางแล้ว

มาดูเรื่องสเปกของตัวเรือธงอย่าง iPhone XS, iPhone XS Max กันบ้างจริงๆแล้ว 2 รุ่นนี้มีความแตกต่างกันแค่ขนาดของหน้าจอเท่านั้น และมีให้เลือก 3 สีมี สีเงิน สีทอง และสีดำ โดยหน้าจอของตัว iPhone XS Max จะมีขนาดหน้าจอที่ 6.5

ree

ความละเอียดหน้าจออยู่ที่ 2688*1242 และตัว iPhone XS จะมีขนาดหน้าจอที่ 5.8 ความละเอียดหน้าจออยู่ที่ 2436*1125 ส่วนสเปกต่างๆเรียกได้ว่าเท่ากันเลย

ree

ตัวหน้าจอเป็นแบบ Super Ratina OLED display, HDR Display, Dolby Vision and HDR10, 3DTouch, Tap To Wake, True Tone Display และสามารถกันน้ำได้โดยใช้มาตราฐานที่ IP68

ree
ตัวกล้องของตัวเรือธงนั้นกล้องหลังมี 2 กล้อง 1 Flash ตำแหน่งการว่างเหมือนเดิมเหมือนตัวรุ่น iPhone X โดยกล้องหลัง 2 ตัว
ree

ตัวแรกเป็นเลน Wied-angle มีความละเอียดที่ 12 MP F/1.8

และอีกกล้องเป็น Telephoto ที่มีความละเอียดถึง 12 MP F/2.4

การถ่าย VDO เป็น 4K สูงสุดถึง 60 fps กล้องหน้า มี RGB Camera

ree

กล้องหน้า มี RGB Camera ที่ 7 MP F/2.2 เป็นรูปแบบของ

Fast Sensor iR Camera และ Dot Projector 2

ree

อันสุดท้ายนั้นเข้ามาช่วยในเรื่องของการทำ Login เข้าเครื่อง

โดยใช้ใบหน้า ใครว่าไม่แม่น คราวนี้จะ แม่นแล้วนะจ้ะ

มุมมองจากพวกเรา : สำหรับกล้องในรุ่นนี้ จากการดู Spec กล้องแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ แต่สิ่งที่ Apple ทำได้ดีเสมอมาคือ Quality ของ Pixel ภายใน และยิ่งบวกกับ ลูกเล่นใหม่ๆ (ที่ถึงแม้จะมีอยู่ในตลาดมานานแล้ว)
ree

ทั้งนี้ตัวกล้องตัว Apple เองได้พรีเซ้นตัว Smart HDR

ree

ที่มีการเก็บขอบภาพและแสงเงาได้ดียิ่งขึ้น และยังไม่หมดเพียงแค่ตัว Smart HDR

ree

ree
มุมมองจากพวกเรา : ท้ายที่สุดแล้ว Apple ได้มีการพัฒนา Software เพื่อที่ให้ทำการปรับค่า f เพื่อทำให้รูปด้านหลังเป้นหน้าชัดหลังเบลอหรือทำเป็น Bokeh ได้ง่ายขึ้นด้วย (ซะทีนะ) แต่เป็นเรื่องที่ดีครับ ไม่ได้แซะนะ 55 5
ree

รุ่นรองของ Apple iPhone XR ตัวนี้ถ้าพูดภาษาบ้านๆเลยนั้นบอกได้เลยว่าเป็นรุ่นราคาประหยัด โดยเจ้าตัว iPhone XR เนี่ยมีสีมาให้เลือกกันนั้นก็คือ สีฟ้า สีขาว สีดำ สีเหลือง สีส้ม และ สีแดง เรียกได้ว่างานนี้ Apple Color Full กันเลยทีเดียว

ree

ตัว iPhone XR ใช้หน้าจอเป็นแบบ Liquid Ratina LCD Display

มีขนาดหน้าจอที่ 6.1 นิ้ว ความละเอียดที่ 1792*828

ree

เรื่องการใช้งานนั้นตัวนี้จะถูกตัดการใช้งานที่ไม่เหมือนเรือธงออกไปนิดหน่อยเช่น HDR Display, Dolby Vision and HDR10, 3DTouch, True Tone Display และสามารถกันน้ำได้โดยใช้มาตราฐานที่ IP67

ree
เรื่องกล้อง ตัวรุ่นรองอย่าง iPhone XR มีแค่ 1 กล้องโดยมีความละเอียดถึง 12 MP f/1.8 กล้องหน้าอยู่ที่ 7 MP และเขาบอกว่าสามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ ได้เช่นกัน ด้วยกล้องแค่ตัวเดียว (เหมือน Google Pixel)
ree

เรื่องราคาและหน่วยความจำตัวเรือธงอย่าง iPhone XS, iPhone XS Max นั้นมีขนาดความจุให้เลือกซื้อที่ 64GB 256GB และ 512 GB

ree

โดยราคาเริ่มต้นสำหรับตัว iPhone XS 999$ หรือตีเป็นราคาไทย 39,960 บาท

ในราคาเริ่มต้นและ iPhone XS Max 1099$ หรือตีเป็นราคาไทย 43,960 บาท

ส่วนราคารุ่นรองอย่าง iPhone XR มีให้เลือกซื้อ 3 สเปกด้วยกันนั้นก็คือ

64GB 128GB และสุดท้าย 256 GB ราคาเริ่มต้นของตัวเครื่อง 749$

หรือตีเป็นราคาไทย 29,960 บาท *


มุมมองจากพวกเรา : การวาง Range ราคาของ iPhone ในปีนี้ถือว่าน่าสนใจครับ คนที่งบน้อยสามารถเข้าถึงรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงได้ ในขณะที่คนที่จ่ายไหว ก็ไม่จำเป็นจะต้องจ่ายแพง เพื่อได้รุ่น Top เพราะต่างกันแค่ ขนาดหน้าจอ และ Storage เท่านั้น

-------------------------------------------------------------

รุ่นนี้เป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคนที่จะหันมาเล่น iOS แต่ถ้าหาก คุณยังมี iPhoneX หรือ 8 plus อยู่ จริงๆ แล้วรุ่นนี้จะผ่านก็ได้ นะครับ (ยกเว้นจะอยากเปลี่ยน Design) กล้องของ iPhone รุ่นนี้มีความสมบูรณ์แบบที่สุดจากพื้นฐานเดิมของ กล้องถ่ายรูปทั่วไป (ไม่ได้มี Top-up Features อะไรที่น่าสนใจมาก) แต่คุณภาพสูงสุด


ขอบคุณที่อ่านกันมาถึงตรงนี้ สวัสดีครับ

------------------------------------------------------------------------------

[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ]

IG : kaew.mobilefoto

ความคิดเห็น


  • White Facebook Icon
  • White Instagram Icon
About us

MobilePhotographer คือ Community ของคนชอบถ่ายภาพ ด้วยมือถือ มี Content | Review Smartphone | Review ท่องเที่ยว | รวมไปถึง Photography Tips เพียบ

 

Read More

 

Follow us on
  • White YouTube Icon
  • White Facebook Icon

© 2017 by MobilePhotographer | ประเทศไทย | Email : sitthikitrv@gmail.com 

bottom of page